4 บทกลอน ………………………
กลอนที่ 1
……………………..
อาลัยพระอาจารย์สมบูรณ์ ทมจิตโต
…………………………………………………..
…ยี่สิบแปด พรรษาที่ พระรูปหนึ่ง
เกิดซาบซึ้ง หลักธรรม คำสั่งสอน
ได้พากพียร เรียนธรรมะ ละนิวร
ออกเดินจร แสวงธรรม ตามมรรคา
เดินธุดงค์ ลงกลด ไปทุกที่
อุทิศพลี ชีพเพื่อ พระศาสนา
จาริกไป สอนธรรม นำประชา
พัฒนา วัดบ้าน งานชุมชน
นำญาติโยม สร้างสำนัก สงฆ์กลางป่า
ช่วยนำพา ญาติโยมให้ ได้กุศล
ฝึกอบรม บ่มชีวิต ฝึกจิตตน
เพื่อหลุดพ้น ตามรอยบาท พระศาสดา
ชีวิตท่าน เป็นแบบอย่าง ที่งามงด
ควรจำจด จารึกใน พระศาสนา
เป็นพระที่ สาธุชน สนศรัทธา
น้อมนำมา เป็นแบบอย่าง ทางสัญจร
บัดนี้ท่าน ล่วงลับ ดับขันธ์แล้ว
เหลือเพียงแนว หลักธรรม คำสั่งสอน
กับศาลา อาศรม ท่านเคยนอน
ให้อาวรณ์ ระลึกถึง ทราบซึ้งใจ
จึงกราบก้ม ประนมนึก อธิษฐาน
วิญญาณท่าน อยู่แห่งหน ตำบลไหน
โปรดรับรู้ ว่าญาติโยม รักอาลัย
น้อมกายใจ สร้างกุศล ส่งผลบุญ
ขออุทิศ ผลบุญนี้ ให้แด่ท่าน
โปรดบันดาล ให้มีสุข เกษมสุนทร์
ดิเรกลาภ ทรัพย์ยศ ปรากฏจุน (ตัดมาจากคำว่าค้ำจุน แปลว่าช่วยเหลือ,อุดหนุน,จุนเจือ)
แสนอบอุ่น สดใส ในนิพพาน
ถ้าตกทุกข์ ขอให้พ้น ไปจากทุกข์
ได้ถึงสุข ปรีดิ์เปรม เกษมสันต์
มีสุขแล้ว สุขยิ่งขึ้น ทุกคืนวัน
ถึงนิพพาน บรมสุข หมดทุกข์เทอญ
ด้วยความเคารพรักและอาลัยยิ่ง
จาก…พระสงฆ์สามเณร ญาติโยม ลูกหลาน และญาติพี่น้องทุกคน
…………………
กลอนที่ 2
………………..
อาลัยหลวงตาแช่ม อาสโภ
……………………………………….
…เจ็ดสิบสอง ปีที่ ปสกหนึ่ง (ปสก/สีกา หมายถึงอุบาสก / อุบาสิกา)
เกิดซาบซึ้ง หลักธรรม คำสั่งสอน
บวชเป็นพระ ละทางโลก โยกย้ายจร
สู่กรุงเทพ มหานคร อยู่วัดธรรม
มุ่งเป็นศิษย์ หลวงพ่อ ผู้ก่อเกิด
วิชาเลิศ พลังจิต แห่งสยาม
หลวงพ่อชื่อ วิริยังค์ ผู้ลือนาม
ทุกเขตคาม นับถือ ระบือไกล
หลวงตาเรียน จบแล้ว กลับคืนวัด
ฝึกปฏิบัติ อบรม บ่มนิสัย
มุ่งเผยแผ่ หลักธรรม อันอำไพ
สอนญาติโยม ทั้งหลาย มาเนิ่นนาน
หลายสิบปี ที่วิเวก อยู่วัดป่า
นามวัดว่า วังน้ำเย็น เห็นในฝัน
สมาธิ ฝึกจิต พิชิตมาร
หลายปีผ่าน กิเลสหาย สบายองค์
บัดนี้ท่าน ล่วงลับ ดับขันธ์แล้ว
เหมือนดวงแก้ว แตกสลาย กลายเป็นผง
เหลือเพียงคำ สอนสั่ง ยังยืนยง
กับกุฏิ วิหารสงฆ์ ฝากญาติโยม
จึงกราบก้ม ประนมนึก อธิษฐาน
ขอวิญญาณ ท่านไปสู่ ที่เหมาะสม
เกิดเป็นเทพ บนสวรรค์ ชั้นพระพรหม
แสนสุขสม เปี่ยมสุข ทุกคืนวัน
ญาติโยมอยู่ ข้างหลัง ขอตั้งจิต
น้อมอุทิศ กุศลไป ให้ไพศาล
ถึงหลวงตา ผู้ดับขันธ์ เมื่อวันวาน
จงพบพาน แต่ความสุข ทุกคืนวัน
ถ้าตกทุกข์ ขอให้พ้น ไปจากทุกข์
ได้ถึงสุข ปรีดิ์เปรม เกษมสันต์
มีสุขแล้ว สุขยิ่งขึ้น ทุกคืนวัน
ถึงนิพพาน บรมสุข หมดทุกข์เทอญ
ด้วยความเคารพรักและอาลัยยิ่ง
จาก…พระสงฆ์สามเณร ญาติโยม ลูกหลาน และญาติพี่น้องทุกคน
…………………
กลอนที่ 3
………………..
อาลัยหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
……………………………………………….
โอ้ร่มโพธิ์ ร่มไทร ของชาวพุทธ
บริสุทธิ์ ยิ่งใหญ่ สุดไพศาล
ชาวพุทธได้ พึ่งพา มาเนิ่นนาน
ยืนตระหง่าน ต้านลมฝน จนชินตา
ร่มโพธิ์ไทร เปรียบเป็น เช่นพลวงพ่อ
ผู้นำก่อ บุญใหญ่ ในศาสนา
คนลำบาก ขัดสน จนเงินตรา
ได้พึ่งพา ข้าวก้นบาตร ไม่ขาดใจ
มาบัดนี้ โพธิ์ไทร นอนไร้ร่ม
ท่านสิ้นลม ถามไถ่ ไม่สนอง
เหลือเพียงร่าง นอนหลับใหล ไม่น่ามอง
รอส่งห้อง เมรุเตา เพื่อเผาไฟ
ขาดหลวงพ่อ ไร้ร่มเงา แสนเศร้านัก
กราบทายทัก เงียบไป ยิ่งใจหาย
นั่งอึมครึม ซึมเศร้า สุดเหงาใจ
เศร้าทรวงใน สุดฝืน กลืนน้ำตา
จึงกราบก้ม ประณมกร วิงวอนฟ้า
เทพเทวา บนสวรรค์ แดนหรรษา
โปรดมารับ หลวงพ่อกลับ ไปเทวา
เสวยสุข บนชั้นฟ้า พระนิพพาน
ญาติโยมอยู่ ข้างหลัง ขอตั้งจิต
น้อมอุทิศ กุศลไป ให้ไพศาล
ถึงหลวงพ่อ ผู้จากไป ให้เบิกบาน
แสนสำราญ เปี่ยมสุข ทุกคืนวัน
ถ้าตกทุกข์ ขอให้พ้น ไปจากทุกข์
ได้ถึงสุข ปรีดิ์เปรม เกษมสันต์
มีสุขแล้ว สุขยิ่งขึ้น ทุกคืนวัน
ตราบนิรัน ในภพใหม่ ชาติใหม่เทอญ
ด้วยความรักและอาลัยยิ่ง
จาก…ภิกษุสามเณร ญาติโยม ลูกหลานและญาติพี่น้องทุกคน
………………..
กลอนที่ 4
……………
อาลัยพระอาจารย์สุนทร ปภัสสโล
………………………………………………..
แปดสิบสอง ปีที่ท่าน ผ่านชีวิต
ไปทุกทิศ ตามล่า หาความฝัน
บวชเป็นเณร หลายปี ที่ฝ่าฟัน
สึกแต่งงาน มีลูกสาว ถึงสามคน
ทำงานหนัก เงินน้อย นั่งสร้อยเศร้า
คนอื่นเขา ไปแดนไกล แล้วได้ผล
ได้เงินมา ใช้หนี้ หนีความจน
เราก็คน เหมือนกัน ไม่พรั่นพึง
ตัดสินใจ จำนองที่ หนีจากบ้าน
ไปทำงาน แดนไกล ใจต้องถึง
ขายแรงงาน เหนื่อยแค่ไหน ไม่คำนึง
หลายปีจึง กลับมา หาลูกเมีย
แต่ทุกอย่าง ไม่เป็น เช่นที่คิด
เพราะชีวิต ติดพนัน การได้เสีย
ไม่มีเงิน ส่งมา ให้ลูกเมีย
จึงต้องเสีย ที่ให้เขา แสนเศร้าใจ
กลับบ้านมา มือเปล่า แสนเศร้าสร้อย
เห็นลูกน้อย เมินหน้า น้ำตาไหล
เมียไม่ยอม คืนดีด้วย ซวยบรรลัย
เพราะหลงไป มัวเมาเล่น เห็นแก่ตัว
ตัดสินใจ เข้าวัด ตัดกิเลส
ตัดสาเหตุ แห่งทุกข์ ขมุกขมัว
บวชอีกครั้ง หวังดับทุกข์ ที่ติดตัว
นิพพานชัวร์ หวังใจ ได้แน่นอน
มาบัดนี้ หลวงตา มรณะแล้ว
เหลือเพียงแนว หลักธรรม คำสั่งสอน
ฝากลูกหลาน ญาติโยมให้ ไม่สั่นคลอน
นั่งยืนนอน สุขสงบ พบนิพพาน
จึงกราบก้ม ประณมกร วิงวอนฟ้า
เทพเทวา บนแคว้น แดนสวรรค์
โปรดมารับ หลวงตากลับ ไปด้วยกัน
พาสู่ชั้น วิมานฟ้า พระนิพพาน
ญาติโยมอยู่ ข้างหลัง ขอตั้งจิต
น้อมอุทิศ กุศลไป ให้ไพศาล
ส่งไปถึง หลวงตาให้ ใจเบิกบาน
แสนสำราญ เปี่ยมสุข ทุกคืนวัน
ถ้าตกทุกข์ ขอให้พ้น ไปจากทุกข์
ได้ถึงสุข ปรีดิ์เปรม เกษมสันต์
มีสุขแล้ว สุขยิ่งขึ้น ทุกคืนวัน
ถึงนิพพาน บรมสุข หมดทุกข์เทอญ
ด้วยความเคารพรักและอาลัยยิ่ง
จากพระสงฆ์สามเณร ญาติโยม ลูกหลาน และญาติพี่น้องทุกคน
………………………
กลอนที่ 5
…………………..
อาลัย…หลวงปู่วัลลภ สุทธสีโล
…………………………………………………………..
แปดสิบเก้า ปีที่ หลวงปู่เกิด ถิ่นกำเนิด อยู่อุบล คนมีฝัน
ย้ายมาอยู่ เจริญศิลป์ มาช้านาน มีลูกหลาน มากมาย หลายสิบคน
หาเงินส่ง ลูกเรียน ฝึกเขียนอ่าน ลูกแต่งงาน แยกกันไป หลายแห่งหน
แบ่งทรัพย์สิน นาไร่ ให้ทุกคน มีสุขล้น เมื่อลูกมี ที่ทำกิน
หลายสิบปี ที่ลำบาก ยากเพื่อลูก หมดสนุก เพราะฟันฝ่า หาทรัพย์สิน
เป็นหมอยา สมุนไพร ทรัพย์ในดิน ไปทุกถิ่น เพื่อขุดหา มาปรุงยา
เป็นผู้ทรง คุณวุฒิ ของหมู่บ้าน เป็นอาจารย์ ทำพิธี มีคาถา
รักษาศีล ถือธรรม อยู่เถียงนา แสวงหา ทางพ้นทุกข์ สุขนิรัน
ตัดสินใจ บวชเป็นพระ ละทางโลก ทิ้งความโศก ซึมเศร้า เคล้าสุขสันต์
ทิ้งลูกเมีย ไร่นา สารพัน มุ่งนิพพาน ตามรอยบาท พระศาสดา
มาบัดนี้ ปู่ล่วงลับ ดับขันธ์แล้ว ไร้วี่แวว จะติดตาม ถามไถ่หา
ปู่ไปแล้ว ไปลับ ไม่กลับมา หยดน้ำตา เอ่อลัน พ้นรำพัน
จึงกราบก้ม ประณมนึก อธิษฐาน ขอวิญญาณ หลวงปู่ สู่สวรรค์
เกิดเป็นเทพ เสพสุข ทุกคืนวัน ตราบนิรัน ฟ้าสิ้น ดินมลาย
ญาติโยมอยู่ ข้างหลัง ขอตั้งจิต มอบอุทิศ กุศลให้ ไม่ห่างหาย
ขอกุศล ผลบุญ หนุนส่งไป ถึงปู่ให้ มีสุข ทุกคืนวัน
ถ้าตกทุกข์ ขอให้พ้น ไปจากทุกข์ ได้ถึงสุข ปรีดิ์เปรม เกษมสันต์
มีสุขแล้ว สุขยิ่งขึ้น ทุกคืนวัน ถึงนิพพาน บรมสุข หมดทุกข์เทอญ
ด้วยความเคารพรักและอาลัยยิ่ง
จาก… พระสงฆ์สามเณร ญาติโยม ลูกหลานและญาติพี่น้องทุกคน
1 Comment
Please sent all ads and promo information by E-mail:reklama@sn.by