เขียนตามสถานการณ์
……………………..
กลอนที่ 1
…………………….
เป็นประสก สีกา อย่าจุ้นจ้าน
เที่ยวระราน ชี้สั่ง สอนพระสงฆ์
เพราะคำสั่ง ของพระ พุทธองค์
ล้วนให้สงฆ์ ชี้ธรรม นำประชา
ประสกเก่ง แต่ไม่ดี ไปกว่าพระ
รู้ธรรมะ รักษาศีล กี่ข้อหวา
ทำอวดเก่ง ตะเบ็งสอน สังฆ์ราชา
อวดศักดา ว่ายิ่งใหญ่ ไร้เทียมทาน
จึงเตือนกัน ฉันท์พี่น้อง เพื่อนผองมิตร
หยุดความคิด หยุดอาฆาต หยุดประหาร
หยุดคำพูด ดุด่า ว่าประจาน
หยุดเป็นมาร ศาสนา หยุดบ้าที
กลับมาเป็น ประสกดี เหมือนก่อนเก่า
มุ่งมั่นเข้า ถึงธรรม ตามวิถี
กตัญญู รู้รัก สามัคคี
พระสงฆ์มี คุณต่อเรา เอนกอนันต์
สอนผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็ช่างท่าน
คนทำงาน ย่อมมีพลาด ปราชญ์ไขขาน
ถ้าแก้ไข ผิดพลาดให้ อภัยกัน
อย่าแบ่งชั้น แบ่งนิกาย แบ่งฝ่ายเลย
ชาวพุทธเรา ต้องรู้รัก สมัครสมาน
หมู่ภัยมาร รุกล้ำ อย่าทำเฉย
ช่วยหว่านรัก หว่านไมตรี อย่าละเลย
พระสงฆ์เอ่ย ต้องเชื่อฟัง อย่างตั้งใจ
………………………
กลอนที่ 2
…………………….
ความรู้มี แค่หางอึ่ง อุตริ
คิดจะริ ปฏิรูป ศาสนา
เที่ยวชี้หน้า ด่าภิกษุ สังฆ์ราชา
เหมือนหมาบ้า กัดดะ กระจัดกระจาย
ใครต่อใคร วิ่งหลบ อุตลุด
มันเป็นพุทธ ศาสนา นิกายไหน
จึงหยาบช้า สามานย์ เกินกว่าใคร
เหตุไฉน จึงปล่อยมัน ฉันงวยงง
หรือว่ามัน เป็นเพียง พุทธรับจ้าง
มาขัดขวาง บ่อนทำลาย ภิกษุสงฆ์
ทำลายพุทธ ให้หดหาย ทลายลง
แล้วจึงส่ง ล้ทธิเขา เข้าครอบครอง
หรือเป็นเพียง เห็นต่าง ทางความคิด
สุจริต แคบแหลม แกมจองหอง
รู้ด้านเดียว กลับคิด จิตลำพอง
ไล่ถีบถอง ขวิดใครใคร เหมือนควายทาม
ศาสนา พุทธยิ่งใหญ่ กว่าที่คิด
รู้เพียงนิด คิดว่ามาก อยากหาบหาม
ผู้รู้หลัก มักลดละ ไม่บ้าตาม
ทิ้งหาบหาม เอาไว้ ไปแต่ตัว
………………………
กลอนที่ 3
…………………….
หยุดก่อนโยม อย่าเอามา หมามีแล้ว
อีกทั้งแมว อย่าเอามา เลี้ยงไม่ไหว
วัดไม่มี อาหารเหลือ เผื่อแผ่ใคร
หมาแมวตาย บาปกรรม จะตามโยม
…………………….
กลอนที่ 4
……………………
หยุดก่อนโยม อย่าตั้งวง ก๊งในวัด
เพราะมันขัด ศีลธรรม คำพระสอน
ควรตั้งวง ก๊งเหล้า ในห้องนอน
พอถึงตอน เมาปั๊บ ก็หลับเลย
…………………………………………..