เพลงหนองหารล่ม
คำร้อง/ทำนอง วิทิต ไชยวงศ์คต
…………………………………………..…
..บ้านเมืองถล่ม จมพื้นบาดาล
นาคไล่สังหาร ผู้คนบ้านเรือนเพพัง
ผาแดงไม่หวั่น มุ่งมั่นควบม้าเข้าวัง
ด้วยใจมุ่งหวัง ช่วยนางไอ่ไปให้ไกล
..พื้นดินถล่ม ไล่ตามผาแดง
ทุกหัวระแหง ผาแดงไปแห่งหนใด
นาคไล่ประชิด เกาะติดตามทุกก้าวไป
ตวัดเกี่ยวนางไอ่ ฉุดลงไปใต้บาดาล
…นางไอ่จากไป ก็เหมือนหัวใจมันแตก
เหมือนอกมันแยก แตกสลายร้าวราน
กระโดดน้ำตามไป จมหายลงใต้บาดาล
เป็นเรื่องกล่าวขาน ตำนานแห่งรักร้าวราน
…หนองหารกว้างใหญ่ มองไกลสุดตา
มีสายธารา ชื่อน้ำก่ำเชื่อมโขงโยงกัน
เป็นอนุสรณ์ แห่งความรักในตำนาน
หนุ่มสาวอีสาน ผูกพันมั่นรักนิรัน.
……………………………………………………………..
เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2522 ข้าพเจ้าได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ จังหวัดสกลนคร ทราบว่าพระอาจารย์สีนวนได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเหมือนกันและพำนักอยู่ที่วัดบ้านด่านม่วงคำ ข้าพเจ้าจึงถือโอกาสไปกราบเยี่ยมท่านที่วัด
ท่านเล่าเรื่องราวของท่านให้ฟังว่า ท่านเจ้าคุณสรญาณมุนี ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีสุมังค์ และรองเจ้าคณะจังหวัดสกลนครส่งท่านไปจำพรรษาที่วัดร้างบนเกาะดอนสวรรค์ ซึ่งตั้งอยู่กลางหนองหาร ได้หนึ่งพรรษาแล้ว
ข้าพเจ้าถามว่า หลวงพี่อยู่กินยังไง อยู่คนเดียวไม่ลำบากแย่หรือ ?
พระอาจารย์สีนวนเล่าว่าท่านเจ้าคุณสร้างกุฏิชั่วคราวหลังคาเพิงหมาแหงนและห้องน้ำให้ จัดหาเรือพายให้อีกหนึ่งลำ สำหรับติดต่อสื่อสารกับตัวเมืองและไปรับข้าวสารอาหารแห้งจากท่านเจ้าคุณที่วัดศรีสุมังค์เป็นครั้งคราว นำไปเก็บไว้สำหรับหุงหาฉันเอง
ข้าพเจ้าถามติดตลกว่าผีบนเกาะไม่ทำบุญใส่บาตรบ้างหรือ ?
พระอาจารย์สีนวนหัวเราะ ถามข้าพเจ้าว่า โยมน้องมหาเชื่อเรื่องผีไหม?
ข้าพเจ้าตอบไปว่า เชื่อว่ามีผีแต่ไม่เคยเห็น เช่นเดียวกับเชื่อว่ามีลมแต่ไม่เคยเห็นตัวลม
ท่านจึงเล่าประสบการณ์เรื่องผีในวัดร้างบนเกาะดอนสวรรค์ให้ฟังว่า ทุกคืนวันพระจะได้ยินเสียงคล้ายคนเดินคุยกันไปมาบ้าง เสียงเคาะเสากุฏิบ้าง ประตูห้องน้ำปิดเปิดเองบ้าง ระฆังที่แขวนไว้รอบโบสถ์ร้างแกว่งไกวและเกิดเสียงดังเหมือนคนเคาะบ้าง เห็นภาพผีพวกนั้นลาง ๆ บ้าง ฝันเห็นผีพวกนั้นบ้าง หลวงพี่กลัวผีเหมือนกันเพราะอยู่คนเดียว ได้แต่บ่นพึมพำว่า ทางใครทางมันเด้อโยม ก่อนนอนก็ไหว้พระสวดมนต์และภาวนาแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้พวกเขาได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี
วันหนึ่งคณะท่านเจ้าคุณพายเรือไปเยี่ยมและส่งข้าวสารอาหารแห้งให้หลวงพี่ ท่านเจ้าคุณได้พาคณะพระเณรเดินชมรอบเกาะ บังเอิญเหลือบไปเห็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในโบสถ์ที่วัดร้างจึงสั่งให้พระเณรนำลงเรือกลับไปด้วย หลวงพี่ทัดทานว่า ไม่ควรนำพระพุทธรูปนั้นไปโดยพละการเพราะพระพุทธรูปนั้นมีเจ้าของหวงแหน ท่านเจ้าคุณหัวเราะ ไม่เชื่อและได้นำพระพุทธรูปนั้นไปไว้บูชาที่ห้องนอนของท่าน
เหตุการณ์ผ่านไปได้เพียงสามคืนท่านเจ้าคุณก็ฝันว่า มีโยมผีมากราบท่านที่กุฏิและทวงพระพุทธรูปคืน เช้าวันรุ่งขึ้นจึงเล่าเรื่องความฝันให้พระเณรในวัดฟังด้วยความขบขัน
อีกสามวันต่อมาท่านเจ้าคุณได้เล่าความฝันให้พระเณรในวัดฟังฝันอีกว่า เมื่อคืนฝันว่ามีโยมผีตัวเดิมแต่ตัวสูงใหญ่กว่าเดิม มายืนทำหน้ายักษ์อยู่หน้าวัด ชี้มือมาพร้อมส่งเสียงดังข่มขู่ให้เอาพระพุทธรูปไปคืน ท่านเจ้าคุณท้าทายว่า ถ้าผีแน่จริงให้มายกเอาไปเอง
หลายวันต่อมาท่านเจ้าคุณเล่าเรื่องความฝันให้พระเณรในวัดฟังอีกครั้งด้วยความขบขันว่า เมื่อคืนฝันว่ามียักษ์เขี้ยวใหญ่สีหน้าถมึงทึงขี่เมฆมาบนท้องฟ้าหยุดอยู่ตรงหน้าประตูวัด ชี้มือมาพร้อมส่งเสียงดังข่มขู่ขึ้นกูขึ้นมึงว่ามึงต้องเอาพระพุทธรูปไปคืนกูโดยด่วน ถ้าไม่เอาพระพุทธรูปไปคืนกู.มึงตาย ท่านเจ้าคุณไม่กลัวไม่เชื่อและไม่ยอมคืน
สามสี่คืนต่อมาได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและฟ้าได้ผ่าเปรี้ยงลงตรงกุฏิของท่านเจ้าคุณเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งเมือง หลังฝนซาเม็ดลง พระเณรรีบพากันไปงัดเปิดประตูกุฏิท่านเจ้าคุณด้วยความเป็นห่วง พบร่างท่านเจ้าคุณยืนถึงแก่มรณภาพอยู่ข้างประตูภายในกุฏิของท่านนั่นเอง
พระอาจารย์สีนวนเห็นท่าไม่ดี กลัวผีดอนสวรรค์เข้าใจผิดว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการขโมยพระพุทธรูป จึงพายเรือหนีออกจากเกาะดอนสวรรค์เข้าฝั่ง มาพำนักอยู่ที่วัดศรีสุมังคล์ อยู่ได้ไม่นานก็ลื่นล้มในห้องน้ำ ศีรษะฟาดพื้นและถูกหามนำส่งโรงพยาบาลสกลนคร
ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวรีบเดินทางไปเยี่ยม ถึงโรงพยาบาลประมาณหกโมงเย็น เจ้าหน้าที่ชี้ทางว่าอยู่ตึกด้านหลังชั้น 2 ข้าพเจ้าเดินขึ้นบันไดคนเดียว บรรยากาศดูวังเวงชอบกล พอเปิดประตูห้องคนไข้เข้าไปพบว่าไม่มีหมอและพยาบาลแม้แต่คนดียว ได้พบเพียงเตียงคนไข้ตั้งเรียงรายประมาณสิบกว่าเตียง โดยมีผ้าสีน้ำเงินคลุมไว้มองดูคล้ายศพ และพบร่างพระอาจารย์สีนวนนอนอยู่บนเตียงตรงทางเข้าพอดี แขนขาถูกล่ามโซ่อย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันมิให้ตกเตียง แต่กระนั้นก็ยังพยายามผุดลุกขึ้นส่งเสียงดังประสานกับเสียงโซ่เหล็กที่ล่ามแขนขาไว้อย่างน่ากลัว ข้าพเจ้าจึงพูดขึ้นด้วยเสียงดัง ๆ ว่า หลวงพี่สีนวนครับ กระผมโยมน้องมหาวิทิตมาเยี่ยมครับ แค่หกล้มบาดเจ็บนิดหน่อยเอง คงไม่เป็นอะไรมาก ขอให้หายไว ๆ นะครับ พอพูดจบร่างของพระอาจารย์สีนวนค่อย ๆนอนลงอย่างสงบ ข้าพเจ้ารีบปิดประตูห้องและเดินจากมาด้วยความหวาดกลัว ทราบภายหลังว่าทางวัดศรีสุมังค์ได้นำสรีระสังขารของท่านกลับไปทำพิธีฌาปนกิจที่วัดตามประเพณีในวันรุ่งขึ้น
ท่านมหาบุญถึง ยืนยันหลัก กล่าวว่า อยากได้ของผีห้ามใช้เวทย์มนต์กลคาถาข่มขู่ข่มเหงแต่ให้ใช้กลอุบาย กล่าวคือพูดขอเองตอบเอง ในกรณีย์นี้ท่านเจ้าคุณต้องพูดว่า พระพุทธรูปองค์นี้คืองามแท้ อาตมาขอไปไว้บูชาที่วัดเด้อ แล้วท่านเจ้าคุณก็ตอบเองว่า เออ ท่านเจ้าคุณเอาไปเลย กระผมรักษาไว้ให้ท่านเจ้าคุณนานแล้ว บัดนี้หมดหน้าที่รักษาพระพุทธรูปของกระผมแล้ว กระผมก็จะได้ไปเกิดใหม่ แต่ถ้าเอาพระพุทธรูปของผีมาแล้วโดยที่ไม่ได้ขอก็ให้รีบเอาไปคืนแล้วจึงทำกลอุบายขอดังที่กล่าวแล้ว…รับรองว่าผีจะให้พระพุทธรูปด้วยความยินดีปรีดาอย่างแน่นอน
ท่านมหาบุญหนัก ยืนยังเซ กล่าวเสริมว่า ผีดอนสวรรค์นับถือศาสนาพุทธ เคารพพระสงฆ์ แต่ที่ทำร้ายพระสงฆ์เพราะผีทำหน้าที่รักษาพระพุทธรูป ถ้าท่านเจ้าคุณเอ่ยปากขอตามกลอุบายที่ท่านมหาบุญถึง ยืนยันหลัก ชี้แนะคงไม่เกิดเรื่องร้าย ๆ ผีเองก็คงเสียใจไม่น้อยที่ทำร้ายพระ
มหาหิงส์ นารีสนั่น กล่าวทัดทานด้วยความห่วงใยว่า อย่าเพิ่งเชื่อหรือทำตามที่ท่านมหาทั้งสองกล่าวยุแยงตะแคงรั่วโดยเด็ดขาด เพราะถ้าผีไม่เห็นดีด้วยอาจถูกผีหักคอเอาได้แล้วใครจะรับผิดชอบ ถ้าท่านมหาทั้งสองเชื่อมั่นในกลอุบายดังกล่าวลองทำให้ดูเป็นตัวอย่างหน่อยสิ กล้าไปนอนที่เกาะดอนสวรรค์หรือเปล่า อย่าพูดเอามันอย่างเดียวครับท่าน