เกี่ยวกับพ่อครู 4

พ่อครูดอทคอม

ฝันถึงอดีต

ข้าพเจ้าชอบศึกษาเรื่องอำนาจจิต ฝึกสมาธิเพื่อให้จิตมีพลัง แม้จะไม่มีพลังจิตมากพอที่จะบรรลุฌาณสมาบัติได้  แต่บางครั้งมันทำให้ข้าพเจ้าฝันเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้  เช่นครั้งหนึ่งฝันเห็นตัวเลขสีแดง 357 ขึ้นบนท้องฟ้า วันรุ่งขึ้นหวยออก 357 ข้าพเจ้าถูกหวยทั้งสองตัวและสามตัว  แต่พอเกิดความโลภขึ้นในใจก็ทำให้ความฝันครั้งต่อมาไม่แม่นยำ   คืนหนึ่งข้าพเจ้าฝันไปว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาชวนข้าพเจ้าไปดูชาติภพเก่าของลูกชายคนโต (เจ้าทีม)  ข้าพเจ้าเดินตามเธอไปจนถึงบ้านไม้เก่าแก่โบราณ หลังคามุงด้วยกระเบื้องเก่าหลังหนึ่งในบริเวณพระราชวัง ในจังหวัดอยุธยา ผู้หญิงคนนั้นพาข้าพเจ้าเข้าไปภายในบ้าน เธอบอกว่าถ้าอยากดูภพชาติก่อนของนายทีม  ให้เปิดประตูบานนี้เข้าไป  และทันทีที่ข้าพเจ้าเปิดประตูก็มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชฏานุ่งโจงกระเบนใส่รองเท้าปลายแหลมกำลังรำลิเกอยู่พอดี  ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า คนนี้แหละคือชาติภพก่อนของนายทีมลูกชายเจ้า  ข้าพเจ้าตื่นขึ้นนั่งทบทวนความฝัน เล่าความฝันให้แม่บ้านฟังพร้อมทำนายว่า  นายทีมลูกเราชาติก่อนเป็นลิเกเก่า  เมื่อเขาโตขึ้นจะมีความสามารถทางด้านการละคร  และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ  เพราะเมื่อเขาเป็นครูที่โรงเรียนเจริญศิลป์ศึกษา”โพธิ์คำอนุสรณ์”  เขาพานักเรียนสร้างภาพยนตร์สั้นส่งเข้าประกวดชนะเลิศระดับประเทศหลายรางวัล  นักเรียนที่ชนะเลิศได้ไปเที่ยวต่างประเทศหลายปีติดต่อกัน หลายปีต่อมาข้าพเจ้าฝันเห็นภพชาติก่อนของตัวเองกับน้องสาวคนสุดท้อง (วิไลวรรณ) ในฝันนั้นได้เห็นภาพของตัวเองกับน้องสาวเป็นคนจีนกำลังยืนขายเสื้อผ้าอยู่ที่ตลาดประตูน้ำ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่  กรุงเทพมหานคร     นักปรัชญากล่าวว่า  ยิ่งเรียนยิ่งโง่  หมายความว่า ยิ่งเรียน  ยิ่งรู้ว่าสิ่งที่เรายังไม่รู้มีมากจนทำให้เรารู้สึกว่า  เราแทบจะไม่รู้อะไรเลยนอกจากรู้เท่าที่เห็น ที่ฟัง ที่สัมผัสแตะต้องได้เท่านั้น  นอกนั้นเราไม่รู้  ยกตัวอย่างเช่น เราเห็นไก่แต่เราก็ไมรู้รายละเอียดเกี่ยวกับไก่ตัวที่เราเห็นได้ครบถ้วนสมบูรณ์ว่า มันเป็นไก่ของใคร  เกิดมาจากไข่ลำดับที่เท่าไร มีพี่น้องกี่ตัว อายุเท่าไร  มันมีขนกี่เส้น  ไก่เกิดก่อนไข่หรือไข่เกิดก่อนไก่ เป็นต้น  พระพุทธเจ้าตรัสว่า ในสังสารวัฏอันยาวไกลหลายหมื่นหลายแสนชาติ ไม่มีใครที่ไม่เคยเกิดเป็นบุตรธิดา สามี ภรรยา ญาติพี่น้องกัน ที่เราไม่รู้ชาติภพเก่าของเราเพราะจิตของเราถูกอวิชชาคือความไม่รู้ครอบงำทำให้จิตของเราไม่มีพลังอำนาจเพียงพอที่จะรู้แจ้งได้  คนเราจึงควรมีความรักความเมตตาและช่วยเหลือกัน  เพราะทุกคนไม่ว่าเป็นจะคนชาติไหน  จะยากดีมีจนหรือชั่วช้าเลวทรามเพียงใด   พวกเขาก็ล้วนเคยเป็นญาติพี่น้องของเรา

คนระลึกชาติ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า  กัมมุนา  วัตตะตี  โลโก  สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม  ในพระสุตตันตะปิฎกจารึกไว้ว่าคนตายแล้ว วิญญาณจะออกจากร่างไปแสวงหาที่เกิดใหม่เป็นนั่นเป็นนี่ตามกรรมดีและกรรมชั่วที่ตนเองเคยทำไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่  ถ้าทำกรรมดีไว้มากก็จะได้ไปเกิดในสุคติคือที่มีความสุขได้แก่การเกิดเป็นมนุษย์ที่ถึงพร้อมด้วยอายุยืนยาว ผิวพรรณผุดผ่อง  มีความสุข มีพละกำลังมาก  สติปัญญาไหวพริบปฏิภาณดีและมีทรัพย์สมบัติมาก  หรือได้ไปเกิดเป็นเทวดาเสวยกามสุขอยู่บนสวรรค์ จากการศึกษาประวัติของสวรรค์พบว่า  สวรรค์มี  6  ชั้น มีเหล่าเทวดาและนางฟ้าอาศัยอยู่ เทวดาและนางฟ้าแต่ละชั้นมีกายทิพย์คือกายที่สวยงามเป็นหนุ่มสาวหล่อสวยทุกตนไม่มีเทวดาหรือนางฟ้าขี้เหร่ เป็นเด็กหรือแก่ชรา  เทวดาและนางฟ้าไม่กินอาหารก็อิ่ม เรียกว่าอิ่มทิพย์คืออิ่มด้วยการเสพกามคุณทั้งห้าได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัสอันนุ่มนวลชวนฝันตลอดเวลา เทวดาและนางฟ้าไม่ต้องถ่ายเทของเสียออกจากร่างกาย  บนสวรรค์จึงไม่มีส้วม ไม่มีห้องน้ำ  ไม่มีกลางคืน ทุกตารางนิ้วบนสวรรค์สว่างไสว ด้วยแสงสะท้อนจากปราสาทแก้วและกำแพงแก้วรอบเมือง  บรรยากาศบนสวรรค์สดชื่นรื่นรมย์ด้วยเสียงเพลง เสียงดนตรีและเสียงฉอเลาะออดอ้อนจากการขับกล่อมและการหยอกเย้ากันของเหล่าเทวดาและนางฟ้าตลอดเวลา เมื่อเทวดานางฟ้าตายเพราะหมดบุญหรือกรรมเก่าไล่ตามทันร่างกายก็จะหายวับไปเกิดในภพชาติใหม่ตามกรรม  ถ้ากรรมดีกว่าไล่ตามทันก็จะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่าเดิม  แต่ถ้าทำกรรมชั่วไว้ก็จะได้ไปเกิดในทุคติคือที่มีความทุกข์ได้แก่ไปเกิดในนรก  ได้เกิดเป็นเปรตหิวโหย  ได้เกิดเป็นสัตว์ หรือมนุษย์ที่ไม่สมประกอบ ยากจน โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน  ผิดหวัง พลัดพรากจากของอันเป็นที่รัก ทุกข์ระทมขมขื่นเป็นต้น

คุณย่าของข้าพเจ้าชื่อคำภา  เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ทำกรรมดีในบางครั้งเช่นทำบุญตักบาตทุกเช้า  เข้าวัดรับศีลทุกวัน  แต่รักษาศีลห้าได้เพียงสี่ข้อยกเว้นศีลข้อแรกคืองดเวันจากการฆ่าสัตว์  เพราะคุณย่ายังต้องฆ่ากบเขียดปูปลาหรืออย่างน้อยก็ต้มไข่แทบทุกวันเพื่อทำอาหารกินเอง เลี้ยงดูลูกหลาน และแบ่งนำไปถวายพระเณรที่วัด คุณย่าตายเมื่ออายุได้ 105 ปี  คุณย่าของข้าพเจ้าจะได้ไปเกิดเป็นอะไร

หลังจากคุณย่าคำภาเสียชีวิตได้ประมาณสามปี  ขณะนั้นข้าพเจ้าเป็นสามเณรกำลังเรียนเปรียญธรรม 3 ประโยค อยู่ที่วัดศรีสุมังคล์ในเมืองสกลนคร พอกลับไปเยี่ยมบ้านก็ได้ทราบจากคำบอกเล่าของพ่อกับแม่และป้าลุงซึ่งเป็นลูก ๆ ของคุณย่าคำภาว่า  คุณย่าได้ไปเกิดเป็นเด็กผู้หญิงอายุได้ 3 ขวบกว่า ๆ อยู่กับครอบครัวชาวนาที่บ้านโนนกุง  คุณแม่และคุณป้าสดเล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้นว่า เมื่อเดือนก่อนผู้หญิงคนหนึ่งพาเด็กหญิงอายุสามขวบมาที่บ้าน เด็กหญิงคนนั้นมาถึงก็บอกว่าตนเองชื่อคำภามาเยี่ยมลูกชายชื่อทอนซึ่งเป็นพ่อของข้าพเจ้า  หลังจากได้คุยกับพ่อ แม่และน้อง ๆของข้าพเจ้าแล้ว เธอได้เดินนำหน้าขบวนลูกหลานไปเยี่ยมลูก ๆ ของเธอที่ยังมีชีวิตอยู่อีกสามคน  ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นดีใจมากทั้งสวมกอดและให้ข้าวของเงินทองตามฐานะ  หลังฉันอาหารเช้าแล้วข้าพเจ้าตัดสินใจชวนน้องเณรเดินทางไปเยี่ยมเธอที่บ้านโนนกุง   พากันเดินเท้าลัดเลาะไปตามทางเกวียนซึ่งเป็นดินทราย ข้ามน้ำก่ำผ่านป่าไผ่และทุ่งนาเข้าสู่หมู่บ้านโนนกุงระยะทางประมาณสี่กิโลเมตร  ข้าพเจ้าเข้าไปถามหญิงวัยกลางคนที่บ้านหลังแรก ได้รับคำตอบว่า พี่เณรมาถูกที่แล้ว  โยมนี่แหละที่พี่เณรถามหา  โยมพี่ผู้หญิงคนนั้นนิมนต์ข้าพเจ้ากับน้องเณรขึ้นไปนั่งบนเสื่อที่ปูรอไว้บนระเบียงบ้าน  หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันตามธรรมเนียมแล้ว เธอเล่าว่า ขณะมีท้องได้ประมาณสามเดือนเธอฝันไปว่า  คุณยายคำภา (ย่าของข้าพเจ้า)ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกันเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ได้มาหาเธอที่บ้าน  บอกว่าจะมาขออยู่ด้วย เธอปฏิเสธพร้อมแนะนำไปว่า ครอบครัวหนูยากจนนะยาย ยายไปขออยู่กับครอบครัวอื่นเถอะ  ยายบอกว่า ยายไม่ไปไหนทั้งนั้นจะขออยู่กับเธอที่บ้านหลังนี้แหละ  เธอได้เล่าความฝันประหลาดนี้ให้สามีฟังเท่านั้น   ต่อมาเธอได้คลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิงซึ่งก็คือ  เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนานใต้ต้นมะขามข้างบ้าน  เธอได้เรียกลูกสาวของเธอขึ้นมากราบข้าพเจ้า   ข้าพเจ้าถามเธอว่า หนูจำพี่เณรได้ไหม  เธอนั่งนึกอยู่พักหนึ่งแล้วพยักหน้ายิ้มเอียงอายตอบว่า  จำได้แล้ว เณรทิตนั่นเอง  ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นดีใจมากที่ได้พบกับคุณยายในร่างของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แต่งตัวมอมแมม  แม้จะไม่ใช่คุณยายคำภาในร่างหญิงชราหลังโกงผมสั้นหงอกขาวถือไม้เท้าช่วยพยุงเวลาเดินคนเดิมก็ตาม  ข้าพเจ้ามัวแต่วุ่นวายอยู่กับการเรียนในกรุงเทพฯ จึงขาดการติดต่อแทบจะโดยสิ้นเชิง  ได้ทราบจากพี่สาวของเธอที่ไปทำงานโรงงานทอผ้าในกรุงเทพฯ ในเวลาต่อมาว่า น้องเรียนจบชั้น ปวช.ด้านบัญชี เข้าทำงานบริษัทในกรุงเทพฯ ได้พบรักและแต่งงานกับหนุ่มชาวอังกฤษ หลังแต่งงานแล้วได้เดินทางไปอยู่กับสามีที่ประเทศอังกฤษ

ปรมาจารย์ด้านวิญญาณกล่าวว่า  วิญญาณของผู้ชายก็มักจะไปเกิดเป็นผู้ชาย  วิญญาณของผู้หญิงก็มักจะไปเกิดเป็นผู้หญิง  เพราะต่างพอใจในภพเพศของตนเมื่อครั้งยังมีชีวิต  ส่วนผู้ที่เป็นกระเทย ตุ้ด เกย์ เพราะชาติก่อนเป็นคนเจ้าชู้ประพฤติผิดศีลข้อกาเม  จึงต้องเกิดมาชดใช้บาปกรรมที่เคยทำไว้

สิทธิคนจน

ก่อนที่อาจารย์ใหญ่โรงเรียนบ้านทุ่งมนธาตุวิทยาจะเกษียณอายุราชการได้สมัครเข้าโครงการโรงเรียนเพื่อนเด็กไว้  พอข้าพเจ้าย้ายมาอยู่แทนท่านไม่นาน  ก่อนเปิดเทอมเพียง 7 วันโรงเรียนได้รับหนังสือคำสั่งให้คณะครูทุกคนรวมทั้งนักการภารโรงไปเข้ารับการอบรมที่โรงแรมในตัวเมืองสกลนครเป็นเวลา 5 วัน  วิทยากรหลักที่ทุกคนประทับใจได้แก่ ศน.หนอน(ประภัสสร) เพราะสวย น่ารัก วางตัวเหมาะสม  พูดมีหลักการน่าเชื่อถือศรัทธา ส่วนอีกท่านหนึ่งชื่อ ศน.ปรีชา  เดือนนิล ทุกคนจดจำท่านได้ดีเพราะรูปหร่อเสียงดี บรรยายได้ครบทุกอรรถรส ทั้งสนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ ประทับใจ จบการอบรมแล้วทุกคนเดินทางกลับไปทำงานในหน้าที่ของตนเองที่โรงเรียน  เปิดเทอมวันแรกตรงกับวันศุกร์ ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเขียนสมุดหมายเหตุรายวัน ก็ได้รับรายงานจากคุณครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 1  ว่ามีเด็กผู้หญิงในชั้นเรียนคนหนึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศเมื่อคืนก่อนเปิดเทอม  มีเลือดไหลออกจากบาดแผลฉีกขาดที่อวัยวะเพศตลอดเวลา  ขณะนี้ได้ดำเนินการพาไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเจริญศิลป์  และแจ้งความดำเนินคดีพ่อตู้ดีแปลง  ชาวบ้านเจริญศิลป์ หมู่ที่ 2 ตามคำซัดทอดของเด็กที่สถานีตำรวจภูธรเจริญศิลป์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ข้าพเจ้าจึงไปพบผู้ปกครองซึ่งเป็นคุณตากับคุณยายของเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายที่บ้าน  คุณตาเล่าว่า พ่อแม่ของเด็กหย่าร้างกันตั้งแต่เด็กอายุได้หนึ่งเดือน ทิ้งลูกไว้ให้ตากับยายเลี้ยงตามมีตามเกิด  ตากับยายยากจนมากต้องไปขอข้าววัดมาเลี้ยงดูกัน  พวกเขาไปมีครอบครัวใหม่ที่หมู่บ้านอื่นนานแล้วไม่เคยมาเยี่ยมลูกเลย  ขณะนี้ตาก็ป่วยยายก็ขาพิการต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง  เรื่องหลานโดนข่มขืนก็เพิ่งทราบจากคุณครูประจำชั้นเมื่อเช้านี้เอง  ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้เงิน 70,000 บาทเป็นค่าทำขวัญหลานสาว แล้วจะไม่เอาความ  เขาขอร้องข้าพเจ้าให้เป็นตัวแทนไปเจรจาเรียกค่าสินไหมจากพ่อตู้ดีแปลง  ข้าพเจ้ารู้สึกหนักใจเพราะเป็นคดีอาญาและเรื่องถึงตำรวจแล้ว  ซึ่งตำรวจก็คงต้องจับกุมคุมขังและส่งฟ้องศาลตามหน้าที่

ถ้าพ่อตู้ดีแปลงรู้กฎหมายก็คงไม่ยอมจ่าย  เพราะถึงยอมจ่ายก็ยังติดคุกอยู่ดี  สู้เอาเงินจำนวน 70,000 บาทเป็นค่าเดินทางหลบหนีดีกว่า  และเป็นความจริงดั่งที่ข้าพเจ้าคิด เพราะหลังจากที่ข้าพเจ้าไปเจรจาเรื่องค่าสินไหม  เขายืนกรานว่าไม่ได้ทำผิดดังที่กล่าวหาและจะสู้คดีให้ถึงที่สุด  เขาจะไปจ้างทนายมาสู้คดีให้ ถ้าเขาชนะคดีจะฟ้องกลับ  กว่าหมายศาลจะออกก็เป็นเวลา 10 โมงเช้าวันจันทร์  ตำรวจได้นำหมายจับไปที่บ้านของเขา  ทราบจากคนข้างบ้านว่าพ่อตู้ดีแปลงได้หลบหนีออกจากบ้านไปตั้งแต่ตอนดึกคืนวันเสาร์

ตอนบ่ายเจ้าหน้าที่มูลนิธิคุ้มครองสิทธิเด็กสตรีและคนชราได้โทรมาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น  และส่งเงินมาช่วยเยียวยาเด็กสองพันบาท  วันเวลาล่วงเลยมาสิบปีกว่าปีแล้ว  ตากับยายของเด็กตายหมด เด็กเติบเป็นสาวมีครอบครัวไปแล้ว  ส่วนพ่อตู้ดีแปลงกลับมาบ้านเมื่อร่างไร้วิญญาณแล้ว  จึงไม่ต้องติดคุกเพราะกฏหมายอาญาบัญญัติว่าคดีหมดอายุความเมื่อจำเลยเสียชีวิตแล้ว  ข้าพเจ้าคิดว่า กฎหมายไม่ควรออกมาเพื่อลงโทษผู้กระทำผิดอย่างสะใจของคนบางกลุ่มเท่านั้น  แต่ควรคำนึงถึงความจำเป็นของคนยากจนบ้าง น่าจะเปิดช่องให้ยอมความกันได้เพื่อให้คนจนได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนบ้าง    มีใครที่ไหนจะยอมทั้งเสียเงินและติดคุก  ก็ต้องหนีอย่างสุดชีวิตอย่างพ่อตู้ดีแปลงแห่งบ้านเจริญศิลป์ ปล่อยให้เจ้าทุกข์เจ็บปวดรวดร้าวไม่ได้เงินค่าสินไหมอย่างนี้แล เรื่องทำนองเดียวกันนี้ไม่ใช่มีรายนี้รายเดียวในประเทศของเรา  ผู้สันทัดกรณีย์กล่าวว่า   สิทธิของคนจนมีค่าแต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าไร้ราคา

ไอ้หยา !

เช้าวันหนึ่งดาบวัดชวนไปเล่นไก่ชนที่ บ้านดอนเขือง  อำเภอสว่างแดนดิน  แกเล่าว่าน้องชายของแกนำไก่เก่งมาจากจังหวัดร้อยเอ็ด  ข้าพเจ้าจึงตามไปดูไก่ที่บ้านดาบวัด เป็นไก่ไทยสีเหลืองหางขาวรอยประมาณ  3  ก.ก. เดือยแหลมยาวประมาณสอง ซ.ม.  เจ้าของไก่เล่าว่า  ตั้งใจมาเยี่ยมพี่ชาย  แต่เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวจึงนำไก่เก่งมาชนเพื่อหาค่าน้ำมันรถกลับบ้านซักสี่ ห้ามื่นบาท  แกคุยว่า  ไก่ของแกตัวนี้เก่งมาก ชนะเดิมพันเงินหลายหมื่นมาแล้วสามเที่ยว  แถวบ้านไม่มีใครสู้จึงขับรถตู้พาไก่ตระเวณเปรียบชนในบ่อนป่ารายท่างแต่ไม่ ได้คู่ชน  จนกระทั่งมาถึงเจริญศิลป์ตั้งแต่เมื่อวานนี้  ถึงเวลาออกเดินทางมีเซียนไก่รวมทั้งข้าพเจ้าด้วยจำนวนสิบคนขึ้นรถตู้  ส่วนที่เหลือสิบกว่าคนขี่มอร์ไซด์แห่ตามหลังไป  ถึงบ่อนไก่ดอนเขืองแล้วเจ้าของไก่นำไก่ไปเปรียบชน  ได้คู่ชนเป็นไก่จากอำเภอพรเจริญ  จังหวัดหนองคาย  ข้าพเจ้ายืนสังเกตอยู่ด้านหลังเห็นว่าฝ่ายเราเสียเปรียบส่วนสูงอยู่ประมาณ สาม-สอง  ตกลงชนกัน  6  ยก พันตอห้าชั้นเท่ากัน  เดิมพันฝ่ายละหนึ่งหมื่นหนึ่งพันบาท  พอปล่อยไก่สู้กันในสนาม เจ้าของไก่ฝ่ายเราเห็นว่าเชิงชนไก่ตัวเองเหนือกว่าจึงไล่ต่อห้า-สี่ สาม-สอง  ห้า-สาม จนถึงสอง-หนึ่ง ตามลำดับ

พวกเซียนไก่ที่เห็นรูปร่าง ส่วนสูงและแผลตีของไก่พรเจริญรุมรองโดยทั่วหน้า  ข้าพเจ้าได้เล่นตัวที่เป็นต่อไว้  1,000  บาทจึงได้โอกาสรองออกตัวกินสองข้างทันทีตามตำราได้น้อยดีกว่าเสีย  ปลายยกสามไก่ฝ่ายเราพลิกแพ้  เซียนน้อยใหญ่ยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าแถวรับเงิน  แต่…ไอ้หยา ! เงินน้องชายดาบวัดมีเพียงห้าหมื่นบาท แต่เล่นไปตั้งหกหมื่นกว่าบาท ดาบวัดถอดสร้อยคอจำนำกับเจ้าของบ่อนได้เงินมาห้าพันบาท ที่เหลือเรี่ยไรยืมจากพวกที่นั่งรถตู้ด้วยกันคนละน้อยบ้างมากบ้างตามกำลัง เงินในกระเป๋า ข้าพเจ้าเล่นต่อรองได้เงินห้าร้อยบาทแต่ต้องจำใจให้เขายืมเงินสองพันบาทเท่า ที่มีในกระเป๋า เวลาล่วงเลยมากว่าสิบปีแล้วข้าพเจ้ายังไม่ได้เงินคืน

ผู้ สันทัดกรณีย์กล่าวว่า  เงินที่กู้ยืมกันในวงพนันเป็นเงินให้เปล่า หมายความว่า กู้ได้เท่ากับขอได้  จะใช้คืนหรือไม่ตามใจผู้กู้  เพราะแม้จะเขียนสัญญาว่ากู้เพื่อเล่นการพนันไว้เป็นหลักฐานอย่างแน่นหนา ก็นำไปฟ้องร้องไม่ได้เพราะผิดกฎหมายทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้   และถึงแม้จะเขียนสัญญากู้เงินธรรมดา  แต่ถ้าจำเลยสามารถนำสืบพิศูจน์ข้อเท็จจริงจนศาลเชื่อว่าเป็นการกู้เงินเพื่อ เล่นการพนัน  เจ้าหนี้แพ้คดีไม่ได้เงินคืนแน่นอน

ผมยังไม่ได้เล่นครับ

นักพนันชนไก่รุ่นอาวุโส ท่านหนึ่งชักชวนไปเล่นพนันไก่ชนโดยให้เหตุผลว่า

เล่นต่อรอง  ใช้สมอง  หลบหลีกลี้

ต่อแล้วหนี  รองไว้  มิให้เสีย

กันทุนไว้  ได้น้อย  แต่พอเลีย

ดีกว่าเสีย  ทุนหาย  เมื่อปลายมือ

เล่นได้ร้อย  สองร้อย  ก็พอแล้ว

เดินตามแนว  นี้ไว้  สบายบรื๋อ

สมองแล่น  ปรู้ดปร้าด  เพราะฝึกปรือ

สมองทื่อ  เพราะใจฝ่อ  นอนรอตาย

วันหนึ่งหลังจากทานอาหารเช้าแล้วหนังตาชักจะหย่อนจึงไปนอนเปลใต้ต้นมะขามข้าง บ้านเพื่อพักผ่อนเอาแรง  ลืมตาตื่นเป็นเวลาใกล้เที่ยงวันแล้ว  แม่บ้านกับลูกชายยังไม่กลับมาทานข้าวกลางวัน  ข้าพเจ้าจึงโทร.หาเพื่อนในวงการไก่ชนประจำหมู่บ้านที่คุ้นเคยทราบว่ากำลัง เล่นไก่ชนอยู่ที่บ่อนป่าบ้านโคกแสง  จึงตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์คันเก่ารุ่นโบราณไปตามถนนลูกรัง ผ่านโคกหนาป่าละเมาะและหมู่บ้านรายทางหนึ่งแห่ง มุ่งหน้าไปดูพวกชาวบ้านชนไก่ที่บ่อนป่าใกล้หมู่บ้านโคกแสง  ระยะทางจากบ้านถึงบ่อนป่าประมาณ 15 ก.ม.

พอไปถึง คนแน่นมากจึงได้แต่ยืนชะเง้อดูไก่ชนคู่ดุเดือดระหว่างไอ้เขียวกับไอ้แดงช่วง กลางยกที่สามพอดี เสียงเชียร์ไก่ทั้งสองฝั่งดังสนั่นลั่นบ่อนป่าจนแสบแก้วหู ไก่ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน พลิกไปพลิกมาหลายตลบ  ท่านผู้ชมรอบสนามบ้างตะโกนต่อ บ้างตะโกนรอง  บ้างเป่าปากกระทืบเท้าด้วยความมันในอารมณ์  ผลปรากฎว่าไอ้แดงเป็นฝ่ายชนะปลายยกที่สามนั่นเอง  พวกชาวบ้านที่เล่นต่อรองโดยไม่ได้จดไว้เถียงกันอุตลุตเพราะจำไม่ได้ บ้างก็ว่าผมเอาไอ้แดงต่อ บ้างก็ว่าผมเอาไอ้แดงรอง  ดีที่ไม่ชกปากกัน กว่าจะลงเอยกันได้เหนื่อยหอบด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ส่วนข้าพเจ้าโดนหนัก กว่าคนอื่นเพราะยืนดูเฉย ๆ เขาก็หาว่า ข้าพเจ้าเอาไอ้เขียวต่อเขาสาม-สอง  และเขาได้รองไว้สองร้อยจึงต้องจ่ายเขาสามร้อย  ข้าพเจ้าปฏิเสธว่า ผมยังไม่ได้เล่นครับ เพราะเพิ่งมาถึงเมื่อตะกี้เอง  คุณจำคนผิดหรือเปล่าครับ เขายืนยันว่าไม่ผิดแน่นอน  คุณลุงนี่แหละผมจำได้  แล้วไปหาเพื่อนมาเป็นพยานยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าข้าพเจ้าเอาไอ้เขียวต่อเขา สาม-สองจริง  ข้าพเจ้ามองซ้ายมองขวาเห็นท่าไม่ดีเพราะมีแต่คนแปลกหน้า  จึงต้องจำใจควักกระเป๋าจ่ายเขาไปสามร้อยบาทด้วยความมึนงง

ขากลับ ข้าพเจ้าซิ่งยายแก่ระบายอารมณ์  ออกนำหน้าผู้ที่กลับทางเดียวกันอย่างรวดเร็ว เสียงยายแก่ดังสนั่นลั่นป่า  ยายแก่พากระโดดหลุมบนทางลูกรังอย่างสนุกสนานและแหกโค้งพลิกคว่ำในที่สุด  ข้าพเจ้าผลักยายแก่หนี ส่วนตัวเองพลิกหงายหลังลงอีกฟากหนึ่งของถนน   ลำตัวกลิ้งทับป่าหญ้าคาสามสี่ตลบ  เดชบุญไม่มีก้อนหินหรือตอไม้บริเวณนั้น  ข้าพเจ้าลุกขึ้นสำรวจดูตัวเองพบว่า ปลอดภัยเพราะแต่งกายรัดกุมและท่วงท่าเก็บคองอเข่าใช้ได้ผลเกินคาด ไม่มีอวัยวะส่วนใดโน ถลอกหรือแตกหัก จึงรีบวิ่งไปดึงยายแก่ซึ่งกำลังนอนตะแคงส่งเสียงครวญครางควันโขมงอยู่ข้าง ถนนขึ้นมา  ข้าพเจ้าควบยายแก่กลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย

ผู้สันทัดกรณีย์กล่าวว่า  การนอนรอความตายที่บ้านศพสวยกว่าคอหักตายข้างถนน  หรือกลายเป็นคนพิการไปชั่วชีวิต

พระ พุทธเจ้าตรัสว่า  ปากทางแห่งความเสื่อมมี  6  คือ ดื่มน้ำเมา  เที่ยวกลางคืน  เที่ยวดูการละเล่น  เล่นการพนัน  คบคนชั่วเป็นมิตร  และเกียจคร้านทำการงาน 

ปัจจุบันข้าพเจ้าเลิก อบายมุขได้ 2 อย่างคือดื่มน้ำเมากับเที่ยวกลางคืน  แต่ยังเลิกไม่ได้ 4 อย่างคือ  การเที่ยวดูการละเล่น เล่นการพนัน  คบคนชั่วเป็นมิตรและเกียจคร้านทำการงาน  คงอีกนานกว่าจะหลุดพ้นจากอบายมุขเหล่านี้ได้ทั้งหมด

ไก่ชนรีไซเคิ้ล

เช้า วันอาทิตย์ปลายเดือน กินแล้วนอนเปลใต้ต้นมะขามข้างบ้านเพื่อเอาแรง หลับไปหนึ่งชั่วโมง หลังอาบน้ำแปรงฟันแล้ว นับดูเงินในกระเป๋ากางเกงยังเหลือเพียงห้าร้อยสิบสองบาท  จึงเอากระดาษมาพับ และเอาปากกามาเหน็บกระเป๋าเสื้อ  ควบยายแก่ออกจากบ้าน  แวะซื้อนมหนึ่งกล่องสิบบาทและเติมน้ำมันหนึ่งร้อยบาท เหลือเงินในกระเป๋าสี่ร้อยสองบาท  ถึงบ่อนไก่บ้านหนองไผ่ประมาณเที่ยงวัน  วันนี้ พ่อตู้เสริฐ เซียนไก่ชนบ้านเจริญศิลป์ซึ่งตั้งซุ้มไก่อยู่ฟากถนนหน้าบ้านข้าพเจ้าได้นำ ไอ้กรดแข้งดำออกเปรียบชนได้คู่กับไอ้ป่านแข้งขาวของพ่อตู้สิทธิ์  บ้านโสก  ตกลงชนกัน  4  ยก พันตอฝ่ายละห้าชั้น  เดิมพันฝ่ายละหนึ่งพันหนึ่งร้อยบาท  หลังจากเข้าน้ำไก่ และนำไก่เข้าพันตอในบ่อนเรียบร้อยแล้วกรรมการก็ปล่อยชก  ไอ้กรดได้เปรียบทั้งสูงทั้งใหญ่ทั้งแข็งแรง ตีเจ็บตีแรงตีหักตีชักอีกต่างห่าง  อาการไอ้ป่านไม่สู้ดี น่าจะหนีไม่เกินยกสามอย่างแน่นอน  บรรดาเซียนไก่จึงเอาไอ้กรดต่อ 5-4, 3-2,  5-3,  2-1, 5-2, 3-1, 4-1 ตามลำดับ  ข้าพเจ้าต่อ 5-3 มีผู้รองสามร้อย  แต่ได้ออกตัวกันทุนตามตำราได้น้อยดีกว่าเสียโดยการตัดใจรอง 3-1 กับ 4-1 ไว้หลุมละ  100  ถ้าไอ้กรดชนะจะได้  100  ถ้าไอ้กรดแพ้จะได้  200  ข้าพเจ้าสังเกตเห็นพ่อตู้หง่าซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของตู้เสริฐรองไว้ทุกราคา โดยไม่ออกตัวเลยจึงตัดสินใจรอง 4-1  อีก 100  ถ้าไอ้กรดชนะไม่ได้ไม่เสีย  แต่ถ้าไอ้กรดแพ้จะได้ถึง  600 ขึ้นยก 2  ไอ้กรดเป็นต่อยาวถึง 10-1   พ่อตู้หง่ายังคงรองทุกราคา  ปลายยกไอ้ป่านทนพิษบาดแผลไม่ไหวร้องออกปากยอมแพ้ไปในยกนี้เอง  พ่อตู้หง่ากับพ่อตู้เสริฐคอตก ทั้งจ่ายเงินทั้งบ่นว่า  ไอ้ป่านไม่น่าทำกูเลย  อดทนอีกนิดเดียวก็ไม่ได้  ยกหน้าไอ้กรดมันก็หนีแล้ว  พวกเซียนไก่เข้าแถวหัวเราะรับเงินอย่างมีความสุข ทราบภายหลังว่าไอ้กรดมันเคยแพ้ยกสามมาสามครั้งทำเงินให้พ่อตู้หง่ากับพ่อตู้ เสริฐมาแล้ว  แต่ครั้งนี้คู่ต่อสู้ชิงแพ้ก่อน  พ่อตู้เสริฐเจ้าของไอ้กรดกับพ่อตู้หง่าผู้ร่วมขบวนการสมรู้ร่วมคิดจึงซวยตาม ระเบียบ  ส่วนข้าพเจ้าได้เสียเท่าทุน

ผู้สันทัดกรณีย์กล่าวว่า  ไก่ชนรีไซเคิ้ล หมายถึงไก่ชนที่เคยชนแพ้ในบ่อนแล้วนำมาเลี้ยงชนใหม่   ถ้าชนเป็นต่อมันจะไม่ หนี  ถ้าชนคู่คี่สูสีมันจะหนีในยกที่มันเคยแพ้  แต่ถ้าชนเป็นรองไม่ถึงยกที่มันเคยแพ้มันก็หนี   ปัจจุบันยังไม่มีบ่อนไก่ที่ไหนห้ามนำไก่ที่แพ้แล้วมาชนในบ่อนอีก จึงมีเซียนไก่นิยมเลี้ยงไก่ชนที่แพ้แล้วออกชนใหม่มากขึ้น  เพราะไก่ชนที่แพ้แล้วราคาไม่แพงและยังสามารถเลี้ยงนำไปชนในบ่อนหาเงินใช้ได้ อีก   ดังนั้นเมื่อผู้เล่นเข้าบ่อนไก่จึงควรต้องหูไวตาไว  คิดไว้เสมอว่า ได้น้อยดีกว่าเสีย ไม่โลภมากและเล่นต่อรองกันทุนไว้สมอ เพื่อรักษาเงินในกระเป๋าตัวเองให้เหลืออย่างน้อยเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นเมื่อ ตอนกลับบ้าน

ไอ้ย๊อกหยอย

เช้าวันหนึ่ง พ่อตู้เสริฐนักเลี้ยงไก่ชนประจำคุ้มนำไก่หนุ่มสีประดู่มาซ้อมกับไก่คนข้าง บ้านที่ใต้ต้นมะขามหน้าบ้าน ข้าพเจ้าจึงเดินไปนั่งชมด้วย  เนื่องจากเป็นไก่รอยเล็กลักษณะสูงบางพ่อตู้เสริฐจึงบอกขายในราคา  250  บาท  ข้าพเจ้าสังเกตเห็นแผลตีและลีลาเอาตัวรอดของมันถูกใจมากจึงรีบควักเงินจ่าย ทันที เพราะกลัวแกจะกลับใจไม่ขายเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา  หลังจากนำมันมาขังสุ่มแล้วก็ตั้งชื่อให้สอดคล้องกับรูปร่างหน้าตาลักษณะท่า ทางของมันว่า ไอ้ย๊อกหยอย  พ่อตู้เสริฐหัวเราะชอบใจที่ขายมันได้  ข้าพเจ้าก็อดหัวเราะไม่ได้  แต่เมื่อตัดสินใจซื้อมาแล้วก็ต้องเลี้ยงไปชนในบ่อนให้ได้เงินค่าตัวมันคืนมา เป็นอย่างน้อย  ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นไก่พม่าไทยจึงฟิตซ้อมดันนวมครั้งละ 10 นาทีทุกเช้าเป็นเวลา  15  วัน  พัก 7  วันเพื่อให้ไอ้ย๊อกหยอยได้ผ่อนคลาย  วันสุดท้ายของการพักก็แต่งตัวไอ้ย๊อกหยอยตามจินตนาการเพื่อหลอกลวงเจ้าของ ไก่คู่ต่อสู้   เริ่มจากแต่งเดือยที่แหลมคมให้ทู่โดยนำเอาข้าวสวยใส่ถุงพลาสติกขยำให้เหนียว เป็นตังเม แล้วนำมาโปะรอบเดือยแต่พอดี พอแห้งก็เอากระดาษทรายขัดเหล็กมาขัดถูให้ดูประหนึ่งเดือยทู่  จากนั้นก็หาก้นกรองบุหรี่มาผ่าครึ่งทาด้วยยาแดงแล้วเอาไปวางที่อุ้งเท้าใช้ พลาสเต้อร์ปิดแผลปิดทับไว้ให้ดูประหนึ่งว่าไอ้ย๊อกหยอยเท้าเป็นปรวดบวม  ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนำไปวางปิดทับที่หน้าอกเพื่อให้ดูประหนึ่งว่าไอ้ย๊อกหยอย เป็นแผลปรวดบวมที่หน้าอก  เช้าวันนำไอ้ย๊อกหยอยออกเปรียบชนในบ่อนก็เอากาวลาเท็กผลมน้ำลูบหน้า หงอน หน้าอกและหน้าขา เอาขี้เถ้าสีเทาโรยเพื่อให้ดูประหนึ่งว่าไก่เป็นขี้กากและโรคหน้าซีด หลังอาหารมื้อเช้าแล้วข้าพเจ้าสะพายย่ามอุปกรณ์ชนไก่ควบยายแก่ไปตามถนน ลูกรัง ผ่านทุ่งนาป่าละเมาะ โคกหนา ป่าทึบ  โดยมีเซียนชัยอุ้มไอ้ย๊อกหยอยซ้อนท้ายยายแก่จนถึงบ่อนไก่บ้านโคกแสง ข้าพเจ้ามอบหมายให้เซียนชัยอุ้มไอ้ย๊อกหยอยไปเปรียบชนโดยมีเงื่อนไขว่าถ้า ไก่คู่ต่อสู้ใหญ่กว่า สูงกว่าอายุมากกว่า หรือเท่ากันเราหนี   ในที่สุดก็ได้คู่ชนเป็นไก่ทั้งหนุ่มกว่า เล็กกว่า เตี้ยกว่า อ่อนแอกว่าและเดือยสั้นกว่า เป็นไก่ของดาบโต๊ะและดาบนงค์ชาวอำเภอสว่างแดนดิน ตกลงชนกันข้างละหนึ่งพันหนึ่งร้อยบาท กำหนด  3  ยก  แต่เสี่ยเวียต เซียนไก่ขั้นปรมาจารย์ของเมืองสว่างแดนดินที่ยืนดูอยู่ด้านหลังมองเห็นสาระ รูปไอ้ย๊อกหยอยจึงให้เพิ่มเดิมพันเป็นฝ่ายละสามพันสามร้อยบาท กำหนด  5  ยกเพื่อให้มีการได้เสีย เดือยไม่ต้องพันเพราะไก่เขาเดือยสั้นแต่คมกว่าเล็กน้อย  ส่วนไอ้ย๊อกหยอยเดือยยาวแต่ทู่  ข้าพเจ้าอดหัวเราะไม่ได้แต่ก็ตกลงตามนั้น    เซียนชัยลงเดิมพันสองพันสองร้อยบาทส่วนข้าพเจ้าลงเดิมพันหนึ่งพันหนึ่งร้อย บาท  เซียนชัยให้น้ำไอ้ย๊อกหยอยเสร็จก็นำมันเข้าปล่อยชนในสนาม ไอ้ย๊อกหยอยแปลงร่างเป็นไก่ตัวใหม่ทันที ปรวดอุ้งตีนกับปรวดหน้าอกหายไปอย่างไร้ร่องรอย  ผิวพรรณไอ้ย๊อกหยอยแดงเข้มหนังหนายังกะไก่แก่  ประสานแข้งกันสามทีข้าวที่หุ้มเดือยก็แตกไปคนละทาง  เดือยทู่ก็กลายเป็นเดือยแหลม ทั้งคมและทั้งยาวในทันที ไอ้ย๊อกหยอยบรรเลงเพลงแข้งเพลงเดือยจนไก่สองดาบชักดิ้นชักงอ ล้มลุกคลุกคลาน หัวปูดตาโปน มองไม่เห็นไก่ ยืนโงนเงนจิกลมซ้ายทีขวาที  รับแข้งรับเดือยจะตายมิตายแหล่  เซียนชัยหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง  ข้าพเจ้าไม่กล้าหัวเราะเพราะเกรงใจสองดาบที่กำลังนั่งตกใจจนตาเหลือกอยู่ ข้าง ๆ  ส่วนเซียนเวียตปรมาจารย์ไก่ชนเมืองสว่างแดนดินทนดูไม่ได้จ่ายเงินเดิมพัน ส่วนตัวให้สองดาบแล้วหายหน้าไปเลย  เพียงครึ่งยกสองดาบก็ขอค่ายาสองร้อยและยกไก่ยอมแพ้  ข้าพเจ้ารับเงินเดิมพันจากนายบ่อนมาแบ่งกันและไม่ลืมให้ค่ายาสองดาบไปสอง ร้อยบาท

ผีกองก้นสั่งเสียผีกองกอยตอนถูกยึดถ้ำว่า  เพื่อนเอ๋ย  การ พนันคือการหลอกลวง  ผู้ที่หลอกลวงเก่งกว่ามักเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะเสมอ  ผู้ที่ต้องการผลประโยชน์ต้องคดบ้างตรงบ้างในบางคราว  เหมือนเวลาเราเอานิ้วชี้ทิ่มลงในข้าวเหนียวนึ่ง ถ้าถอดออกมาโดยไม่งอนิ้วชี้จะไม่มีอะไรติดออกมาเลย

ฝันสลาย

คืน หนึ่งข้าพเจ้าฝันเห็นงูทำทาน (งูสามเหลี่ยม)ชนาดใหญ่มากเลื้อยมาขดตัวชูคอแผ่แม่เบี้ยเหมือนงูเห่าตรงหน้า ข้าพเจ้า  ซึ่งโดยปกติงูทำทานจะไม่ขดตัวชูคอแผ่แม่เบี้ยเหมือนงูเห่าหรืองูจงอางเลย  ทันใดนั้นก็เกิดกลุ่มควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาปกคลุมจนมองไม่เห็นงู  พอควันจางหายไปก็มองเห็นงูทำทานตัวเล็กเท่าหัวแม่มือขดตัวชูคอแผ่แม่เบี้ย อยู่แทนที่  ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นมากจนตื่นจากฝัน  จึงลุกขึ้นเปิดไฟดูนาฬิกาข้างฝา เวลาขณะนั้นตีสี่พอดี  ข้าพเจ้านั่งนึกทบทวนความฝันและเหตุการณ์ที่จะเกิดกับตัวเองในวันรุ่งขึ้น ด้วยใจระทึก  วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ หลังอาหารเช้าแล้วข้าพเจ้าไปดูเขานัดซ้อมไก่ที่ใต้ต้นไทรคุ้มตำรวจ  ไก่ซ้อมกันหลายคู่แต่มีเพียงคู่เดียวที่ข้าพเจ้าชื่นชอบคือคู่ระหว่างไอ้กรด หางดำ ไก่ของเซียนชัยกับไอ้เหลืองหางขาวไก่ของเซียนสุบินขายาว  ข้าพเจ้าสืบเสาะประวัติไก่ชนทั้งคู่ก่อนประลองในสนามทราบว่า  ไก่ของเซียนชัยได้เปรียบทั้งใหญ่กว่าสูงกว่าน้ำเลี้ยงดีกว่า   ส่วนไก่ของเซียนสุบินขายาวเพิ่งชั่งกิโลซื้อมาเพื่อขายส่งให้พ่อค้าในตลาด เมื่อคืนในราคา  90  บาท  แต่เห็นหน่วยก้านท่าทางเหมือนไก่ชนจึงนำมาขังสุ่มในสนามซ้อมพร้อมประกาศขาย ในราคา  120  บาทแต่ไม่มีคนซื้อจึงนำมันเปรียบชน ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า  ไอ้กรดเดือยสั้นกว่าพันตอสามชั้น  สวนไอ้เหลืองหางขาวเดือยยาวกว่าพันตอห้าชั้น  ชนกัน  3  ยก เดิมพันฝ่ายละ 500  บาท  สุบินขายาวลงเดิมพัน 100 บาท ที่เหลืออีก 400 บาทกรรมการเรี่ยไรจากคนดูข้างสนามที่ต้องการชมไก่คู่นี้คนละเล็กละน้อย  ส่วนเซียนชัยเห็นว่าไก่ตัวเองได้เปรียบมากจึงลงเดิมพันคนเดียว  พอกรรมการปล่อยไก่ชนกันในสนาม  ไอ้กรดของเซียนชัยได้เปรียบรูปร่างประมาณ 3-2  เซียนไก่ร้องต่อ 5-4, 3-2, 5-3,  2-1 ทันที  แต่ไม่มีใครกล้ารอง   การต่อสู้ผ่านไปได้ ประมาณเกือบกลางยกแรก  ไอ้เหลืองออกแข้งแทงตอหูตาล้วน ๆ ไอ้กรดอาการย่ำแย่หูก็บวม หัวก็แตก ตาก็ฝ้าฟาง  ยืนจิกลมรับแข้งรับเดือยอยู่กลางสนาม  เซียนไก่พากันเอาไอ้เหลืองของสุบินขายาวต่อรวดเดียวถึง 5-1 ข่าพเจ้าไม่เคยเห็นไก่ตีแผลคมขนาดนี้มาก่อนจึงเข้าไปยื่นเงิน 200  บาทให้  สุบินขายาวหัวเราะบอกว่าราคามันขึ้นแล้วเพื่อน แผลคมขนาดนี้ถ้าเพื่อนจะเอาขอ  350  บาทก็แล้วกัน  ข้าพเจ้าตัดสินใจควักกระเป๋าเพิ่มอีก 150  บาทยื่นให้แกทันที หมดยกราคาไอ้เหลือต่อ  10-1  ขึ้นยกสองไอ้เหลืองหางขาวยกสองแข้งสองเดือยแทงหัวไก่เซียนชัยเลือดกระจาย  เล่นเอาท่านผู้ชมที่นั่งใกล้เอามือป้องหน้าหลบเลือดไอ้กรดจ้าละหวั่น  เพียงครึ่งยกไอ้กรดทั้งร้องทั้งวิ่งทั้งกระโดดออกปากยอมแพ้ตามกติกา   ข้าพเจ้านำเไอ้เหลืองหางขาวกลับมาขังสุ่มไว้ที่บ้านเลี้ยงรักษาดูแลมันอย่าง ดี  ตั้งชื่อมันให้สอดคล้องกับความฝันว่า  ไอ้งูทำทาน ต่อ มาอีกเจ็ดวันก็นำเข้าเปรียบชนในบ่อนไก่กำนันจันทร์ บ้านหนองพะเนาว์  ได้คู่กับไอ้ดู่ของเสี่ยสงกรานต์ เมืองสว่างแดนดิน  ตกลงพันตอฝ่ายละ 5  ชั้น ชนกัน 5 ยก  เสี่ยสงกรานต์ท้าเดิมพันฝ่ายละ  40,000  บาท ข้าพเจ้าหัวเราะบอกว่าไก่ผมไม่แข็งแรงจึงขอชนแค่  2,200  บาทครับ  เพื่อนที่ไปด้วยเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามรุกหนักคงได้เล่นรองแน่จึงไม่มีใครลง เดิมพันด้วย  เจ้าของสนามจึงต้องขอเรี่ยไรท่านผู้ชมคนละร้อยสองร้อยสมทบได้อีก 1,100  บาท  ในที่สุดก็ตกลงชนกันที่เดิมพันฝ่ายละ 3,300  บาท ฝ่ายตรงกันข้ามไล่ต่อก่อนลงสนาม 3-2   เพื่อนที่ไปด้วยพากันเล่นรองจนหมดเงินในกระเป๋า พอปล่อยหาง 5 นาทีแรกเซียนไก่เมืองสว่างเอาไอ้ดู่ต่อ 5-2  ข้าพเจ้าจึงกัดฟันรองไว้  1,000 บาทเท่าที่มีเงินในกระเป๋า  เข้าถึงกลางยกไอ้งูทำทานออกแข้งแทงตอจนคู่ต่อสู้หูบวม ตาติดมืด ปากหลุด ยืนจิกลมซ้ายทีขวาที รับแข้งรับเดือยฝ่ายเดียวไปจนหมดยก  ไอ้งูทำทานเป็นต่อถึง 10-1 พอขึ้นยกที่ 2 ไอ้ดู่ไม่ยอมสู้  กรรมการสนามจับยกไอ้งูทำทานให้เป็นผู้ชนะ ข้าพเจ้าได้เงินรวม 4,000 กว่าบาท เพื่อนบ้านที่ไปด้วยกันได้เงินกันทั่วหน้าต่างส่งเสียงร้องไชยโยโห่ฮิ้วดัง ลั่นสนาม

ข้าพเจ้านำไอ้งูทำทานกลับมาบ้าน ตรวจสอบดูลักษณะโหงเฮ้งไอ้งูทำทานอย่างนิจพิเคราะห์พบว่ามันเป็นไก่เก่งต้อง ตามตำรา กล่าวคือลำตัวจับงามสมส่วนแข็งแกร่งโดยธรรมชาติ เป็นไก่สีเหลืองหางขาว หน้าหงอนบาง กลางหงอนสูง หน้าเหมือนหน้านกยูง หางเหมือนฟ่อนข้าว สีแข้งตรงกับปาก สีสร้อยคอตรงกับสีสร้อยหาง สีดวงตาตรงกับสีสร้อย ขนปีกหนาสองชั้นเป็นมันวาว เกล็ดแข้งปลอกจนสุดแข้งแต่ออกเดือยยาวแหลม  จึงดูแลประคบประหงมยังกะไข่ในหิน เรียกลูกทุกคำ  อาบน้ำ นวดตัว นวดเท้า กราดกระเบื้อง อาบน้ำ กราดแดดทุกวัน  ผู้ที่ทราบข่าวต่างพากันมาเยี่ยมชมไอ้งูทำทานไม่ขาดสาย  เสี่ยรัตน์เซียนไก่จากอำเภอสว่างแดนดินพาเสี่ยจากโคราชมาขอซื้อแต่ข้าพเจ้า ไม่ขาย ฝันหวานว่าจะนำไอ้งูทำทานออกล่าเดิมพันในแบบทวีคูณอีก 4 ครั้งดังนี้

ครั้งที่หนึ่ง   เดิมพัน  6,600  บาทถ้าชนะจะได้เงินรวม 12,000  บาท

ครั้งที่สองเดิมพัน  12,000 บาท จะได้เงินรวม 24,000  บาท

ครั้งที่สามเดิมพัน  24,000 บาท  จะได้เงินรวม  48,000  บาท

ครั้งที่สี่ เดิมพัน  48,000  บาทจะได้เงินรวม  96,000  บาท

แต่ ถ้าไอ้งูทำทานแพ้เราก็จะเสียเงินแค่  3,300  บาทที่ลงไปครั้งแรกนี้เท่านั้น  แต่ถ้าไอ้งูทำทานชนะถึงสี่ครั้งดั่งที่ฝันก็รวยเละ  ตกดึกคืนก่อนนำไอ้งูทำทานออกชนได้เกิดลมฝนกระโชกอย่างแรง  เช้าวันรุ่งขึ้นข้าพเจ้ารีบไปเปิดสุ่มเพื่อทักทายไอ้งูทำทานเหมือนเช่นเคย แต่ต้องฝันสลายเมื่อไอ้งูทำทานนอนตายอยู่ในสุ่ม

ผู้สันทัดกรณีย์กล่าวว่า  ทุกคนมีสิทธิฝัน  แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับโชควาสนาบวกความพยายามอย่างชาญฉลาดละเอียดรอบคอบ

เฉียดตาย

เช้าวันอาทิตย์ เพื่อน ๆ มาชวนไปเล่นไก่ชนที่สนามชนไก่ดอนเขือง  ระยะทางประมาณ  40  กม.   ข้าพเจ้าจึงรับอาสาขับรถเก๋งแดงคู่ชีพพาเพื่อน ๆ ไป  มีเซียนไก่ขึ้นไปด้วยกัน 5 คนกับข้าพเจ้า   ถึงบ่อนไก่ประมาณ 10 โมงเช้า  ไก่ของตู้จ่อยเซียนไก่เจริญศิลป์ซื้อมา 2,000  บาทเปรียบได้คู่กับปิยะชาติฟาร์มจากอำเภอวาริชภูมิ  ตกลงชนกัน  5  ยก  เดิมพันฝ่ายละ  5,500 บาท ข้าพเจ้าถือหางฝ่ายปิยะชาติฟาร์มเพราะเคยเห็นฝีมือหลายครั้ง จับเสมอนอก  200  บาทกับตู้จ่อยเจ้าของไก่  เจริญศิลป์  ยกที่ 1 -2 – 3  เซียนไก่เอาปิยะชาติต่อถึง  20 – 1  ข้าพเจ้ารอง  10 – 1 ไว้  100  บาทถ้าไก่ปิยะชาติชนะจะได้ 100 บาท  ถ้าปิยะชาติแพ้จะได้  800  บาทตามสูตรได้น้อยดีกว่าเสีย     ต้นยกที่ 4 ไก่ของปิยะชาติเข้าซุกโคนปีกไก่ของตู้จ่อย พอโผล่หัวออกมาดวงตาสองข้างติดมืดมองไม่เห็น  ยืนจิกลมซ้ายทีขวาที  ไก่ตู้จ่อยได้ทีเตะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก  ไก่ปิยะชาติหักชักวิ่งชนขอบสังเวียนวนไปวนมา บรรดาเซียนไก่ต่างพากันโห่ฮาร้องเรียกให้กรรมการประจำสังเวียนมาตรวจ  กรรมการท่าทางยังมือใหม่ไม่กล้าตัดสินชี้ขาดจึงรีบวิ่งไปตามนายบ่อนมาตัดสิน  บรรดาเซียนไก่และเจ้าของไก่ทั้งสองฝ่ายตะโกนโต้เถียงกันเสียงดังจนหนวกหู ข้าพเจ้ารีบหลบให้ห่างคู่กรณีย์ทั้งสองฝ่ายเพราะกลัวลูกหลง  นายบ่อนมาถึงรีบสั่งให้มือน้ำทั้งสองฝ่ายอุ้มไก่ออกมาจากสังเวียนแล้วสั่งให้กรรมการประจำสังเวียนนำผ้าชุบน้ำกลางมาเช็ดไก่ทั้งคู่  ให้มือน้ำทั้งสองฝ่ายนำไก่เข้าไปปล่อยในสังเวียนเพื่อชนกันดูอีกครั้งหนึ่ง  ไก่ตู้จ่อยเตะคู่ต่อสู้ตาบอดข้างหนึ่ง   เซียนไก่โห่ฮาและตะโกนทะเลาะทุ่มเถียงกันหนักกว่าเดิม  นายบ่อนจึงตัดสินว่า  ไก่คู่นี้มีปัญหาจึงไม่มีการตัดสิน  ตู้จ่อยกับลูกชายโมโหจนหนวดกระดิกแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะมันเป็นถิ่นของเขา  ขืนมีเรื่องอาจเจ็บตัวฟรี จึงขนอุปกรณ์และอุ้มไก่บ่นพึมพำด่านายบ่อนด้วยความแค้นพากันขึ้นรถเดินทางกลับ หลังจบไก่คู่นี้แล้วคณะของเราซึ่งมีดาบตำรวจนอกเครื่องแบบหนึ่งนายก็ชวนกันกลับ  เวลาขณะนั้นประมาณหนึ่งทุ่ม  รถแล่นขึ้นมอบ้านดงสวรรค์  ข้าพเจ้าสังเกตเห็นรถมอร์ไซด์วัยรุ่นสองคันมีเด็กสาวซ้อนท้ายแล่นตามกันอยู่ด้านหน้า  จึงเร่งเครื่องเพื่อแซง  แต่รถมอไซด์วัยรุ่นคันหน้าหักตัดหน้าข้าพเจ้าในระยะประชิด  ข้าพเจ้าตกใจหักหลบตามสัญชาตญาณ  กระจกมองข้างรถข้าพเจ้าชนกับมอร์ไซด์ขาดกระเด็น ข้าพเจ้าพยายามเบรกและบังคับพวงมาลัยอย่างเต็มที่  แต่ทั้งเบรกทั้งพวงมาลัยฟรีหมดไม่สามารถควบคุมได้  รถที่กำลังตามหลังและสวนมาต่างพากันจอดดูรถข้าพเจ้าที่กำลังควงสว่านอยู่กลางถนนถึงสี่รอบ สุดท้ายหมุนถอยหลังลงมอพุ่งไปชนรถสามล้อเครื่องฝั่งตรงข้ามที่จอดดูอยู่ตกลงไปในคูข้างถนน คนขับและผู้โดยสารกระโดดหนีตายลงจากสามล้อเครื่องไปได้อย่างหวุดหวิด  แรงกระแทกทำให้รถข้าพเจ้าพุ่งกลับคืนมายังเลนของตน  และเริ่มสามารถควบคุมได้  ข้าพเจ้าจอดรถข้างทางแล้วรีบลงจากรถวิ่งขึ้นมอไปดูรถมอร์ไซด์คันที่เฉี่ยวชนกัน  ทราบจากไทยมุงที่ออกมายืนดูว่าไม่รู้ว่าไอ้หนุ่มนั้นเป็นใคร  แต่สองคนนั้นปลอดภัย หลังจากยืนดูความฉิบหายของข้าพเจ้าพักหนึ่งก็ขับรถหนีไป  อุบัติเหตุคราวนั้นถ้ามีรถแล่นตามหลังหรือสวนมาข้าพเจ้าและคณะคงต้องบาดเจ็บล้มตายพิกลพิการอย่างแน่นอน  ตำรวจเชิญไปโรงพัก  ข้าพเจ้าจึงต้องขับรถนำหน้าตำรวจไปโรงพักสว่างแดนดิน เพื่อเจรจาเรื่องค่าเสียหายสามล้อเครื่อง ค่าทำขวัญคนขับสามล้อและผู้โดยสาร และขออนุญาตผู้หมวดเจ้าของคดีพาคณะกลับบ้าน รถข้าพเจ้าเสียหายเพียงฝากระโปรงท้ายยุบ จ่ายซ่อมทั้งรถเขารถเราและค่าทำขวัญ รวม  60,000  บาท

ผู้หมวดแนะนำว่า   ขับเร็วให้ชิดขวา  ขับช้าให้ชิดซ้าย  จะแซงควรบีบแตรเตือนรถคันหน้า จะเลี้ยวขวาเลี้ยวซ้ายให้ดูรถคันหน้าและรถคันหลัง  ขับรถระวังคน  ข้ามถนนระวังรถ ปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัดชีวิตจะปลอดภัย

ลับลวงพราง

ตู้แข่วฮ้าง(ลุงฟันหลอ)นำไก่พม่าม้าล่อสีกรดอายุประมาณ  12  เดือน น้ำหนัก  2.7  ก.ก. มาลงนวมกับไก่หนุ่มของข้าพเจ้าที่บ้าน  พอเตะสาดกระดานกันไปมาได้ประมาณ  5 นาที มันก็ออกวิ่งล่ออย่างเดียว  วิ่งเร็วมาก ไก่ข้าพเจ้าไล่จิกไล่เตะรอบสังเวียน  ถ้าไก่ข้าพเจ้าเตะมันทีหนึ่ง  มันจะวกกลับมาเตะคืน สองสามทีแล้วก็วิ่งต่อไปอีก  ครบยก 20 นาทีไก่ข้าพเจ้าอ้าปากยืนหอบหาอากาศหายใจจนตัวโยน พอขึ้นยกที่สองเจ้ากรดไม่ยอมสู้  ตู้แข่วฮ้างเล่าว่ามันเป็นอย่างนี้สามครั้งแล้ว  ต่อมาตู้แข่วฮ้างนำมันมาแลกไก่ของข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าเห็นว่าน่าจะเป็นไก่ล่อได้จึงตัดสินใจแลกไว้  เช้าวันต่อมาตู้เสริฐนำไก่ป่าก๋อยมาขอลงนวมด้วย  มันก็พาไก่ตู้เสริฐวิ่งรอบสังเวียนจนแทบเป็นลม  แต่พอขึ้นยกที่ 2  มันไม่ยอมสู้เช่นเคย  ตู้เสริฐอยากได้ไปเล่นในบ่อนเพื่อฉีกกระเป๋าเซียนที่กำลังเห่อไก่พม่าม้าล่อจนนอนไม่หลับจึงนำไก่หนุ่มมาขอแลก  ข้าพเจ้านึกเสียดายไม่น้อยแต่ต้องจำใจแลก  ตู้เสริฐขอร้องให้ข้าพเจ้าช่วยปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ถ้ามีผู้ถามก็ให้ตอบว่ามันตายแล้ว  สามอาทิตย์ต่อมาตู้เสริฐเอารถมารับข้าพเจ้าไปเล่นไก่ที่บ่อนดอนเขือง  ลูกน้องตู้เสริฐสองคนอุ้มไก่สีกรดโดยสารไปด้วย  ข้าพเจ้าสังเกตดูลักษณะเหมือนไก่พม่าม้าล่อตัวที่แลกไปจากข้าพเจ้า  แต่ไม่น่าจะใช่เพราะหางสั้นคอโกร๋น  ส่วนตัวที่แลกไปเป็นไก่หางยาวสร้อยคอดก  แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร   นั่งรถไปขุดคุ้ยเรื่องฮามาคุยกันทำให้ได้หัวเราะต่ออายุ  ตอนหนึ่งตู้เสริฐเอ่ยเรื่องการเล่นพนันในบ่อนครั้งนี้ความว่า  ไก่ตัวที่จะนำไปชนครั้งนี้เป็นไก่ที่แลกไปจากข้าพเจ้าซึ่งยอมแพ้ต้นยกสองมาแล้วหลายครั้ง  เขาตัดแต่งขนหางเหลือสั้นนิดเดียวและถอนขนคอออกจนหมดเพื่อหลอกลวงเจ้าของไก่คู่ต่อสู้   วงเงินเดิมพันจะต้องไม่เกิน 1,100  บาท เพื่อง่ายต่อการเล่นเอาเงินคืน  เพราะจะต้องเล่นฝ่ายตรงข้าม  เบื้องต้นให้พวกเราเล่นต่อรองกันเองขุมละพันสองพันโดยไม่เอาเงินกัน  ที่ต้องเล่นต่อรองอย่างนี้เพื่อล่อลิเกเข้าวง  กล่าวคือให้คนอื่นหลงกลเล่นต่อรองกับพวกเราด้วย  เราค่อยเอาเงินที่เราเสียไปจากการโดนหลอกโดนต้มในลักษณะเดียวกันนี้มาหลายครั้งในแต่ละปี  ข้าพเจ้าไม่มีทางเลือกอื่น เพราะเมื่อนั่งรถแป๊ะก็ต้องตามใจแป๊ะ  ถ้าไม่ตามใจแป๊ะมีหวังได้เดินกลับบ้านคนเดียว  เราออกชนในนามซุ้มกระบองแลกช้าง  มือน้ำเปรียบชนได้กับไอ้ดู่หางดำซุ้มส.กินเกลี้ยงจากอำเภอสว่างแดนดิน เสียเปรียบทั้งรูปร่างปลายตอและความแข็งแกร่ง ที่ต้องตัดสินใจชนเพราะเรามาเพื่อแพ้อย่างเดียว  ตกลงชนกัน  4  ยกเดิมพันฝ่ายละ 1,100  บาท กรรมการสนามให้เราชนในสังเวียนที่  6  คนดู ไม่ถึง  20  คน คงยากที่เล่นต่อรองได้เงินจำนวนมากอย่างที่คาดหวังไว้  ยกที่ 1  ไอ้กรดพาคู่ต่อสู้วิ่งรอบสนามเกือบทั้งยก เซียนข้างสังเวียนเห็นไอ้กรดเป็นไก่ม้าล่อก็พากันเล่นเสมอไอ้กรดทันที  ตู้เสริฐเล่นเสมอไอ้ดู่ รับมาทุกขุม แต่เป็นขุมเล็กขุมน้อยรวมกันแล้วเป็นเงิน  4,000  บาท  พวกเรายิ้มแย้มแจ่มใสเพราะจะได้เงินเดิมพันคืนแล้วแถมยังจะมีกำไรอีกนิดหน่อยเป็นค่าน้ำมันรถและค่าอาหารมื้อกลางวัน  พักยกมือน้ำฝ่ายเราทำทีเป็นให้น้ำไก่แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ทำอะไรเลย   เพราะคาดการณ์ล่วงหน้าว่าไก่เราคงจะยอมแพ้ในต้นยกที่  2 เหมือนที่ผ่านมา  แต่ผิดคาดเจ้ากรดไม่ยอมแพ้และยังคงวิ่งหลอกล่อเตะไอ้ดู่เหมือนเดิม  ตอนพักยกตู้เสริฐโทร.แจ้งตัวเลขที่เล่นเพิ่มเติม  ขึ้นยกที่  3  เจ้ากรดยังคงวิ่งหลอกล่อวางแข้งแทงคอคู่ต่อสู้จนคอหด  ตอนพักยกตู้เสริฐโทรให้มือน้ำจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้เจ้ากรดยอมแพ้  มิฉะนั้นเสียหายยับถึงขั้นไม่มีเงินจ่าย  มือน้ำทั้งสองกุลีกุจอช่วยกันรังแกเจ้ากรดด้วยการเอาฝ่ามือลูบก้นให้เจ้ากรดปี้ฝ่ามือจนน้ำอสุจิเลอะถึงแขน  และใช้มือบีบไตเจ้ากรด  ตู้เสริฐโทร.สั่งให้มือน้ำใช้เข็มแทงก้นเจ้ากรดโดยด่วนเพื่อให้เจ้ากรดยอมแพ้  แต่ไอ้โจมือน้ำปฏิเสธด้วยความสงสารไอ้กรดเป็นภาษาผู้ไทยว่า  มิ..ข้อยมิเอ้ด  ตู้ดิ่งผู้ช่วยมือน้ำหยิบเข็มมาสองเล่มจะแทงก้นเจ้ากรด  ข้าพเจ้าอดสงสารเจ้ากรดไม่ได้จึงขอร้องว่า อย่าทำร้ายมันอีกเลย  ปล่อยให้เป็นไปตามเกมเถอะ  ไม่กราดน้ำ ไม่ให้กินข้าว ไม่ให้กินยา ไม่ไขหัว ไม่ถ่างตา  ไม่นวดตัวให้ก็เป็นการทำร้ายเจ้ากรดมากแล้ว  ถ้ามันพลิกชนะพ่อครูจะยอมจ่ายคนเดียวก็แล้วกัน  แต่ไม่ว่ามันจะแพ้หรือชนะพ่อครูจะขอซื้อคืนเพื่อไถ่ชีวิตมันไว้เอง  ขึ้นยกที่ 4 เจ้ากรดยังคงหลอกล่อวางแข้งแทงคอต่อสู้ต่อไปอย่างสนุกสนาน   แต่เจ้ากรดก็โดนคู่ต่อสู้อัดซอกอัดลำตัวและหน้าคอพอ ๆ กัน   ข้าพเจ้ากับตู้เสริฐลุ้นให้เจ้ากรดแพ้จนเม็ดเหงื่อเต็มหน้าผาก หมดยกแล้วกรรมการจับไก่ทั้งคู่ยกเสมอกัน  มือน้ำรับไก่ไป  ส่วนข้าพเจ้าไปรับเงินเดิมพันคืนจากนายบ่อน  เงินเหลือไม่เท่าเดิมเพราะถูกหักค่าบ่อนไป  100  บาท  ขากลับข้าพเจ้าเจรจาขอแลกเจ้ากรดคืนหรือคิดราคาเป็นเงินก็ได้  ตู้เสริฐตกลงขายให้ข้าพเจ้าในราคามิตรภาพ  400  บาท  ข้าพเจ้าจึงนำมันมาขังสุ่มประคบประหงมเลี้ยงด้วยสูตรชนเงินล้านของซุ้มฟาร์มระดับแนวหน้าของเมืองไทยด้วยการ  กราดน้ำ เช็ดหน้า ล้างตีน เช็ดตัว กราดแดด ซื้ออาหารไก่ชนถุงละ  120  บาทมาผสมข้าวเปลือกให้กิน  เพิ่มอาหารเสริมด้วยการ ป้อนกล้วยตาก ทุกเช้าเย็น ปูผ้า กางมุ้งกันยุงให้ทุกคืน ให้ออกกำลังกายด้วยการให้วิ่งเลาะสุ่มโดยเริ่มต้นจากวันละ  1  ชั่วโมงในตอนเช้า มันเป็นไก่ที่ชอบวิ่งสุ่มมาก  ข้าพเจ้าลองนับรอบที่มันวิ่งดูปรากฎว่าใน 1 ชั่วโมงมันวิ่งได้ถึง  500  รอบ  วิ่งสุ่มได้ห้าวันจึงทดลองปล้ำกับไก่ป่าก๋อย      มันพาไก่ป่าก๋อยวิ่งรอบสังเวียนได้เพียง  17  นาที ไก่ป่าก๋อยขี้เกียจไล่ยอมแพ้วิ่งหนีหน้าตาเฉย  ใกล้จะถึงวันกำหนดออกชน ข้าพเจ้าสังเกตเห็นขนปีกเจ้ากรดหลุดไปข้างละสองเส้น  เปิดดูปีกพบว่าขนปีกโย้แล้วนำออกชนไม่ได้  ข้าพเจ้าจึงนำไปปล่อยไว้หลังบ้านให้เป็นพ่อพันธ์ุเพื่อรอให้เจ้ากรดถ่ายขนใหม่ในปีต่อไป

ผู้สันทัดกรณีย์กล่าวว่า  : ไม่ควรนำไก่ชนที่แพ้แล้วไปชนเพื่อหลอกต้มคนอื่น  เพราะถึงจะได้เงินแต่เสียศักดิ์ศรี  โชตร้ายอาจถูกไก่ของเราต้มเราเสียทั้งเงินและศักดิ์ศรีด้วยประการฉะนี้แล

หามผีตกป่าช้า

หลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว  แต่ละคนก็ทางใครทางมัน  โอกาสจะได้พบปะพูดคุยกันน้อยมาก นอกจากคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน  บ่ายวันหนึ่งอาจารย์นิคม ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญรุ่นน้องที่เอาดีทางทำฟาร์มเลี้ยงหมูและเพาะเลี้ยงไก่ชนขาย  ท่านอาจารย์เล่าว่าถ้าตัวไหนที่ขายไม่ได้ก็เลี้ยงออกชนเอง บ่ายวันหนึ่งท่านได้มาหาข้าพเจ้าที่บ้านและเล่าให้ฟังว่าจะทดลองนำไก่ชนที่เลี้ยงตามสูตรชนเงินล้านของซุ้ม ส.เอกเจริญ ออกชนที่บ่อนบ้านนาอวน อำเภอวานรนิวาส  แต่ไม่มีมือน้ำ ข้าพเจ้าจึงแนะนำให้ท่านเป็นมือน้ำเองจะได้ไม่เปลืองตังค์  ท่านอาจารย์หัวเราะบอกว่าผมเป็นมือน้ำเองก็ได้แต่อยากให้ท่านอาจารย์ไปเป็นผู้ช่วย ข้าพเจ้าคิดอยู่นานเพราะแม้จะเล่นไก่มาสี่สิบกว่าปีแต่ไม่เคยเป็นมือน้ำเลยสักครั้ง เพียงแต่เคยเห็นมือน้ำเข้าน้ำไก่เวลาชนในสนามเท่านั้น  แต่คิดว่าน่าจะทำได้บ้างจึงตอบตกลง  เช้าวันรุ่งขึ้นท่านอาจารย์นิคมขับรถมารับข้าพเจ้าที่หน้าบ้าน  พอขึ้นรถแล้วก็เริ่มบทสนทนาที่สนุกสนานครึกคื้นม่วนชื่นโฮแซวตามประสาหนุ่มวัยดึก  ถึงบ่อนไก่กลางป่าลึกก็จอดรถใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงา  ช่วยกันยกสัมภาระลงจากรถ   เพื่อนเซียนไก่ในบ่อนพากันหัวเราะชอบใจที่เห็นคนแก่สองคนเดินตามหลังกันเข้าบ่อน  คนหนึ่งหัวหงอกอุ้มไก่เดินนำหน้า  ส่วนอีกคนหนึ่งหัวล้านพุงพลุ้ยถือมุ้งไก่และหิ้วกล่องอุปกรณ์มือน้ำเดินตามหลัง  เซียนกระโถนตะโกนทักทายถามกลั้วหัวเราะว่า  วันนี้เจ้าของนิคมฟาร์มลงมือเปรียบไก่เองแล้วใครที่ไหนจะกล้าสู้  มือน้ำไม่มีเลยหรือครับ  อาจารย์นิคมตอบว่า  ตั้งใจจะให้แกนั่นแหละเป็นมือน้ำให้  เซียนกระโถนทำคอย่นตอบว่า  อาจารย์คิดผิดแล้ว ผมเป็นมือเชือดไม่ใช่มือน้ำ  ให้อาจารย์ที่เดินตามหลังเป็นมือน้ำปลอดภัยกว่าครับ  หลังจากนำมุ้งและอุปกรณ์ไก่ไปวางจองที่พักไก่เรียบร้อยแล้วข้าพเจ้าจึงเดินไปดูการเปรียบไก่ มีไก่ด่างอยู่ตัวหนึ่งที่รูปร่างอายุและเดือยน่าจะเท่า ๆ กัน แต่เจ้าของไก่เล่นตัวไม่ยอมชนด้วย  ข้าพเจ้าจึงถามท่านอาจารย์นิคมว่า   ท่านอยากชนกับไก่ป่าก๋อยสีด่างตัวนั้นหรือครับ เดี๋ยวผมจะเจรจาให้   ข้าพเจ้าอุ้มไก่ไปขอเปรียบใหม่  เจรจาหว่านล้อม ยกแม่น้ำทั้งห้า ปิง วัง ยม น่าน ไหลมาบรรจบกันที่ปากน้ำโพ ไหลลงไปเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วไหลรวมลงสู่ทะเลที่อ่าวไทย เพื่อชี้ให้เห็นว่าไก่ของเขาได้เปรียบทุกอย่าง  และที่สำคัญคือไก่ฝ่ายเราป่วยเป็นหวัดคอดังกำลังไม่มี  พร้อมชี้แจงว่าผมก็เพิ่งรู้เมื่อตะกี้นี้เอง  ไม่เชื่อลองฟังดูสิ   แต่วันนี้เจ้าของไก่บอกว่า  หามผีตกป่าช้าแล้วไม่ฝังก็ต้องเผา  อยากจะทดลองชนดูสักสามยก  เดิมพันสักห้าร้อยบาท  ถ้ามันสู้ไม่ไหวก็จะยกไก่ยอมแพ้   เจ้าของไก่ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะชอบใจเข้ามาขอจับไก่ฝ่ายเรายกขึ้นเอียงหูฟังเสียงว่าไก่เราคอดังอย่างที่ชี้แจงแถลงไขหรือไม่  แล้วหันไปพยักหน้ากับทีมงานฝ่ายเขา  ตอบตกลงทันที  แต่มีข้อแม้ว่า  ชน  4  ยก  เดิมพันฝ่ายละ 1,100  บาท  ท่านอาจารย์นิคมพยักหน้ายิ้มอย่างสมใจนึก อุ้มไก่ไปที่พัก จัดแจงเปิดกล่องอุปกรณ์และดำเนินการติดปีกไก่เส้นที่หักข้างละ 4 – 5 เส้นตามหลักสูตรปรมาจารย์มือน้ำอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่ชื่อหมูพระประแดงอย่างคล่องแคล่วโดยมีข้าพเจ้าเป็นผู้ช่วย  ข้าพเจ้าให้ข้อคิดขณะต่อปีกไก่ว่า   ไก่ฝ่ายเราได้เปรียบน้ำหนักประมาณหนึ่งถึงสองขีด  แต่ไก่เราป่วยเป็นหวัด มากยกอาจมีปัญหาเรื่องพละกำลัง  การเล่นต่อรองวันนี้จะต้องออกตัวกินสองข้าง  ไม่ว่าแพ้หรือชนะต้องให้ได้ตังค์กลับบ้าน  หลังต่อปีกไก่เสร็จก็ได้พบเซียนโจ้ปรมาจารย์มือน้ำเจริญศิลป์  ท่านอาจารย์นิคมจึงเข้าเจรจาให้เป็นมือน้ำไก่ฝ่ายเราทันที  คู่ที่  1  ไก่พม่าล่อยาวของรองบ่อนชนะปลายยกที่หนึ่งเพราะไก่ไทยป่าก๋อยขี้เกียจวิ่งไล่ตามตีเลยเปลี่ยนสไตล์การชนเป็นการออกปากร้องวิ่งหนีไม่ยอมสู้แทน  ไก่ของเราได้ชนเป็นคู่ที่  2  ข้าพเจ้าลงเดิมพันด้วย  220  บาท เสมอนอกอีก 300  บาท  ยกแรกไก่ทั้งคู่เตะสาดกระดานกันไปมาประมาณห้านาที  ไก่ฝ่ายเราก็ออกวิ่งล่อยาวโดยมีไก่ป่าก๋อยวิ่งไล่ไปรอบสนามทั้งยก  ถ้าคู่ต่อสู้ไล่ทันเตะมันหนึ่งทีมันจะหันกลับมาตบบ้องหูคู่ต่อสู้สามสี่ทีแล้วก็วิ่งต่อไป  คู่ต่อสู้วิ่งไล่ไปเตะไปถูกบ้างผิดบ้าง  บางครั้งมันจิกเตะขณะไก่เรากำลังวิ่งหนีทำให้มันเสียการทรงตัวกลายเป็นหกคะเมนตีลังกาหัวทิ่มพื้นแทบคอหัก และออกอาการเหนื่อยหอบเหมือนจะขาดใจ เซียนไก่รอบสนามเอาไก่ฝ่ายเราต่อถึง  10  ต่อ  1 ข้าพเจ้ารีบรองไปหน่อยจึงได้รองที่ราคา  3  ต่อ  1 จำนวน  100  บาท  4  ต่อ  1 จำนวน  100  บาท  และ  5  ต่อ  1  อีก  100  บาท  ถ้าไก่ฝ่ายเราชนะก็จะได้ตังค์  200  บาทแต่ถ้าฝ่ายเราแพ้จะได้  700  บาท  ซึ่งมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำถึง  400  บาท  หมดยกออกมานั่งคุยกัน  มือน้ำฝ่ายเราคุยอย่างมั่นใจว่าไก่เราจะชนะในยกที่  2  อย่างแน่นอน  แต่พอขึ้นยกที่  2  ได้ประมาณ  5  นาที    ข้าพเจ้าสังเกตเห็นไก่ฝ่ายเราออกอาการไข้ขึ้น อ่อนล้า ไม่ยอมวิ่ง  มันยืนให้คู่ต่อสู้ตีเอาตีเอา  จึงรีบออกตัวไปอยู่ฝั่งตรงข้ามทันที  ที่ราคา  3  ต่อ  1  และ  5  ต่อหนึ่งอีกขุมละ  100  บาท  ซึ่งถ้าไก่ฝ่ายเราชนะจะเสมอตัวไม่ได้ไม่เสีย  แต่ถ้าฝ่ายเราแพ้จะได้เพิ่มมาอีก  800  บาท  เป็น  1500  บาททันที  การเล่นไก่สนุกตรงที่ได้ฝึกฝนสมองอย่างนี้แหละครับพี่น้องครับ  ถึงกลางยกไก่ฝ่ายเราวิ่งหนีกระโดดขึ้นขอบสังเวียนหลายครั้ง  กรรมการจับลงมาก็ไม่ยอมสู้ถึงสามครั้งตามกติกาสนามจึงถูกจับแพ้ พลิกล็อกถล่มทลาย  เซียนต่อวอดวายเซียนรองรื่นเริง   ข้าพเจ้าเดินหาเก็บตังค์ที่เล่นเอาไว้แต่ได้ตังค์มาไม่ครบเพราะท่านอาจารย์รำมะนาไม่มีตังค์จ่าย ติดค้างไว้  800  บาท   ลืมนึกไปว่าท่านอาจารย์รำมะนาดื่มเหล้าเมามาเล่น  ข้าพเจ้าจึงได้ตังค์กลับบ้านเพียง  700  บาทเท่านั้น ท่านอาจารย์นิคมหิ้วกล่องใส่ไอ้โต้งและกล่องอุปกรณ์มือน้ำโดยมีข้าพเจ้าหิ้วสัมภาระที่เหลือเดินตามไปขึ้นรถ  ขณะเดินทางกลับท่านอาจารย์นิคมเล่าว่า  หักลบกลบเดิมพันในบ่อนและจ่ายมือน้ำแล้วเหลือตังค์กลับบ้าน  800  บาท  และยังมีไก่ป่วยคอดังอีกตัวที่จะนำไปทดลองชนวันพรุ่งนี้  ข้าพเจ้าจึงให้ข้อคิดว่า  ไก่ป่วยก็เหมือนนักมวยป่วย  แม้จะฝึกซ้อมมาอย่างดีขนาดไหนก็ต้องพัก  เพราะการกราดน้ำไก่ก่อนชนและระหว่างพักยกจะทำให้อาการไข้กำเริบ ไข้ขึ้น ไม่มีเรี่ยวแรง แพ้และภายหลังอาจป่วยหนักถึงตายได้  วันรุ่งขึ้นทราบจากท่านอาจารย์นิคมว่า  ได้ตัดสินใจไม่นำไก่ออกชน

ผู้สันทัดกรณีย์กล่าวว่า  คนฉลาดมักแสร้งทำตัวว่าเป็นคนโง่  ส่วนคนโง่มักแสร้งทำตัวว่าเป็นคนฉลาด  แต่นักปราชญ์มักเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งคนฉลาดและคนโง่

เพาะไก่ชนขาย

หลังอาหารค่ำวันหนึ่งแม่บ้านปรึกษาว่าบ้านเรามีเศษอาหารเหลือน่าจะเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวบ้าง  ข้าพเจ้าให้ความเห็นต่างว่า ถ้าเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวก็เปลืองเปล่า ๆ แถมเพื่อนบ้านจะไม่กล้ามาเยี่ยม  บ้านเราเลี้ยงไก่ชนดีที่สุดเพราะเป็นอาหารได้ ขายราคาแพงได้อีก  แถมขี้ไก่เป็นปุ๋ยชั้นดี ต้นไม้ชอบ  หลังจากตกลงเพาะเลี้ยงไก่ชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ข้าพเจ้าก็นั่งพิจารณาทบทวนความรู้และประสบการณ์เดิมเกี่ยวกับไก่เก่งที่ชนะ ในบ่อนว่าต้องเป็นไก่ที่เชิงดีและตีเจ็บ ไก่เชิงดีคือไก่เอาตัวรอดเก่ง ไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ได้ตี  ไก่ตีเจ็บคือไก่ทีตีตาย(ตีลูกกระเดือกหลุด) ตีหัก(ตีข้อหัว) ตีชัก(ตีหู) ตีดิ้น(ตีคิ้ว ตีปาก) ตีล้มตีนอน(ตีซอกคอ  ตีหลังคอ) ตีตา ตีหู ตีปาก ตีคอ ของคู่ต่อสู้  ปัจจุบันนักเพาะไก่ชนได้เพาะผสมไก่ชนเก่ง ๆ เกือบทุกสายพันธุ์เข้าด้วยกัน  แต่ยังพอแบ่งตามชั้นเชิงลีลาการชนของเหล่าสายดั้งเดิมเป็น  2  กลุ่มใหญ่ ๆ คือไก่เชิงพม่าและไก่เชิงไทย

ไก่เชิงพม่าที่เซียนไก่ชื่นชอบได้แก่

1. ไก่เชิงพม่าล่อยาว  ไก่พวกนี้มีนักเลงไก่ให้คำจำกัดความว่า นักวิ่งพันไมล์  คู่ต่อสู้เข้าใกล้เพียงเอาหัวแตะปีกจะออกวิ่งหนีทันทีและรักษาระยะห่าง ระหว่างคู่ต่อสู้ ไว้ที่หนึ่งฟุตเสมอ ขณะวิ่งจะคอยชำเลืองดูคู่ต่อสู้  ถ้าคู่ต่อสู้หยุดจะหันกลับมาโยนแข้งเปล่าตีหูตาปากคอจมูกหรือลูกกระเดือกคู่ ต่อสู้ทันที  แต่ต้องเป็นไก่ที่วิ่งทุกยก ไม่ใช่วิ่งยกเดียวหรือสองยกแล้วหยุดวิ่ง  และต้องนำไปชนในสนามใหญ่เท่านั้น  ถ้าชนสนามเล็กแคบมักจะถูกคู่ต่อสู้ไล่ตามทันถูกตีหลังหักพ่ายแพ้ได้  ไก่พวกนี้มักตีชนะไก่ที่วิ่งไล่ตามมันไป  แต่มักแพ้ทางไก่พม่าโยกถอยหัวบนและไก่พม่าโยกถอยหัวล่างที่ไม่วิ่งไล่ที่ ยืนคอยดักตีอย่างเดียว ไก่เชิงพม่าล่อยาวตัวที่เก่งสุดในท้องถิ่นขณะนี้ราคาอยู่ที่หลักหมื่น

2. ไก่เชิงพม่าล่อสั้นหรือพม่ารำวง ไก่พวกนี้จะวิ่งสั้น ๆ พอพ้นตัวก็จะหันกลับมาโยนแข้งเปล่า ตีหูตาปากคอจมูกหรือลูกกระเดือกคู่ ต่อสู้ทันที  ไก่พวกนี้ถ้าแม่นคมเร็วแรงแทงหูตา แทงจำแผล และถ้าไม่เสียเปรียบเดือย อายุ รูปร่าง และความแข็งแกร่งมักตีชนะไก่เชิงไทยและพม่าเชิงถอยโยกบน  แต่มักแพ้ทางไก่เชิงพม่าโยกล่างและไก่เชิงก๋อยลูกผสมไซ่ง่อน ตราด พนัส ปัจจุบันไก่เชิงพม่าล่อสั้นหรือพม่ารำวงตัวที่เก่งในหมู่บ้านราคาอยู่ที่ หลักหมื่น  ถ้าเก่งระดับภาคจะอยู่ที่หลักแสน  แต่ถ้าเก่งระดับประเทศจะอยู่ที่หลักล้าน

3. ไก่เชิงพม่าถอยโยกบน พวกนี้จะชิงจังหวะ เก่งหน้าหงอน  ไม่ยอมให้คู่ต่อสู้เข้าใกล้เกินสามก้าว ยิงแข้งเปล่าป้องกันตัวเองตลอดเวลา  ยกหนึ่งบินตีเป็นร้อยครั้งขึ้นไป ถ้าแข้งคมตีเร็ว ตีหนัก ตีหูตาปากคอจมูกลูกกระเดือก  ถ้าเดือย อายุ รูปร่างและความแข็งแกร่งไม่เสียเปรียบคู่ต่อสู้มักจะชนะไก่เชิงพม่าทุกเชิง  แต่มักแพ้ทางไก่เชิงก๋อยลูกผสมไซ่ง่อน ตราด พนัส ไก่เก่งสุดเชิงนี้ราคาซื้อขายในท้องถิ่นอยู่ที่หลักหมื่น  ถ้าเก่งระดับภาคจะอยู่ที่หลักแสน  แต่ถ้าเก่งระดับประเทศจะอยู่ที่หลักล้าน

4. ไก่เชิงพม่าถอยโยกล่าง พวกนี้จะมีเชิงชนลักษณะโยกหัวอยู่บริเวณหน้าอกและใต้คางคู่ต่อสู้  เซียนไก่ให้คำจำกัดความไก่พวกนี้ว่า หัวดิ้น ตีนไหล ไม่มีคอให้กอด ไม่มีปีกให้เข้า ถอดตี ถอยตี เด้งตี บินตี  ถ้าแม่นคมเร็วแรงแทงเสียบหูเสียบตา และถ้าเดือย อายุ รูปร่าง ความแข็งแกร่งไม่เสียเปรียบคู่ต่อสู้จะชนะไก่เชิงพม่าม้าล่อและไก่เชิงไทย  แต่มักแพ้ทางไก่พม่าเชิงถอยโยกบนหรือพม่าหน้าหงอน ไก่เก่งสุดเชิงนี้ราคาซื้อขายในท้องถิ่นอยู่ที่หลักหมื่นเช่นเดียวกัน  ถ้าเก่งระดับภาคจะอยู่ที่หลักแสน  แต่ถ้าเก่งระดับประเทศจะอยู่ที่หลักล้าน

กลุ่ม ไก่เชิงไทยที่เห็นเซียนไก่ชื่นชอบนำไปชนแข่งขันในบ่อนได้แก่ไก่เชิงที่มีลำ หักลำโค่นดี ตีเจ็บ ไม่แต่งตัวนาน  แตะเป็นตี ยืนเป็นล้ม ก้มเป็นชัก ลงมีหักมีนอน  แต่ถ้าชนกับไก่พม่าม้าล่อที่ไล่ตีไม่ทันจะเห็นเซียนไก่ยกไม้ยกมือตะโกนโหวก เหวกต่อรองออกตัวหนีตายกันชุลมุนวุ่นวาย  ได้แก่

1.  ไก่เชิงไทยป่าก๋อยหัวล่างลูกผสมสามสาย เช่นผสม ไซ่ง่อน พนัส ตราด จะมีเชิงชนล็อกมุดมัด เข้าปีก กัดเหนียง กัดคอ  กัดบ่า กัดหลัง บุกตลุย ดุดัน หนักหน่วงรุนแรง แทงข้อหัว แทงลำตัว ทุบหลัง แทงสีข้าง ตีขา ตีก้น ถ้าแม่นคมเร็วแรงแทงหนัก และถ้าไม่เสียเปรียบเดือย อายุ รูปร่าง ความแข็งแกร่งมักจะชนะไก่เชิงพม่าเชิงถอยโยกบน  และไก่เชิงพม่าล่อสั้น แต่มักจะแพ้ทางไก่เชิงพม่าล่อยาว ไก่ไทยเชิงป่าก๋อยหัวบน และไก่พม่าเชิงโยกหัวล่าง ที่ตีแม่นคมเร็วแรง กันคอเก็บหัวล่างเก่ง  ไก่เก่งสุดเชิงนี้ราคาซื้อขายในท้องถิ่นอยู่ที่หลักหมื่น ถ้าเก่งระดับภาคจะอยู่ที่หลักแสน  แต่ถ้าเก่งระดับประเทศจะอยู่ที่หลักล้าน

2.  ไก่เชิงไทยป่าก๋อยหัวบนลูกผสมสามสาย เช่นผสม ไซ่ง่อน พนัส และไก่ใต้ จะมีเชิงชนล็อก กัดบ่า กัดหลังตีตัว บุกตลุย ดุดัน หนักหน่วงรุนแรง แทงข้อหัว แทงลำตัว แทงหลัง แทงสีข้าง ถ้าแม่นคมเร็วแรงแทงหนัก และถ้าไม่เสียเปรียบเดือย อายุ รูปร่าง ความแข็งแกร่งมักจะชนะไก่เชิงพม่าเชิงถอยโยกบน ถอยโยกล่าง ไก่เชิงไทยป่าก๋อยหัวล่าง แต่มักจะแพ้ทางไก่เชิงพม่าล่อ ไก่เก่งสุดเชิงนี้ราคาซื้อขายในท้องถิ่นอยู่ที่หลักหมื่นเช่นเดียวกัน  ถ้าเก่งระดับภาคจะอยู่ที่หลักแสน  แต่ถ้าเก่งระดับประเทศจะอยู่ที่หลักล้าน

โจทย์ ใหญ่ของนักเพาะไก่ชนทั้งหลายขณะนี้คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถผสมผสานความเก่งของไก่ชนทุกสายพันธุ์ให้รวมอยู่ในไก่ชน ตัวเดียวได้  ถ้าทำได้จะต้องเป็นไก่ชนที่เก่งที่สุดในโลกอย่างแน่นอน  ปัจจุบันมีฟาร์มเพาะไก่ชนเล็กบ้างใหญ่บ้างเกิดขึ้นทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ  ส่วนใหญ่จะยังคงรักษาพันธุกรรมไก่ชนสายพันธุ์ที่ตัวเองชื่นชอบไว้อย่าง เหนียวแน่น  มีน้อยรายที่ทดลองผสมข้ามสายพันธุ์  เพราะไก่ที่ผสมรวมความเก่งของทุกสายพันธุ์นั้นผลิตผลที่ออกมามักจะเก่ง เหมือนเป็ดกล่าวคือบินก็ได้แต่ไม่เก่งเท่านก  ว่ายน้ำก็ได้แต่ไม่เก่งเท่าปลา  วิ่งก็ได้แต่ไม่เก่งเท่าไก่  พอเอาไปชนในบ่อนมักจะแพ้ไก่ลูกร้อย  ที่เพาะผสมได้ไก่เก่งที่น่าพอใจคือการเพาะผสมในสายเชิงเดียวกัน  เช่นไก่เชิงพม่า ทั้งพม่าล่อ พม่าหัวล่าง พม่าหัวบน นำมาเพาะผสมกันจะได้ไก่พม่าแผลคมหลากหลายเชิงชนในตัวเดียวกัน  ผู้หมวดหนุ่มท่านหนึ่งเพาะผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างไก่ตัวผู้เป็นพม่าล่อยาวกับแม่ไก่ไทยเหล่าป่าก๋อยได้ลูกไก่ตัวผู้  2 ตัว  นำไปชนในบ่อนเป็นที่ฮือฮามาก  ยกที่ 1  วิ่งล่ออย่างเดียว  ยกที่ 2  ล็อกมุดมัดกัดตีเหมือนไก่ป่าก๋อย และชนะกลางยกที่ 2  ทั้งคู่  ผู้หมวดหนุ่มเจ้าของไก่เล่าว่า พอขึ้นยกที่  3  มันจะออกลีลาโยกลอดถอดถอยตีแผลหูตาปากคอจมูกลูกกระเดือกเหมือนไก่พม่า  แต่ยกที่  4 ขึ้นไปยังไม่เคยทดลอง

ส่วน ข้าพเจ้าชื่นชอบไก่ชนที่ตีตากับตืหู  เพราะถ้าตีตาคู่ต่อสู้บอดหรือตาติดมืดทั้งสองข้าง หรือตีหูหักลงไปนอนชักลุกไม่ได้นอนให้ไก่เราตีตัวเดียว ถ้าไม่หักไม่ชักก็หูบวมและหวาดกลัวแข้ง มากยกโอกาสชนะมีสูง  จึงตัดสินใจเลือกไก่ชนสายพันธุ์พม่า โดยพยายามเสาะแสวงหาไก่เชิงพม่ามาเพาะผสมผสานความเก่งของไก่เชิงพม่าทุกสาย พันธุ์ได้แก่บินตีถี่คม แทงหูตา ล่อสั้น ล่อยาว ถอยโยกบน ถอยโยกล่าง รุกเป็นถอยได้   โดยตั้งความหวังว่าความเก่งของไก่พม่าทุกสายพันธุ์จะให้มีอยู่ในตัวเดียว กัน   จากประสบการณ์เพาะไก่ชนสามสิบกว่าปีได้ข้อสรุปว่า

1. แผลตีและสีของลูกไก่ที่เพาะฟักออกมาจะได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อพันธุ์  ส่วนรูปร่างชั้นเชิงลีลาการต่อสู้ความทรหดอดทนจะได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ พันธุ์   ข้าพเจ้าจึงเลือกไก่ชนที่ข้าพเจ้าเคยเห็นตีแผลหูตาที่ชนชนะเร็วในบ่อนมาเป็น พ่อพันธุ์  และเสาะหาแม่ไก่จากเหล่ากอไก่เก่งอื่นที่ข้าพเจ้าเคยเห็นพี่น้องของมันเคยชน ชนะในบ่อนด้วยแผลหูตาและชั้นเชิงลีลาในการต่อสู้ที่ข้าพเจ้าชื่นชอบมาเป็น แม่พันธุ์  ทำให้ได้ลูกไก่ตีหูตา หุ่นดีสีสวยและมีชั้นเชิงลีลาการต่อสู้พริ้วไหวดุดันเป็นที่ชื่นชอบของ นักเลงไก่  ทำให้สามารถขายได้ราคาดีกว่าไก่กิโล  แต่มีข้อที่น่าสังเกตคือลูกผสมชุดที่ 1 มักไม่ค่อยเก่ง  ลูกผสมชุดที่ 2 เป็นต้นไปจากพ่่อพันธุ์แม่พันธุ์ตัวเดิมจะเก่งกว่ามากทั้งชั้นเชิงลีลาและ แผลตี

2. การใช้อาหารหมูเลี้ยงไก่ชนจะทำให้ไก่ชนหุ่นดีขนาดพอเหมาะน้ำขนดีสีสวย แต่เป็นไก่ขาอ่อนแรงน้อย สู้ไก่หนุ่มคะนองนาไม่ได้  ข้าพเจ้าเสียเวลาเสียทรัพย์และเสียแรงไปหนึ่งปีได้ไก่ตีที่แปลงร่างเป็นไก่แกง เกือบร้อยตัว  ให้ลูกน้องทยอยชำแหละแบ่งกันลองดู  พบว่าลำใส้ของไก่ทุกตัวมีลักษณะบาง มีจุดสีน้ำตาลเรียงรายจนสุดลำใส้ และที่สำคัญไตเล็กและฝ่อ  จึงจำหน่ายเป็นไก่กิโลจนหมด  ข้าพเจ้าต้องเริ่มต้นใหม่ หาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาเลี้ยงใหม่ ให้อาหารไก่พื้นบ้าน รำ ปลายข้าว และข้าวเปลือก ทำให้ไก่แข็งแรง ขายได้ราคาดี และผู้ซื้อนำไปชนชนะในบ่อนเกือบทุกตัว

3. ลูกไก่เป็นโรคฝีดาษ ตาบวม เป็นหวัด คอดัง บางตัวตายบางตัวพิการตาบอด จึงพยายามเสาะหาสาเหตุจนพบเมื่อใช้ฉายส่องดูลูกไก่ขณะนอนใต้อกแม่เห็นยุงตัว เล็กๆ มุดเข้าเข้าไปกัดลูกไก่เต็มไปหมด จึงจับทั้งแม่ทั้งลูกเข้าสุ่มซึ่งปูด้วยผ้าปูไก่ชน และคลุมด้วยมุ้งไก่ทุกคืนจนลูกไก่เติบโตมีขนปกคลุมทั่วร่างกายจึงปล่อยให้ นอนบนคอน ทำให้สามารถป้องกันยุงกัดอันเป็นสาเหตุทำให้ลูกไก่เป็นโรคฝีดาษและโรคแทรกซ้อนอื่นที่มีสาเหตุจากยุงกัดได้  ส่วนไก่ใหญ่มีขนหนาเวลานอนเอาหัวซุกปีกทำให้ยุงไม่สามารถแหย่ปากเข้าไปกัดใบหน้าได้ แต่ยุงก็จะกัดบริเวณหัวเข่าและขาพับทำให้ไก่เป็นโรคซีด จึงจับนอนอนมุ้งทุกตัว  ทำให้ลูกไก่ทุกตัวสุขภาพดีเติบโตแข็งแรงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน   และที่สำคัญไม่เปลืองเงินซื้อยารักษาไก่ป่วยเหมือนเมื่อก่อน

4.  ไก่ป่วยเป็นไข้หวัดหน้าบวมตาแดงคอดัง เมื่อก่อนเคยใช้ยาซุบเปอร์กรีน และยาฉีดแพง ๆ อีกหลายชนิดก็หายได้  แต่ปัจจุบันยาเหล่านั้นใช้ไม่ค่อยได้ผล  จึงลองใช้ยาสามัญประจำบ้านดูได้ผลเป็นที่น่าพอใจ  ถ้าเป็นไก่หนุ่มใช้ยาพาราเซตามอนชนิด 500 มิลลิกรรม ครั้งเดียว 2 เม็ด  บวกวิตามินบีคอมเพล็กอีก 1 เม็ด อาการป่วยจะหายภายในวันสองวัน ถ้ายังไม่หายมีอาการตาบวมอักเสบให้ใช้ยาไมโครคอลินหรือยาฮีโร่ไมซิน ชนิดแคบซูลหรือยาเพ็นนิซิลิน 500,000 ชนิดเม็ด สำหรับผู้ใหญ่ครั้งละ 1 เม็ด บวกวิตามินบีคอมเพล็ก 1 เม็ดไม่เกิน 3 ครั้ง

5.  ไก่เป็นขี้กลาก ถ้าเป็นน้อยใช้ยาทาขี้กลากที่มีขายในท้องตลาดเช่นอีซอลที ขีผึ้งเอวัน ถ้าไม่หายให้ทายาทั้งสองชนิดรวมกัน ส่วนไก่ที่เป็นกลากทั่วตัวให้ใช้ยาสโตวาซอน สำหรับคนชนิดกิน โดยให้กินครั้งละ 1 เม็ด วันเว้นสองวัน ไม่เกิน 3 ครั้งขี้กลากก็จะหาย

6. แข้งไก่เป็นขี้ทูต  ใช้ยาสโตวาซอน สำหรับคนชนิดกิน โดยให้กินครั้งละ 1 เม็ด วันเว้นสองวัน ไม่เกิน 3 ครั้งขี้ทูตก็จะหาย

6. เมื่อไก่โตเป็นหนุ่มอายุประมาณ 8 เดือนต้องจับมาขังสุ่ม ลงขมิ้น อาบน้ำ ดันนวมกับไก่ที่มีอายุและรูปร่างใกล้เคียงกันวันละ 10 นาที  และกราดแดด ซึ่งจะทำให้ไก่แข็งแกร่ง มีกล้ามหัวปีกและหน้าขา  การดันนวมแต่ละครั้งต้องพันก้อยเพื่อป้องกันเล็บก้อยหัก พันนวมซ้อมเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ และใช้พลาสเตอร์สองชั้นปิดปากบนล่างเพื่อไม่ให้ไก่ใช้ปากจิกตีกันซึ่งอาจทำ ให้ขนหัวหลุดใบหน้าไม่หล่อเหลา  ดันนวมได้สัก 5 ครั้งจึงเปิดปากพันนวมเล็กเพื่อเช็คแผลตีว่าไก่เราตีแม่นหูตาหรือไม่ ถ้าใช่ก็จับเข้าสุ่มรอขาย  ถ้าไก่ตีแผลอื่นก็ส่งไปช่วยทำนาทำสวนหรือนำไปผสมกับขิงข่าตะไคร่ใบมะกรูดต่อ ไป ราคาขายในท้องถิ่นส่วนใหญ่จะตั้งต้นที่ตัวละ 1,000 – 1,500  บาท  แต่บางซุ้มบางฟาร์มให้ผู้ซื้อใช้สายตาเลือกซื้อไก่ที่ยังไม่ได้คัดในราคาตัว ละ  1,000  บาท  ส่วนไก่ชนของข้าพเจ้าขายตั้งแต่ไก่อายุได้ประมาณ 3 -4 เดือนในราคาคู่ละ 400 บาท ราคาเร้าใจกว่าขายเป็นไก่กิโล จึงขายหมดจนไม่มีไก่ขาย เหลือเพียงไก่พ่อพันธุ์ 1 ตัว  และไก่แม่พันธุ์  4  ตัวเท่านั้น

เทคนิคการเล่นไก่ชน

ก่อนออกจากบ้านไปเล่นไก่ให้คิดเสมอว่าไม่มีพระเอกไก่  ไก่เก่งแค่ไหนก็แพ้ได้เมื่อพลาดพลั้งหรือผู้เกี่ยวข้องทำให้ไก่แพ้ เช่นเปรียบไก่เสียเปรียบรูปร่าง อายุ เดือย และความแข็งแกร่ง เราเก่งเล็กแต่เขาเก่งใหญ่  บางทีแค่บินประสานแข้งกันก็ขาหักยืนไม่ได้ หรือถูกตีลูกกระเดือกหลุดตายกลางอากาศ หรือเอาตาทั้งสองข้างไปรับเดือยคู่ต่อสู้ทำให้ตาบอดทั้งสองข้าง หรือชนกับตัวที่เก่งกว่า หรือไก่แพ้ทาง หรือไก่ถูกวางยา(มีทั้งวางยาโดยคนอื่น  วางยาโดยมื้อน้ำ หรือวางยาโดยเจ้าของไก่เพื่อหวังเงินเล่นต่อรองจำนวนมาก หรือไก่เจ็บป่วยขณะชน)  ดังนั้นเมื่อเดินเข้าบ่อนไก่ต้องปฏิบัติดังนี้

1.  สืบประวัติไก่คู่ชนว่าเป็นไก่ค่ายชุ้มดังไก่เก่งหรือโนเนมโนกู้ด หน้าเสื่อฝ่ายไหนน่าจะแข็งเพื่อวางแผนการณ์ในการเล่นต่อรอง  แต่ไม่ควรเล่นพนันก่อนกรรมการปล่อยไก่ชนกันโดยเด็ดขาด  เพราะเสี่ยงเกินไป  เนื่องจากบางครั้งเป็นการชนกันระหว่างไก่ใหญ่กับไก่เล็ก  ไก่แพ้ทาง  ไก่ถูกวางยา ไก่ป่วยหรือไก่ฝีมือห่างชั้น

2.  คิดเสมอว่าไม่มีความซื่อสัตย์ในวงการพนัน จึงต้องหูไวตาไวและตื่นตัวตลอดเวลาเพื่อป้องกันการถูกหลอกให้เล่นไก่งาน(ไก่ เคยแพ้ชนะกันมาก่อนแล้วนำมาชนกันใหม่ หรือไก่เคยแพ้แล้วนำมาเปรียบชนอีกซึ่งโดยปกติไก่ที่เคยแพ้ยกไหนก็มักจะแพ้ยก นั้น) ไก่ถูกวางยาโดยทีมงานคู่ต่อสู้  มือวางยาไก่ที่ชำนาญเพียงเดินผ่านสุ่มไก่ระยะ 3 เมตรก็สามารถดีดยาเข้าสุ่มให้ไก่กินได้ คนพวกนี้เมื่อวางยาไก่ได้แล้วจะหนีออกจากบ่อนไก่แล้วโทร.บอกเพื่อนในบ่อนให้เล่นฝ่ายตรงข้าม  หรือเมื่อไก่ตัวเองเป็นต่อมาก ๆ รองไก่คู่ต่อสู้ไว้เยอะ ๆ แล้ววางยาไก่ตัวเอง หรือเอายางรัดก้นไก่ตัวเองในยกที่ต้องการให้ไก่แพ้(ไก่ที่ถูกยางรัดก้นจะไม่สู้ไก่) เพื่อรับทรัพย์ราคาต่อรอง จึงควรปรับการเล่นเป็นแบบแย็บแล้วถอย  ไม่โลภมาก  คิดเสมอว่าได้น้อยดีกว่าเสีย

3.  ไม่รีบร้อนเล่นต่อรองจนกว่าจะแน่่ใจ  ปล่อยให้เซียนน้อยใหญ่เล่นต่อรองกันไปก่อน ดูแผลตีและเชิงชนให้แน่ใจจนถึงปลายยกค่อยเล่นต่อหรือรองก็ยังไม่สาย เลือกเล่นวันละคู่สองคู่ก็พอ

4. อย่าห่วงว่าไก่ตัวที่เราเล่นจะแพ้หรือชนะ แต่ให้ห่วงเงินในกระเป๋าของเราว่าจะเหลือเท่าเดิมหรือไม่  คิดเสมอว่าเรามาหาเงินไม่ใช่มาเพื่ออวดไก่เก่ง  และจะเล่นอย่างไรจึงจะได้เงินกลับบ้านอย่างน้อยเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท

5. ออกตัวกันทุนไว้เสมอ ถ้าไก่ตัวที่เราเล่นเสมอไว้เป็นต่อให้ออกตัวรองกันทุนไว้ทันที คิดเสมอว่าได้นิดหน่อยดีกว่าเสีย  เพราะไก่ที่เราเล่นเสมอไว้นั้นอาจพลิกผันกลับเป็นรองหรือพลิกแพ้ได้

6.  ไม่เล่นเกินเงินในกระเป๋า  เพราะหากเล่นเสียไม่มีเงินจ่ายอาจถูกด่าประจาน ถูกรุมกระทืบ หรือโดนเจ้าบ่อนยึดทรัพย์เป็นประกัน

7. คิดเสมอว่า  การพนันไม่ใช่อาชีพ ไม่มีใครร่ำรวยจากการเล่นการพนัน  สิ่งที่ได้จากการเล่นพนันชนไก่คือความเพลิดเพลินเท่านั้น  จึงควรเล่นพนันเพียงนิดหน่อยได้เสียร้อยสองร้อยก็พอ

8. เมื่อกลับถึงบ้านแล้วถ้าจำเป็นต้องตอบคำถามแม่บ้านให้บอกความจริงเพียงบางส่วนว่าเล่นได้  เพราะทั้งวันเราเล่นไก่ตั้งหลายคู่  ซึ่งย่อมมีทั้งคู่ที่เล่นได้และคู่ที่เล่นเสีย  ที่ต้องแนะนำอย่างนี้เพื่อไม่ให้ศีลขาดและลดความขัดแย้งในครอบครัว และที่สำคัญต้องไม่ลืมยื่นเงินให้แม่บ้านซักร้อยสองร้อยพร้อมบอกว่า แบ่งคนละครึ่งนะครับที่รัก

ผ้าป่าโรงเรียน

คำว่า “ผ้าป่า” มีชื่อเรียกตามภาษาบาลีว่า “ปังสุกุละ” ภาษาไทยใช้คำว่า “บังสุกุล” หมายถึง ผ้าที่ไม่มีเจ้าของหวงแหน หรือผ้าที่ประชาชนเขาไม่ใช้แล้วนำไปทิ้ง  หรือผ้าที่เขาใช้ห่อศพแล้วทิ้งไว้ในป่าช้า

สมัยพุทธกาลพระภิกษุที่ต้องการผ้ามาทำจีวรผลัดเปลี่ยนต้องไปหาผ้าเหล่านี้ พอพบแล้วก็นำผ้านั้นมาซัก ตัด เย็บ ย้อมทำเป็นจีวรสำหรับนุ่งห่ม

ข้าพเจ้าบวชเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2500 พิธีทอดผ้าป่าที่วัดบ้านด่านม่วงคำสมัยนั้นเป็นดังนี้  เจ้าภาพจะแห่ต้นกัณฑ์ผ้าป่าไปวางไว้ที่โคนต้นโพธิ์บริเวณวัดในเวลากลางคืนหลังพระทำวัตรค่ำเล็กน้อย  แล้วไปแอบอยู่บริเวณใกล้เคียงอย่างเงียบ ๆ   มัคนายกวัดจะไปบอกพระอาจารย์เจ้าอาวาสว่า   มีคนนำผ้ามาทิ้งไว้ที่โคนต้นโพธิ์  จึงมานิมนต์พระอาจารย์ไปดูเผื่อทำเป็นจีวรได้  พระอาจารย์จะรีบนุ่งห่มจีวรให้เรียบร้อยแล้วเดินตามหลังมัคนายกวัดไป  เมื่อไปถึงจะทำทีเป็นเดินดูรอบ ๆ แล้วพูดว่า  ผ้านี้มีเจ้าของหรือไม่ ใครเป็นเจ้าของผ้าผืนนี้โปรดแสดงตัวด้วย   ถ้าผ้านีัไม่มีเจ้าของอาตมาจะนำไปทำเป็นจีวรสำหรับนุ่งห่มเพื่อปกปิดร่างกายและบรรเทาความหนาวร้อน  มัคนายกจะพูดเสริมขึ้นว่า  ผ้านี้คงเป็นผ้าที่เจ้าของทิ้งแล้ว  นิมนต์พระคุณเจ้านำไปทำเป็นจีรตามความประสงค์เถิด  พระอาจารย์จะเดินไปเอามือจับผ้านั้นพร้อมกล่าวเป็นภาษาบาลีว่า “อิมัง ปังสุกุละจีวะรัง อัสสามิ  กัง มัยหัง ปาปุณาติ” (แปลว่า  ผ้านี้ไม่มีเจ้าของจึงตกเป็นของข้าพเจ้า)  แล้วกลับมานั่งลงบนเสื่อที่เจ้าภาพปูไว้ล่วงหน้า กล่าวให้พรเป็นภาษาบาลีพร้อมกรวดน้ำที่เจ้าภาพเตรียมไว้  เจ้าภาพซึ่งแอบอยู่ก็จะพากันประนมมือรับพร   เสร็จพิธีมัคนายกวัดกับเจ้าภาพจะช่วยกันเก็บผ้าป่ารวมทั้งบริวารผ้าป่าเดินไปส่งพระอาจารย์ที่กุฏิ

ปัจจุบันการทำบุญทอดผ้าป่าได้พัฒนาเป็นกิจกรรมหาเงินสร้างสาธารณะประโยชน์อย่างกว้างขวางทั้งสร้างในวัดและสร้างนอกวัด  กล่าวคือผ้าป่าและบริวารผ้าป่าที่เจ้าภาพเตรียมมายังคงถวายพระภิกษุเหมือนเดิม  แต่บริวารของผ้าป่าส่วนที่เป็นธนบัตรจะนำไปสร้างโน้นนี่นั้่นตามวัตถุประสงค์ของทางวัดหรือของเจ้าภาพ ก่อนจะนำไปทอดถวาย พิธีการทอดถวายก็เปลี่ยนเป็นทางวัดหรือเจ้าภาพทำฎีกาชักชวนร่วมทำบุญทอดผ้าป่าเพื่อสมทบทุนสร้างนั่นนี่โน้นอย่างเปิดเผย พิมฎีกาบอกบุญผ้าป่าเสร์จแล้วยังต้องประทับตราของวัดที่จะนำไปทอดถวายด้วย  เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ร่วมบริจาคว่าจะนำเงินที่รวบรวมได้ทั้งหมดนี้ไปสร้างนั่นนี่โน้นตามวัตุถุประสงค์อย่างแน่นอน  และป้องกันมิจฉาชีพหลอกชาวบ้านให้ร่วมบริจาคเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองกับพวกพ้อง

สมัยนั้นโรงเรียนประถมศึกษาในชนบทแถบภาคอีสานส่วนใหญ่มีรั้วไม้ บางปีไฟป่าเผาไหม้เหลือเพียงลวดหนามกับตาปูซึ่งทางโรงเรียนจะต้องระดมนักเรียนช่วยกันเก็บกู้ไว้ซ่อมแซมใหม่  รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยไม่เคยมีงบสร้างรั้วให้โรงเรียน ถึงแม้ครูส่วนใหญ่เป็นโรคทรัพย์จาง กู้ทุกอย่างที่ขวางหน้าแต่จำเป็นต้องหาเงินมาสร้างนั้นนี่โน้นเพื่อให้โรงเรียนพอดูได้

ผ้าป่าครั้งนี้เกิดจากอาจารย์ลักขณา ศรีจำพลัง เสนอเรื่องผ้าป่าสมทบทุนสร้างรั้วโรงเรียนเข้าสู่ที่ประชุมประจำเดือน ที่ประชุมเห็นชอบ อนุมัติและแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เพื่อดำเนินการติดต่อศิษย์เก่าที่ไปทำงานต่างถิ่นซึ่งจะมาเยี่ยมบ้านช่วงสงกรานต์ทุกปี  เมื่อวันงานมาถึง  ศิษย์เก่าแต่ละรุ่นทั้งที่ไปทำงานต่างถิ่นและไปมีครอบครัวต่างหมู่บ้านต่างถิ่นต่างนำต้นกัณฑ์ผ้าป่ามารวมกันที่กองอำนวยการในโรงเรียน  กลางวันร่วมเล่นและร่วมเชียร์กีฬาอย่างสนุกสนาน  กลางคืนโรงเรียนจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญผูกแขนให้ศิษย์เก่าทุกคน  เช้าวันรุ่งขึ้นร่วมทำบุญใส่บาตร ถวายอาหารเช้าแด่พระสงฆ์สามเณร  และถวายผ้าป่า  ได้บริวารผ้าป่าครั้งนี้หนึ่งแสนกว่าบาท  สมทบทุนสร้างรั้ววัดสามหมื่นบาท ที่เหลือสมทบทุนสร้างรั้วโรงเรียนเสร็จพอดี

ผู้สันทัดกรณีย์เรื่องผ้าป่าโรงเรียนกล่าวว่า  จัดผ้าป่าโรงเรียนบ่อยขาดทุน  ถ้าสิบปีจัดหนึ่งครั้งได้กำไรงาม

เกษียณอายุราชการ

ปรมาจารย์รุ่นพี่ได้ตักเตือนน้อง ๆ ที่กำลังเกษียณอายุราชการไว้ว่า ข้าราชการบำนาญจะเป็นผู้สูงอายุหรือผู้สูงวัยในทันทีนับจากวันเกษียณ และจะต้องประสบปัญหา 3 ประการอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น กล่าวคือ

1. จน  เมื่อก่อนเคยรับเงินเดือนเต็มใช้จ่ายอย่างสบาย แต่พอมารับเงินบำนาญจะจนทันที เพราะจะได้รับเพียงประมาณครึ่งหนึ่งของเงินเดือน  จึงควรใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ยึดหลักประหยัดและประโยชน์เป็นสำคัญ   อย่าให้คนอื่นกู้เงิน ถ้ามีให้ทวงคืนมาให้หมด เพราะนานไปจะไม่ได้คืน  และให้ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่และหลอกให้โอนเงินอย่างที่เป็นข่าว ให้หมั่นดูข่าวทาง ที วี และฟังข่าวทางวิทยุบ้าง อย่ามัวแต่ดูอย่างอื่นที่น่าดูกว่าอยู่เลย

2. เจ็บ อายุมากขึ้นสังขารย่อมทรุดโทรม จะเจ็บไข้ได้ป่วยง่าย ให้ยึดหลัก 5 อ.ไว้ให้มั่น กล่าวคือ กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อยู่ในที่มีอากาศปลอดโปร่งบริสุทธิ์  ออกกำลังกายทุกวัน อุจจาระให้เป็นเวลาทุกเช้า และรักษาอารมณ์ให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ

3. จำ  ความจำของท่านจะเริ่มเสื่อมไปตามวัย นานไปจะจำใครไม่ได้เลย บางคนจำชื่อเมียของตัวเองก็ไม่ได้  เรียกผิด ๆ ถูก ๆ เรียกนิดบ้าง  หน่อยบ้าง  บางครั้งเรียก เม ไปโน่นเลย  ถูกเมียลงโทษให้นอนนอกมุ้งเป็นประจำ  จึงต้องฝึกใช้สมองบ้างเพื่อให้สมองได้ใช้งาน สมองจะได้ไม่ฝ่อจนจำอะไรไม่ได้ ดังนั้นจะให้อะไรแก่ลูกเมียคนไหนต้องทำพินัยกรรมไว้ ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ก็อย่าด่วนโอนให้ลูกเมียทั้งหมด เก็บไว้เป็นของตัวเองบ้าง เพื่อล่อตาล่อใจให้ลูกหลานหมั่นมาดูแลเราอย่างมีความหวัง และพวกเขาจะได้ไม่ทอดทิ้งเราจนกว่าเราจะตาย  และถึงแม้เราตายแล้วยังมีทรัพย์เหลือพอได้ขายทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เรา   หลายคนที่แบ่งทรัพย์ให้ลูกเมียหมดมักถูกทอดทิ้งและไม่มีใครทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้

ปรมาจารย์รุ่นพี่อีกท่านหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า  เห็นผู้เกษียณอายุราชการหลายท่านมีชะตากรรมแตกต่างกันไปเช่น  บางท่านเกษียณยังไม่ถึงปีมีบัตรเชิญไปงานศพ เปิดอ่านดูพบว่าท่านเสียชีวิตแล้ว บางท่านเป็นโรคร้ายรักษาไม่หายเทียวไปโรงพยาบาลแทนการไปทำงาน  บางท่านเป็นอำมะพาตนอนให้ลูกเมียหยอดน้ำข้าวต้มรอวันสุดท้ายของชีวิต บางท่านแต่งงานใหม่กับสาววัยรุ่นต้องโด๊บยาทุกคืนเพราะเมียกวน ไม่นานได้ข่าวว่าต้องผ่าตัดหำทิ้ง  มีหลายท่านที่ต้องนั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวเวลากลางคืน  สอบถามได้ความว่ากลัวเมียวัยรุ่นดึงหำ  บางท่านก็แสวงหาหยูกยาเพื่อให้แข็งใหญ่ยาว ยาที่ได้มากินมาทาล้วนแต่เป็นยาผีบอก  กินทาได้ไม่นานลูกหลานก็ได้หามส่งโรงพยาบาลให้หมอช่วย บางท่านขยันตอนแก่ ทำนาทำไร่ทำสวนด้วยตัวเองทุกอย่างไม่จ้างใคร  ไม่นานก็กลายร่างเป็นคนแก่หลังโกงถือไม้เท้าช่วยพยุงเดินกระย่องกระแย่ง  บางท่านคิดจะรวยชาติหน้า  ทรัพย์สมบัติมีเท่าไรยกให้การกุศลหมด  ส่วนตัวเองและครอบครัวมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก    มีน้อยรายที่สามารถใช้ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่อย่างเหมาะสมลงตัวและอยู่อย่าง มีความสุขไปชั่วชีวิต

สิ่งหนึ่งที่ผู้สูงวัยเป็นเหมือนกันทุกคนคือโรคเหงา ซึมเศร้าและตายก่อนวัยอันควร  จึงมีข้อแนะนำให้ผู้สูงวัยชายระมัดระระวังและรักษาอย่างสุดชีวิต 2  สิ่ง  คือ ฟันกับหำ

ฟันคืออะไร ?

พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของฟันไว้ว่า ฟันก็คือกระดูกที่เป็นซี่ ๆ อยู่ในปาก 

ฟันสำคัญอย่างไร ?

ฟันสำคัญสำหรับคนเรามาก ถ้าฟันยังอยู่ครบจะช่วยเสริมบุคลิกทำให้ยิ้มสวยดูดีมีเสน่ห์  ถ้าฟันหรอจะทำให้ยิ้มตลก  ถ้าเหลือแต่เหงือกจะทำให้เคี้ยวอาหารไม่ได้ ต้องกลืนอาหารที่ยังไม่เคี้ยวลงไป เป็นการเพิ่มภาระให้แก่ระบบการย่อยอาหารและการขับถ่าย   ซ้ำยังทำให้คางบ้ำและยิ้มน่ากลัวเหมือนผีหลอก….

หำคืออะไร ?

พจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของหำไว้ว่า  หำ  หมายถึงลูกอัณฑะ  แต่ผู้สันทัดกรณีย์เรื่องหำให้คำจำกัดความ คำว่า หำ เอาไว้อย่างน่าจดจำว่า  หำคือเครื่องประดับเสริมบารมีของผู้ชาย

ทำอย่างไรฟันกับหำของเราจึงจะปลอดภัยและอยู่คู่กับเราไปตลอดชีวิต ?

ท่านผู้รู้ได้แนะนำเรื่องการรักษาฟันและหำไว้อย่างน่าจดจำว่า

1. การรักษาฟัน  ถ้าฟันยังอยู่ครบ ให้พยายามหลีกเลี่ยงการขบเคี้ยวของแข็งและหมั่นไปให้หมอฟันแคะหินปูนออกทุก ปี อย่าปล่อยให้หินปูนเกาะฟันจนปากเหม็น   ที่ลือกันว่าฟันหลอเพราะดูดนมนั้นไม่เป็นความจริง นมทั้งมีน้ำและไม่มีน้ำยังดูดได้เหมือนเดิม  หัวนมอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีฟันหลอ จึงควรดูดอย่างระมัดระวังอย่าให้หัวนมติดระหว่างฟันเป็นอันขาด ถ้าบังเอิญหัวนมติดฟันเอาออกเองไม่ได้ให้รีบพากันไปโรงพยาบาลให้หมอช่วยเอาออกให้  เคยมีข่าวผู้สูงวัยท่านหนึ่งหัวนมเมียติดระหว่างฟันเอาออกเองไม่ได้  ลูกหลานต้องหามขึ้นรถพาไปส่งโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเล หมอตรวจแล้ววินิจฉัยว่า  คนไข้จะต้องเลือกเอาอย่างอย่างใดอย่างหนึ่ง  ระหว่างตัดหัวนมภรรยาทิ้งกับถอนฟันสามีหนึ่งซี่ ข่าวแจ้งว่า ผู้สูงวัยท่านนั้นยินยอมให้ถอนฟันตัวเองออกหนึ่งซี่เพื่อรักษาหัวนมภรรยาไว้ดูดต่อไป  ห้ามแทะขวดนมกับกระป๋องนมโดยเด็ดขาด  เพราะอาจทำให้ฟันหักได้ ถ้าฟันหลอก็ไปใส่ฟันปลอมเอาไว้เพื่อป้องกันมิให้ฟันที่เป็นคู่กันงอกยาวออก มาแทนที่จนเหมือนฟันฮิปโปโปเตมัส  ถ้าฟันหลุดร่วงหมดจนเหลือแต่เหงือกเหมือนทารก จะทำให้ดูดนมง่ายแม่บ้านชอบ  แต่คางจะบ้ำ พูดไม่ชัดและน้ำลายหกเวลาพูดเพราะไม่มีแนวกั้น  จึงควรใส่ฟันปลอมเพื่อเสริมบุคลิกให้ดูดีเหมือนเดิม

2.  การรักษาหำ  คุณหมอได้ให้ความรู้เรี่องหำเอาไว้ว่า หำของผู้ชายมีอยู่ 2 ชุดคือ

1. ชุดที่ห้อยอยู่ด้านนอกตรงหว่างขาเรียกว่าลูกอัณทะ หรือลูกกะโปก คนอีสานเรียกบักไข่หำหรือหมากไข่หำ แต่ไม่ว่าใครจะเรียกมันว่าอย่างไรหำชุดนี้ก็มีหน้าที่ 2 อย่างคือผลิตตัวสเปิมและเก็บรักษาตัวสเปิมด้วยอุณหภูมิที่คงที่ตลอดเวลา เพื่อให้ตัวอสุจิแข็งแรง  กล่าวคือถ้าอุณหภูมิในร่างกายเย็นหำก็จะหดตัว  ขึ้นเพื่อรับไออุ่นจากร่างกาย  แต่ถ้าอุณหภูมิในร่างกายร้อนหำก็จะยานห้อยโตงเตงเพื่อหนีให้ห่างจากร่างกาย ที่กำลังร้อน หำชุดนี้รักษาง่ายเพียงทำควาสะอาดเวลาอาบน้ำ เช็ดให้แห้งก็พอ ไม่ควรใส่กางเกงฟิตจนเกินไป เวลากลางคืนไม่ควรใส่กางเกงในยกเว้นคนที่ได้แม่บ้านขี้หึงอย่างร้ายกาจซึ่ง ต้องระมัดระวังหำและลูกพี่หำไว้ให้ดี  ที่สำคัญไม่ควรเลี้ยงเป็ดไว้ใต้ถุนบ้านโดยเด็ดขาดเพราะอาจเป็นอันตรายต่อลูกพี่หำได้

2. ชุดที่อยู่ด้านในตรงคอท่อปัสสาวะใต้หัวเหน่าเรียกว่าต่อมลูกหมาก  มีหน้าที่ผลิตน้ำหล่อลื่นส่งไปช่วยให้ตัวสเปิมเดินทางไปยังจุดหมายได้สะดวก รวดเร็ว  ผู้สูงวัยร้อยละ 90 เป็นโรคต่อมลูกหมากโต ทำให้ลูกพี่หำอ่อนแอและขี้เกียจไม่ยอมทำงาน  เอาแต่นอนท่าเดียว  ปลุกมาเยี่ยวแต่ละครั้งต้องได้เอามือแกะออกจากหำ อาการต่อมลูกหมากโตที่ปรากฏชัดอีกอย่างคือ  หำจะยานห้อยยาวกว่าลูกพี่หำ เวลาปัสสาวะจึงต้องระวังมิให้ลูกพี่หำปล่อยน้ำปัสสาวะรดหำ  ไม่ควรอุตริไปกินยาผีบอกหรือฉีดยาทาน้ำมันจิ้งเหลน  เพราะอาจได้ผ่าตัดเอาหำทิ้ง  แทนที่จะได้ตายบนอกให้เลื่องชื่อลือนามกลับต้องกลายเป็นขันทีเฒ่านกเขาป่วย  ถ้าหากสังเกตเห็นอาการผิดปกติดังต่อไปนี้คือ  ปัสสาวะติดขัดกระปริบกระปรอย และบางครั้งปัสสาวะเป็นเลือด คอเป็นผดผื่นบวมแดงโตเหมือนเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย  ให้รีบไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลหรือไปที่คลินิกหมอเฉพาะทาง

ถ้าหมอบอกว่าอาการเพิ่งเริ่มเป็น  อย่าเพิ่งยินยอมให้หมอผ่า ให้กลับบ้านดูอาการเตรียมตัวเตรียมใจระยะหนึ่งก่อน  เพราะถ้ารีบผ่าตัดโดยหมอไม่ชำนาญเครื่องมือไม่พร้อม ผ่าไปโดนเส้นเสียวเข้า ลูกพี่หำของเราจะเป็นเจ้าชายนิทราไปตลอดชีวิต  ระยะนี้ไม่ควรปลุกลูกพี่หำให้ลุกขึ้นมาดูนั่นดูนี่หรือมุดนั่นมุดนี่ เหมือนเมื่อยังหนุ่ม  เพราะเขาทำงานหนักมานานแล้วก็ปล่อยให้เขาได้นอนพักผ่อนตามสบายบ้าง  ส่วนเราก็รักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการปฏิบัติตามหลักการ 5  กล่าวคือ

1. กินปลาเป็นหลัก

2. กินผักเป็นยา

3. กินกล้วยน้ำหว้าเป็นของว่าง

4. เดินทางวันละ  5,000 ก้าว

5. คึกคักกับสาว ๆ ทุกวัน

เมื่อสุขภาพเราดี หำก็จะดีด้วย ที่ห้อยหำก็จะคึกคักกระชุ่มกระชวยโดดเด่นเป็นสง่าเป็นสิริมงคลแก่เราไปจน สิ้นอายุขัย

ถ้าหมอหำบอกว่าต่อมลูกหมากอักเสบบวมโตไปกดท่อปัสสาวะจนตีบตัน ทำให้ปัสสาวะไม่ออก และลำคอเป็นผดผื่นบวมแดง  หากปล่อยทิ้งไว้จะอักเสบลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่นและตาย  จำต้องยอมให้หมอหำผ่าตัดเอาต่อมลูกหมากออก ดีกว่าตายเพราะเสียดายหำ  ถึงขั้นนี้ต้องเสี่ยงเอาระหว่างเหมือนเดิมกับไม่เหมือนเดิมคือ  ถ้าหมอชำนาญลูกพี่หำของเราก็จะเข้มแข็งคึกคักเหมือนเดิม  แต่ถ้าหมอพลาดพลั้งไปตัดเส้นเสียวของเราเข้า  เราก็จะกลายเป็นขันทีเฒ่านกเขาป่วยไปตลอดชีวิต

สำหรับผู้สูงวัยที่เป็นหญิงนั้นไม่ค่อยมีปัญหา  เพราะส่วนมากเข้าวัดปฏิบัติธรรมสม่ำเสมอมาตั้งแต่วัยอันควรอยู่แล้ว ท่านเหล่านี้จึงเป็นเสมือนภัตตาคาร ร้านอาหาร เครื่องซักผ้า  นาฬิกาปลุกชั้นดีที่ไม่ต้องไขลานไม่ใช้ถ่าน  และที่สำคัญคือ เป็นตู้ เอทีเอ็มเคลื่อนที่ที่วิเศษที่สุดของครอบครัว เพราะลูกผัวกดได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องใช้มือกดเหมือนตู้เอ ที เอ็มทั่วไป  แต่สามารถกดด้วยปากเปล่าหรือโทร.กดก็จะได้ตังค์ทุกครั้ง  แถมบางครั้งลูกผัวยังสามารถขโมยตังค์ได้อีกด้วย  ท่านเหล่านี้จึงเป็นเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกผัวโดยแท้  แต่มีข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับบางท่านทีสามีกลายร่างเป็นโก๋แก่ ว่า  หนึ่งให้เอาหูไปนา  สองให้เอาตาไปไร่  สามให้ทำใจ   และสี่ให้รอโก๋แก่กลับมาตายรังแล้วค่อยนำไปเผา

ก่อนถึงวันเกษียณอายุหนึ่งสัปดาห์  ข้าพเจ้าเคลียร์งานทุกอย่างให้เป็นปัจจุบันทั้งพัสดุ การเงิน และงานธุรการ  และเขียนมอบหมายงานในสมุดหมายเหตุรายวันให้ท่านอาจารย์ลักขณา  ศรีจำพลัง เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนรอผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่  เช้าวันสุดท้ายของการรับราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน  ข้าพเจ้าได้กล่าวอำลานักเรียนหน้าเสาธง เข้ากราบลาท่านพระครูเจ้าอาวาสวัดดอนธาตุวิลัย เก็บของขึ้นรถเดินทางกลับบ้าน ขากลับได้แวะนมัสการหลวงพ่อองค์ดำที่วิหารริมหนองทุ่งมน กลับถึงบ้านเตรียมเงินสดใส่ซองไว้ 10,000 บาทเพื่อมอบให้เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนในวันงาน เขียนสคริปต์กล่าวอำลาในงานเกษียณอายุราชการที่เพื่อนครู นักเรียน นักการภารโรง และคณะกรรมการสถานศึกษา โดยการนำของท่านอาจารย์ลักขณา  ศรีจำพลัง รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนได้ร่วมกันจัดขึ้น  ตั้งเวทีชั่วคราวกลางแจ้งหน้าอาคารอเนกประสงค์ภายในบริเวณโรงเรียนบ้านทุ่งมนธาตุวิทยา

เมื่อถึงเวลางาน มีชาวบ้านมาร่วมงานจำนวนมาก  หมอพราหมณ์ได้ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญผูกแขนอวยพรให้ตามประเพณี  โดยมีชาวบ้านร่วมผูกแขนและอวยพรให้ข้าพเจ้าและแม่บ้านอย่างล้นหลาม  ข้าพเจ้าได้มอบเงินทุนการศึกษาให้ท่านอาจารย์ลักขณาซึ่งเป็นตัวแทนโรงเรียนบนเวทีพร้อมกล่าวสุนทรพจน์อำลาตามสคริปต์ที่เตรียมมาว่า

เรียน  ท่านหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอเจริญศิลป์  ท่านประธานกลุ่มโรงเรียนเจริญศิลป์  เพื่อนผู้บริหาร เพื่อนครู และท่านผู้มีเกียรติ  ที่เคารพรักทุกท่าน

สวัสดี นักเรียนที่น่ารักทุกคน

กระผมรู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คณะครูโรงเรียนบ้านทุ่งมนธาตุวิทยา นำโดยท่านอาจารย์ลักขณา  ศรีจำพลัง ร่วมกันจัดงานวันวานที่พากเพียรวันเกษียณที่ภาคภูมิให้กระผมเนื่องในวาระเกษียณอายุราชการในครั้งนี้  กระผมรู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมากยิ่งขึ้นที่ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายได้กรุณา สละเวลามาร่วมงานครั้งนี้

ขอขอบพระคุณท่านหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอเจริญศิลป์เป็นอย่างสูงยิ่ง ที่กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานจัดงานครั้งนี้รวมทั้งให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ถูกใจและ ประทับใจมากที่สุด  ตลอดถึงคำอวยพรที่เป็นสิริมงคลอย่างสูงยิ่งแก่กระผมและครอบครัว

ขอขอบพระคุณท่านประธานกลุ่มโรงเรียนและเพื่อนผู้บริหารพร้อมคุณนายทุกท่าน  ที่กรุณาสละเวลามาร่วมงานครั้งนี้

ขอขอบคุณคณะครู คณะกรรมการสถานศึกษา นักการภารโรง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดงานครั้งนี้ทุกท่านเป็นอย่างสูงยิ่ง ที่ช่วยกันจัดงานครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่

และขอขอบพระคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่กรุณาสละเวลามาร่วมงานเลี้ยงวันเกษียณ อายุราชการของกระผมในครั้งนี้

หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กระผมได้ล่วงเกินท่านทั้งหลาย  ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา ขอได้โปรดอโหสิให้แก่กระผมด้วย

กระผมจะเก็บความดีงาม ความมีน้ำใจ ความรัก ความผูกพัน ของทุกท่านที่เคยมีให้  ไว้ในใจของกระผมไปชั่วชีวิต   วันข้างหน้าถ้ามีงานส่วนรวมเช่นงานวัด งานโรงเรียน งานบ้าน หรืองานส่วนตัวเช่น งานบุญ งานแต่ง เป็นต้น  ก็อย่าลืมส่งข่าวถึงญาติพี่น้องของท่านที่อยู่คนละฟากฝั่งหนองทุ่งมนนะครับ  เขาคนนั้นคือ  นายวิทิต  ไชยวงศ์คต

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมีหลวงพ่อองค์ดำเป็นต้น และคุณความดีที่เราทั้งหลายได้ทำไว้ ได้โปรดดลบันดาลให้ทุกท่านที่กรุณาจัดงานและมาร่วมเป็นเกียรติในงานวันนี้ พร้อมครอบครัวจงประสบแต่ความสุขความเจริญ อายุยิ่งยืนนาน การงานให้น้อยลง น้อยลง และน้อยลง ส่วนการเงินให้มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น อายุยืนยาว เป็นสาวสวย หนุ่มหล่อ และร่ำรวยไม่เลิกลาทุกท่าน ทุกคน  เทอญ

สวัสดีครับ

หลังงานเกษียณวันนั้นแล้วข้าพเจ้ารู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก  เพราะไม่ต้องแบกรับภาระโรงเรียนอีกต่อไป  ไม่เป็นกังวลว่าครูจะขาด ลา มาสาย นั่งหลับในห้อง ให้นักเรียนนวดแข้งนวดขา  ตีนักเรียน ทิ้งห้อง เมามาสอน  นักเรียนทะเลาะกัน ตีกัน ถูกข่มขืน เกิดอุบัติเหตุ ตกน้ำตาย เจ้านายจะมาเยี่ยม สมุดหมายเหตุรายวันยังไม่ได้เขียน การเงินยังไม่เรียบร้อย งานพัสดุยังไม่เป็นปัจจุบัน  อาคารเรียนชำรุด  ห้องเรียนสกปรก  ห้องส้วมไม่สะอาด ภารโรงเมามาทำงาน  เป็นต้น  ปัญหาทุกอย่างหายวับไปทันทีที่เกษียณอายุราชการ  ทุกสิ่งอย่างผ่านไปแล้วก็ผ่านเลยไป ไม่มีเจ้านาย ไม่มีลูกน้อง ไม่มีเพื่อนร่วมงาน  ไม่มีอะไรติดมือมานอกจากของที่ระลึกจากคุณครูและแขกผู้มีเกียรติที่มอบให้ในงานวันเกษียณ  และหนี้สหกรณ์ที่ยังใช้ไม่หมด รวมทั้งร่างกายที่กำลังเสื่อมสภาพเท่านั้น

เล่นการเมือง

ผู้สันทัดกรณีย์ด้านการเมืองไทยอธิบายว่า  เล่นการเมืองนั้นต้องทำสองอย่าง คือสร้างกระแสและยิงกระสุน ถ้ากระแสดียิงกระสุนได้ทั่วถึงมีชัยแน่ ถ้ากระแสแย่กระสุนด้านแพ้แน่นอน กระแสดียิงกระสุนน้อยกว่าคู่แข่ง หรือไม่ยิงกระสุนก็แพ้อีกเหมือนกัน  ชนะเลือกตั้งแล้วจะได้ตำแหน่งหรือไม่ให้รอฟัง กกต. ตัดสิน

หลัง จากเกษียณอายุราชการแล้ว ได้เงิน กบข. หกแสนบาทกู้ ชพค.อีกสองแสนบาท นำไปใช้หนี้ธนาคารอารสงเคราะห์และหนี้สหกรณ์ของแม่บ้าน  ยังเหลือเงินอีกแสนกว่าบาทฝากไว้ที่ธนาคาร  ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น  ขณะนั้นเทศบาลตำบลเจริญศิลป์กำลังประกาศรับสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเจริญศิลป์  อาจารย์แปซึ่งลาออกจากราชการไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอารเบียได้ยี่สิบกว่าปี เดินทางกลับมาพัก  พอดีท่านทราบว่าข้าพเจ้าเคยเป็นหัวคะแนนของ สส. หลายสมัย  จึงมาชวนข้าพเจ้าร่วมทีมบริหารด้วย  ข้าพเจ้าได้ปฏิเสธท่านไปสามสี่ครั้งเพราะใจจริงอยากพักผ่อน  แต่ท่านก็ยังตามตื้อทุกวัน  จึงตัดสินใจนำเงินจำนวนที่เหลือดังกล่าวมาลงขันร่วมทีมงานในตำแหน่งรองนายกฯ คนที่หนึ่ง  โดยมีทีมงานบริหารเพียงสี่คนคือนายกฯkรองนายกฯ 2 คนและเลขาฯสาวสวยที่เพิ่งเรียนจบปริญญาตรี  มีผู้สมัครแข่งขันครั้งนี้สามคน ท่านอาจารย์แปจับได้เบอร์หนึ่ง อดีตนายกฯจับได้เบอร์สอง และอดีตรองนายกฯจับได้เบอร์สาม ข้าพเจ้ารับเขียนป้ายเองโดยใช้ไม้อัดสี่แผ่นต่อกันเพื่อประหยัดรายจ่าย

วันแรกที่ขึ้นป้ายแนะนำทีมงาน  คนงานไปติดตั้งที่หน้าบ้านของหัวคะแนนผู้สมัครฝ่ายตรงข้าม  จึงถูกต่อต้านจนต้องย้ายไปติดตั้งที่อื่น  ฝ่ายคู่แข่งซึ่งเป็นอดีตนายกฯขึ้นป้ายอย่างอลังการโดยใช้ไม้อัดจากบ้าน สส. นำมาต่อกันถึงสิบสองแผ่นและติดตั้งแทนที่ของเรา  ส่วนคู่แข่งอีกทีมหนึ่งก็ขึ้นป้ายใหญ่ไม่แพ้กัน เนื่องจากท่านอาจารย์แปไปอยู่ต่างประเทศตั้งยี่สิบกว่าปีจึงมีผู้คนในชุมชน รู้จักท่านน้อยมาก ท่านจึงปั่นจักรยานออกพบปะแนะนำตัวต่อพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนเช้าเย็น ทุกวันจนถูกสุนัขเจ้าของบ้านกัดได้รับบาดเจ็บ ต้องพักรักษาหลายวัน พออาการค่อยทุเลาก็ปั่นจักรยานหาเสียงต่อ  ส่วนทีมงานก็ได้แต่เอาใจช่วยและประชุมหัวคะแนนวางแผน ข้าพเจ้าร่างคำปราศัยให้กับทีมงานทุกคนเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพูด ท่านอาจารย์แปไปอัดสปอร์ตประกอบเพลงเปิดโฆษณาทุกเช้าเย็นไปตามถนนในชุมชน

ใกล้ถึงวันเลือกตั้งแล้วเสียงอาจารย์แปยังไม่กระเตื้อง  เราจึงเปิดปราศัยตามชุมชนในเวลากลางคืน  ทำให้พอมีเสียงขึ้นมาบ้าง แต่ข้าพเจ้าวิเคราะห์สถานการณ์แล้วเห็นว่า เบอร์สองมีแฟนพันธุ์แท้เป็นจำนวนมากและที่สำคัญยังมี สส. และพรรคการเมืองใหญ่ในพื้นที่ ให้การสนับสนุนอีกด้วย หากเราไม่ดึงเบอร์สามมาอยู่ด้วยเราแพ้แน่นอน จึงปรึกษากับทีมงานและรับอาสาไปเกลี้ยกล่อมให้เบอร์สามปลดป้ายมาร่วมทีม ด้วย  ข้าพเจ้าเอาความจริงไปเล่าให้เขาฟังว่าถ้าาเราต่างคนต่างสู้ผู้ชนะคือเบอร์ สองเพราะมีแฟนพันธุ์แท้มากกว่า อีกทั้งยังมี สส. และพรรคการเมืองใหญ่ในพื้นที่ให้การสนับสนุน  มีทางเดียวที่จะชนะเบอร์สองได้คือเราต้องรวมกัน แต่ถึงรวมกันก็จะชนะเพียงเฉียดฉิวเท่านั้น  ส่วนใครจะอยู่ตำแหน่งไหนเมื่อชนะแล้วไม่มีปัญหา  เราคุยกันก่อนได้  แต่ถ้าเราแพ้เราจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงทุนไป

วันต่อมาทีมงานเบอร์สามยกขบวนมาขอเจรจาเรื่องตำแหน่ง ตกลงกันได้โดยรวมสองคนต่อหนึ่งตำแหน่ง ให้ดำรงค์ตำแหน่งคนละสองปี ใครจะเป็นก่อนหรือหลังก็ได้แต่เงินเดือนต้องแบ่งครึ่งทุกเดือน  ยกเว้นตำแหน่งนายกฯเพราะเป็นตำแหน่งเลือกตั้ง ทำให้ทีมงานใบตองแห้งของพวกเรากลายเป็นยักษ์ใหญ่ขึ้นมาเป็นต่อทีมอดีตนายกฯ เบอร์สองทันที   ประสบการณ์จากการไปหาเสียงขอคะแนนทำให้ข้าพเจ้าทราบดีว่า  ประชาชนในพื้นที่มีอยู่สี่กลุ่มคือ หนึ่งกลุ่มแฟนพันธุ์แท้มีอยู่ประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ ซื้อไม่ได้จะเลือกพรรคพวกของพวกเขาเท่านั้น  สองกลุ่มเครือญาติมีประมาณสิบเปอร์เซ็นต์  ซื้อไม่ขายจะเลือกเฉพาะญาติพี่น้องของพวกเขาเท่านั้น  สามกลุ่มคนที่เป็นกลางมีอยู่ประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่จะเลือกตามกระแสและกระสุน  สี่กลุ่มผลประโยชน์มีอยู่ประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ เลือกตามกระสุนใครยิงมากกว่ากัน ใกล้วันเลือกตั้งแล้วพวกเราลงขันค่าใช้จ่ายโดยคิดสิบเปอร์เซ็นต์ของอัตราเงินเดือนแต่ละตำแหน่งเพื่อจัดหากระสุนนัดละสองร้อยบาทมายิงสู้กับคู่แข่งเบอร์สอง ก่อนถึงวันเลือกตั้งสามวันพวกเราเปิดฉากยิงถล่มแบบปูพรม ทั้งกลางวันกลางคืน กล่าวคือยิงทุกคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งยกเว้นคู่แข่งเบอร์สองกับครอบครัวของ เขาเท่านั้น  พอยิงวันแรกเสียงเบอร์หนึ่งก็ดังกระหึ่มขึ้นมาทันที

ข้าพเจ้าบอกทุกคนว่าถ้าไม่ชนะหรือเจอใบแดงก็ถือว่าทำบุญต่ออายุก็แล้วกัน  สองวันที่เหลือเป็นการยิงซ่อม ตกเย็นจะเห็นชาวบ้านหอบลูกจูงหลานหัวร่อต่อกระซิกระรี้ระริกหอบข้าวของพะรุง พะรังมาจากตลาดเดินผ่านหน้าบ้านข้าพเจ้าเป็นแถว ข้าพเจ้ายิ้มให้กับตัวเองด้วยความปลื้มใจ  ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะแพ้หรือชนะก็ล้วนแต่ยินดีทั้งสิ้น  ในคืนหมาหอนทีมงานเบอร์สองโดยการสนับสนุนของ สส.ยกพวกมาปิดถนนยิงถล่มตามโพยในทุกชุมชน เสนาธิการเบอร์สองมานั่งคุยกับข้าพเจ้าถ่วงเวลาไม่ให้กระดิกตัวไปไหนตั้งแต่ สองทุ่มยันเที่ยงคืน   ข้าพเจ้าอดหัวเราะในใจไม่ได้เพราะเรายิงจนกระสุนหมดไปก่อนหน้านี้แล้ว   ทราบว่าหลังจากปิดถนนยิงถล่มในคืนหมาหอนแล้วน้องชายท่าน สส. เอาเบอร์สองต่อเบอร์หนึ่งที่ราคาสามต่อสองจำนวนสามแสนบาท มีพวกเซียนพนันในชุมชนลงขันรองไว้ทั้งหมด  เช้าวันเลือกตั้งมีผู้คนที่กระสุนยิงไม่ถึงเพราะอยู่ไกลตามหัวไร่ปลายนาและ ผู้ที่ไม่อยู่บ้านขณะส่งมือปืนไปบุกยิงต่างทยอยเดินทางมารับกระสุนที่บ้าน ข้าพเจ้าและบ้านคู่แข่งเบอร์สองก่อนไปเลือกตั้ง

ประมาณหนึ่งทุ่มกว่า ๆ กรรมการประกาศผลการเลือกตั้ง   อาจารย์แป เบอร์หนึ่งชนะคู่แข่งเบอร์สองเจ็ดสิบเจ็ดคะแนน  เสียงไชยโยโห่ร้องแสดงความดีใจที่จุดนับคะแนนหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลเจริญศิลป์ดังกระหึ่ม  ข้าพเจ้าเห็นคู่แข่งขันและทีมงานเบอร์สองเดินก้มหน้าแหวกผู้คนไปขึ้นรถขับ บึ่งออกไปในทันที  โดยที่ข้าพเจ้าและทีมงานไปแสดงความเสียใจด้วยไม่ทัน ซึ่งโดยมารยาทพวกเขาน่าจะอยู่แสดงความยินดีกับพวกเราก่อนจะเดินทางกลับ  เพราะแพ้หรือชนะประชาชนเป็นผู้ตัดสิน  หลังจากชนะแล้วฝ่ายเสนาธิการเบอร์สองขู่ว่าจะฟ้อง  เมื่อเรื่องถึง สส. จึงถูกห้ามมิให้ฟ้องร้องกัน  เพราะท่านคงมองการณ์ไกลว่าหากฟ้องร้องพวกเราวันนี้ก็เท่ากับฆ่าตัวตายทางการ เมืองไปเลย  เพราะจะถูกพวกเราเอาคืนในวันหน้าอย่างแน่นอน  การเมืองท้องถิ่นนั้นถ้าไม่ใช้เงินก็ไม่มีทางชนะ  เพราะประชาชนส่วนหนึ่งมีความเห็นว่า  …..พวกคุณได้งานมีเงินเดือนมีรายได้  พวกเราชาวบ้านเสียเวลาไปเลือกพวกคุณแล้วได้อะไร  ไม่มีพวกคุณพวกข้าราชการเขาก็ดูแลพัฒนาบ้านเมืองตามปกติอยู่แล้ว  พวกเราไปทำงานต่างประเทศยังต้องเสียค่านายหน้า  พวกคุณจะได้งานได้เงินเดือนก็ควรจ่ายค่านายหน้าให้แก่พวกเราบ้าง  อย่างน้อยร้อยสองร้อยก็ยังดี ….. เงินไม่มากาไม่เป็น… ….เงินไม่มาไปนาดีกว่า…เงินมากาได้..บางคนไปขอเงินจากผู้สมัครทุกเบอร์ กาให้ทุกเบอร์ทำให้บัตรเสียหรือบางคนรับเงินทุกเบอร์แต่กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน  บางคนรับเงินแล้วไม่ไปเลือกตั้งก็มี  บางคนพิการไม่เคยไปเลือกตั้ง หรือเจ็บป่วยไปเลือกตั้งไม่ได้ก็ส่งคนมาเอาค่านายหน้าเลือกตั้งเหมือนกัน

การเมืองท้องถิ่นส่วนมากแพ้ชนะกันเพียงแต้มสองแต้ม จึงต้องใส่ใจทุกคะแนนเสียง ถนนสายการเมืองมีความแตกต่างหลากหลายของผู้คนในสังคม  เป็นถนนเชื่อมระหว่างคนมีกับคนจนให้มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ทำให้เกิดความรักความผูกพันระหว่างกันของผู้คนในสังคมซึ่งถือว่าเป็นความงด งามของระบอบประชาธิปไตย    ไม่มีระบอบการปกครองแบบไหนดีที่สุด แต่ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเลวน้อยที่สุดเพราะมีการเปลี่ยนถ่ายคนดีที่ ไม่เหมาะสมออกไปทุกสี่ปี  จึงไม่ควรมีกฎหมายห้ามซื้อสิทธิขายเสียง  เพราะเป็นการริดรอนสิทธิของประชาชน ประชาชนจะขายหรือให้เปล่าก็ควรเป็นสิทธิของพวกเขาที่สามารถทำได้โดยไม่มี กฎหมายของนักการเมืองขี้เหนียวมาขัดขวาง  ปัจจุบันการเมืองในชุมชนที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่พัฒนาไปมากแล้ว  เลือกตั้ง สส.ครั้งที่ผ่านมา  ได้ยินชาวบ้านเขาพูดกันเกร่อว่า  เอาเงินหมากาพรรคเรา  และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะพรรคที่จ่ายเงินซื้อเสียงมากที่สุด ทั่วถึงที่สุด กลับได้คะแนนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  จนมีข่าวเล็ดรอดออกมาว่าหัวหน้าพรรคพร้อมทีมงานที่ไปเช่ารีสอร์ทริมหนองทุ่งมน  เพื่อควบคุมการจ่ายเงินซื้อเสียงด้วยตนเองลงมือตบหน้าลูกพรรคด้วยความโมโหโกรธาที่แพ้เลือกตั้ง 

งานมวลชน

รอครบเจ็ดวันแล้วไม่มีใครร้องเรียน อาจารย์แปจึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงค์ตำแหน่งนายกเทศมนตรี  ท่านได้แต่งตั้งคณะบริหารชุดสองปีแรกประกอบด้วยรองนายกสองคน เลขาหนึ่งคนและที่ปรึกษาอีกหนึ่งคน ส่วนข้าพเจ้านอนรอรับเงินเดือนส่วนแบ่งในตำแหน่งรองนายกไปก่อน  พอทำงานได้เพียงปีเดียวตำแหน่งเลขาก็ว่างลงเนื่องจากคนที่เป็นเลขาฯสอบบรรจุเป็นข้าราชการได้  นายกฯจึงแต่งตั้งข้าพเจ้าเป็นเลขาฯแทน  แต่ต้องแบ่งเงินเดือนคนละครึ่งกับเลขาฯ เดิม  ข้าพเจ้าเลยได้เงินเดือนอย่างละครึ่งทั้งสองตำแหน่ง

วันแรกที่เข้าทำงานข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นมาก  เพราะได้ร่วมงานกับคนหนุ่มคนสาว ทุกคนจะต้องยกมือไหว้และกล่าวทักทายเมื่อพบกันตอนเช้าด้วยวลีทองว่า สวัสดีครับ    หรือสวัสดีค่ะ และต้องกล่าวทักทายประชาชนที่มาติดต่องานด้วยวลีทองเช่นเดียวกันว่า  สวัสดีครับ  มีอะไรให้รับใช้ครับ  หรือสวัสดีค่ะ  มีอะไรให้รับใช้ค่ะ  ข้าพเจ้าเดินทักทายข้าราชการในสำนักงานจนทั่วเพื่อสร้างความคุ้นเคย  พยายามหาข้อบกพร่องต่าง ๆ ในที่สุดก็ได้ข้อมูลมาว่า  หนึ่งนายกไม่ค่อยออกจากห้องแอร์ไปไหนนอกจากตรวจสอบและนั่งเฝ้าเจ้าหน้าที่ในสำนักงานเพื่อคอยเซ็นงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น  ข้าพเจ้าสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่าเป็นอย่างนี้นานเป็นปีแล้ว แม้จะรู้สึกอึดอัดบ้างแต่ก็ยินดีสนองนโยบาย  สองบริเวณรอบหนองทุ่งมนเต็มไปด้วยขยะจนคุณครูประกาศิต  คำภูแสน  ที่ตั้งบ้านอยู่ใกล้หนองทุ่งมนทนดูไม่ได้ต้องลงมือถือถุงดำหาเก็บเศษขยะเองแทบทุกวัน  สามขยะริมถนนในชุมชนเกลื่อนไปหมด   สี่รองนายกฯทั้งสองคนมานั่งดื่มกาแฟรอคำสั่งจากนายกฯ ซึ่งไม่ค่อยยอมสั่งตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวัน และห้าปลัดเทศบาลไม่สนองนโยบาย ปัญหาแต่ละเรื่องล้วนหนักหนาสาหัสทั้งสิ้น เช้าวันต่อมาข้าพเจ้าเรียบเคียงถามปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ต่อท่านนายกฯ ท่านเล่าเรื่องการทำงานของพนักงานบริษัทต่างประเทศที่ท่านเคยเป็นผู้จัดการให้ฟังอย่างยืดยาวพร้อมสรุปว่า พนักงานของบริษัทในต่างประเทศล้วนมีวินัย ตรงต่อเวลา รู้หน้าที่และตั้งใจทำงานเต็มเวลาเต็มความสามารถ  ซึ่งไม่เหมือนข้าราชการในหน่วยงานของเรา ต้องคอยบอกคอยสอนจำจี้จ้ำไช  ต้องทำตัวเหมือนคนเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งที่คอยต้อนฝูงเป็ดทั้งวัน  เหตุที่ต้องให้ข้าราชการทุกคนมาทำงานเช้าและกลับบ้านค่ำถึงห้าโมงเย็นเพราะงานมากจนทำในเวลาไม่ทัน

ข้าพเจ้าแย้งว่า ตามระเบียบข้าราชการสำนักงานจะลงมือทำงานเวลาเก้าโมงเช้าและเลิกบ่ายสี่โมงเย็น ถ้าเราบังคับให้พวกเขามาทำงานเช้าและเลิกค่ำอย่างนี้เป็นการละเมิดสิทธิของพวกเขานะครับ  จะเปรียบเทียบพนักงานบริษัทต่างประเทศกับข้าราชการไทยเราได้อย่างไรในเมื่อรายได้ต่างกัน  ข้าราชการไทยส่วนใหญ่เงินเดือนน้อยไม่พอใช้  จึงควรให้พวกเขาได้ใช้เวลาหลังเลิกงานหารายได้พิเศษหรือช่วยกันดูแลครอบครัวบ้าง ถ้าบังคับให้พวกเขาเสียสละท่านนายกฯจ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้พวกเขาหรือไม่  ถ้าควักกระเป๋าจ่ายเองแม่บ้านคงไม่ยอม  ถ้าเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณก็อาจถูก สตง.เล่นงาน  แต่ถ้าไม่จ่ายก็อาจถูกข้าราชการร้องเรียน ท่านลองคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบอีกทีดีไหมครับ  ซึ่งต่อมาท่านได้ตัดสินใจทำตามคำแนะนำของข้าพเจ้า   เรื่องขยะท่านก็อธิบายว่าสบายใจได้เพราะมีกองสาธรณะสุขและสิ่งแวดล้อมของเทศบาลเราดูแลอยู่  ข้าพเจ้าให้ความเห็นต่างว่าผมเห็นมีแต่คนเก็บขยะตามถัง  ส่วนขยะที่เรี่ยราดอยู่ข้างถนน สวนสาธารณะและตามชุมชนมากขึ้นทุกวันไม่เห็นมีใครเก็บ  ท่านก็เรียกปลัดมาสั่งให้ดำเนินการแก้ไข  ฝ่ายปลัดก็บ่ายเบี่ยงว่าเทศบาลยังไม่ได้จ้างคนงานเก็บกวาดขยะในที่สาธารณะโดยตรง  ซึ่งถ้าจ้างก็จะทำให้งบพัฒนาเหลือน้อยลงอีก  ข้าพเจ้าเสนอว่าให้จ้างเลยเหลือเท่าไหร่ก็เท่านั้น  แต่ท่านนายกฯ กลับตัดสินใจจ้างพนักงานเก็บสะอาดรายวันเป็นครั้งคราวทำให้บ้านเมืองสะอาดเป็นบางครั้งสกปรกเป็นบางคราว  เรื่องท่านรองฯ รอคำสั่งก็ขอให้นายกฯออกคำสั่งมอบหมายงานเป็นลายลักษณ์อักษร  ไม่ต้องรอคำสั่งจากนายกฯอีกต่อไป ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป  เรื่องปลัดไม่สนองนโยบายข้าพเจ้าเสนอว่าต้องย้ายด่วน เพราะถ้าปลัดขัดคำสั่งทุกอย่างพังหมด  ข้าพเจ้าดำเนินการเรื่องย้ายปลัดเสนอทันที  หลายวันต่อมา นายกฯ ตัดสินใจไม่ยอมเซ็นโดยให้เหตุผลสั้น ๆ ว่า ปลัดเขายอมแล้ว

ใกล้วันพิจารณาความดีความชอบประจำปี  ข้าพเจ้าขอดูรายงานความดีความชอบของหน่วยงานพบว่า  ปลัดเทศบาลได้ความดีความชอบสองขั้นทุกปี  จึงปรึกษากับนายกฯว่า ปีนี้เว้นวรรคได้ไหม  ฝ่ายปลัดได้ทราบข่าวว่าข้าพเจ้าขัดขวางก็ขอเข้าพบ  ข้าพเจ้าขอร้องปลัดว่าคุณปลัดตัดใจเสียสละเพื่อน้อง ๆ ในสำนักงานเราบ้างสักครั้งจะได้ไหม  เขากลับตอบว่า ถ้านายกฯ ให้สองขั้นผมเอานะครับ  ข้าพเจ้าไม่รู้จะตอบแกว่าอย่างไรเพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ คนเดียว  ทราบว่าท่านปลัดฯ ได้สองขั้นทุกปีเรื่อยมาเช่นเดียวกับปลัด อบต. และปลัดเทศบาลอื่น ๆ ในประเทศไทย หลายเดือนต่อมาท่านที่เคารพนับถือหลายท่านพาลูกหลานมาฝากขอย้ายเข้าทำงานที่สำนักงานเทศบาล  ข้าพเจ้าพาไปหานายกฯ  แต่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือแม้แต่รายเดียว  ข้าพเจ้ารู้สึกอึดอัดใจมากเพราะการเป็นเลขาฯ ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อภิปรายในสภาฯ ก็ต้องขออนุญาตนายกฯ  จะลาออกก็เสียความตั้งใจเดิม  จึงต้องจำใจกล้ำกลืนฝืนทนไปจนกว่าจะครบวาระ   ถ้าย้อนเวลาได้ข้าพเจ้าจะลงสมัครเป็นนายกฯ เสียเองจะได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่คิดว่าควรทำ

ปีที่สามได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านอาจารย์มูล  บุญสิงห์  นายเอียกับลูกสาวซึ่งเคยเป็นหัวคะแนนฝ่ายตรงข้ามออกมายืนด่านายกฯที่กำลังยืนสั่งการให้ลูกน้องฉีดน้ำดับไฟอย่างหยาบคาย  โดยกล่าวหาว่ารถเทศบาลมาถึงที่เกิดเหตุช้า ซึ่งความจริงแม้รถจะมาถึงที่เกิดเหตุเร็วกว่านั้นก็ไม่สามารถดับไฟได้เพราะพนักงานฉีดน้ำไปจะมีแสงสีเขียววิ่งลงมาหาคนฉีดน้ำ หลังจากพนักงานไฟฟ้ายกสพานไฟลงแล้วพนักงานของเราจึงสามารถฉีดน้ำดับไฟได้ บ้านชั้นบนทั้งหลังคาและฝาถูกไฟไหม้หมดเหลือแต่ไม้กระดานพื้นถูกไฟไหม้บางส่วน

หลังไฟสงบนายกฯขี่จักรยานไปปรับทุกข์กับข้าพเจ้าที่ใต้ต้นมะขามหน้าบ้าน  ข้าพเจ้านั่งฟังท่านบ่นด้วยความเหนื่อยหน่ายท้อแท้ว่า ด่าผมคนเดียว ผมทนได้  พวกเขาไม่น่าจะด่าลามปามถึงบรรพบุรุษของผมเลย แฟนผมซึ่งเป็นครูอาจารย์คงทนไม่ได้  พรุ่งนี้ผมจะลาออก  ข้าพเจ้าหัวเราะและปลอบใจท่านไปว่า เราอดทนมาถึงสามปีแล้วยังทนได้  อดทนอีกเพียงปีเดียวเท่านั้นก็หมดวาระแล้ว  กลุ่มคนที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งย่อมหาช่องทางด่าพวกเราเป็นธรรมดา  หลังเลือกตั้งปีแรกที่ผมยังไม่ได้เข้ามาทำงานก็ยังเคยโดนนายเอียเรียกไปด่าตั้งสี่ชั่วโมง ฟังเพลินไปเลย

เมื่อเราอาสามาทำงานมวลชนต้องเปิดใจให้กว้างเหมือนท้องฟ้าที่ยอมรับทั้งดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ ดวงดาวและหมู่เมฆที่บดบัง  และต้องทำตัวให้ยิ่งใหญ่เหมือนทะเลที่ยอมรับทุกสรรพสิ่งทั้งดีและไม่ดีที่รวมอยู่ในทะเล  ถ้าพวกเขาได้ด่าพวกเราแล้วมีความสุขก็ให้พวกเขาด่าต่อไปเถอะ   เราได้ทำดีที่สุดแล้ว เรารับแต่เงินเดือน  ส่วนเงินใต้โต๊ะบนโต๊ะเราก็ไม่เคยรับ ขอเพียงงานที่ออกมาดีถูกต้องเท่านั้น    เราไม่รับเงินจากพนักงาน ลูกจ้าง และข้าราชการที่บรรจุหรือย้ายเข้าย้ายออก  มันเป็นความภูมิใจที่ผมคิดว่าคงมีนายกเทศมนตรีไม่กี่คนที่ทำได้เหมือนท่านอาจารย์

หลังจากไฟไหม้บ้านแล้วเจ้าของบ้านไปทำเรื่องขอเงินชดเชยจากเทศบาลปรากฏว่าได้เงินชดเชยค่าเสียหายเพียงครึ่งเดียวคือหนึ่งแสนบาทเพราะไฟไหม้เพียงครึ่งหลัง  เจ้าของบ้านบ่นด้วยหงุดหงิดว่า  ถ้ารู้อย่างนี้ปล่อยให้ไฟไหม้หมดทั้งหลังเสียยังดีกว่า  เพราะบ้านชั้นล่างที่เหลือจากไฟไหม้ก่ออิฐถือปูนซึ่งเมื่อถูกไฟลวกแล้วใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็ต้องทุบทิ้ง

เมื่อครบวาระสี่ปีแล้วท่านอาจารย์แปไปทำงานต่างประเทศประมาณสามสี่ปีแล้วกลับมาบวชเป็นหลวงตาอยู่ที่วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณานิคม  จังหวัดสกลนครประมาณสามปี  แล้วย้ายมาจำพรรษาที่วัดเจริญศิลป์จวบจนปัจจุบัน   ส่วนข้าพเจ้าเลิกเล่นการเมืองแล้วก็อยู่โยงเฝ้าบ้านดูแลลูกเมียต่อไปเหมือนเดิม  ตื่นเช้ารดน้ำต้นไม้ให้อาหารไก่ สายหน่อยชมการลงนวมไก่ชนของเพื่อนบ้าน ซักเสื้อผ้า ล้างถ้วยชาม  วันเสาร์วันอาทิตย์ไปเล่นพนันไก่ชนในบ่อนไก่ตามหมู่บ้านต่าง ๆ  เพื่อได้พบปะพูดคุยกับบรรดาเซียนไก่ประจำหมู่บ้าน เก็บข้อมูลความคิดเห็นของผู้คนมาคัดกรองเขียนลงในเว็บไซด์พ่อครูดอทคอม  ส่วนการเล่นพนันได้เสียไม่เกินร้อยสองร้อยหรือเท่าทุนเพื่อให้สมองได้ออกกำลังบ้าง  หมอบอกว่านั่งนอนอยู่ที่บ้านเฉย ๆ อาจเป็นโรคความจำเสื่อมได้  สี่โมงเย็นเล่นแบดมินตันกับเด็ก ๆ และคนหนุ่มสาวที่สนามหน้าบ้าน ค่ำลงอาบน้ำ ทานข้าว ดูข่าว เข้าอินเทอร์เน็ต เขียน ๆ ๆ แล้วก็เข้ามุ้งกางถาวร นอนพิจารณาหาช่องทางไปสวรรค์และนิพพาน  บางคืนฝันบางคืนก็ไม่ฝัน

มนต์หีใหญ่

ท่านอาจารย์สุพิทย์  จุลราช เล่าว่า  เมื่อครั้งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกุดนาขาม มีผู้ปกครองซึ่งเป็นแม่หม้ายวัยกลางคนรายหนึ่งมาหาที่โรงเรียน  เธอเล่าว่าถูกชาวบ้านขับไล่ให้หนีออกจากหมู่บ้านภายใน  7  วันด้วยข้อหาว่าเป็นผีปอบ  เธอตั้งใจว่าจะหนีไปทำงานที่กรุงเทพฯ วันพรุ่งนี้  ได้ฝากลูกสาวสองคนที่กำลังเรียนที่โรงเรียนนี้ไว้กับญาติเรียบร้อยแล้ว  จึงมาฝากให้ท่าน ผ.อ. ช่วยดูแลลูก ๆ ของเธออีกทางหนึ่ง เพราะอาจมีชาวบ้านรังแกลูก ๆ ของเธอ  ท่านอาจารย์สุพิทย์จึงถามว่า  คุณเป็นอย่างที่เข่าว่าจริงหรือ  เธอตอบว่า  ไม่รู้เหมือนกันเพราะไม่เคยเล่าเรียนเวทย์มนต์กลคาถาใด ๆ ทั้งสิ้น  ไม่เคยแม้แต่จะคิด  แต่อาจเป็นไปได้ว่าเป็นผีปอบของยายซึ่งตายไปแล้ว  คุณแม่ของเธอเล่าให้ฟังว่าสมัยที่ยายยังมีชีวิตอยู่ ท่านเรียนมนต์คาถาจึงเป็นผีปอบ  ผีปอบยายได้เข้าสิงร่างผู้คนในหมู่บ้านจึงถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน  หลังจากที่ยายเสียชีวิตแล้ว ผีปอบของยายได้มาอยู่กับคุณแม่ของเธอและไปเข้าสิงร่างผู้คนในหมู่บ้านแห่ง ใหม่เช่นเดิม   ส่วนเธอหลังจากแต่งงานแล้วได้ย้ายมาอยู่กับสามีที่บ้านกุดนามขาม  หลังจากคุณแม่เสียชีวิตได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ผีปอบเข้าสิงร่างผู้คนใน หมู่บ้านกุดนาขาม เมื่อถูกหมอผีขับไล่ก็ออกปากยอมบอกว่าเป็นผีปอบยายที่มาอาศัยอยู่กับเธอ  เธอไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี  จึงจำใจต้องหนีอีกครั้งเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง  ถ้าเธอหนีไปกรุงเทพฯ ผีปอบก็คงติดตามไปกรุงเทพฯด้วย คนกรุงเทพ ฯ คงไม่สนใจเรื่องผีปอบ  เจ็บไข้ก็ส่งโรงพยาบาลให้หมอรักษา   ท่านอาจารย์สุพิทย์จึงถามว่า  มนต์อะไรนะที่คุณยายเรียนแล้วทำให้เป็นผีปอบ  เธอตอบอย่างเขินอายว่า  ได้ยินเขาเล่ากันว่า ถ้าผู้หญิงเรียนมนต์หีใหญ่จะทำให้เป็นผีปอบ  ข้าพเจ้าพยายามสืบเสาะหาข้อมูลเรื่องมนต์หีใหญ่ตามหมู่บ้านและชุมชนใกล้ เคียงทราบแต่เพียงว่าคนที่เรียนมนต์หีใหญ่นั้นเดิมเป็นคนหีเล็ก  เพียงแค่เธอท่องมนต์หีใหญ่จบเอามือตบหว่างขาสามครั้งหีจะใหญ่โหนกนูนมหึมา น่าหลงไหลทันที แต่หลังเสร็จภารกิจหีจะเล็กลงเท่าเดิม เท็จจริงอย่างไรไม่รู้เพราะยังไม่เคยเห็น หลัง จากเธอไปกรุงเทพฯได้ไม่นาน  ผีปอบคุณยายของเธอก็อาละวาดเข้าสิงร่างผู้คนในหมู่บ้านกุดนาขามแทบทุกวัน  หมอผีประจำหมู่บ้านเอาไม่อยู่  ผีปอบในร่างคนที่มันเข้าสิงบอกว่า  มันคอยหลานสาวของมันที่ไปกรุงเทพฯ  ผู้ใหญ่บ้านต้องเรียกประชุมชาวบ้านเพื่อแก้ปัญหานี้  ที่ประชุมมีมติให้เก็บเงินทุกครัวเรือนไปจ้างหมอผีมาปราบ  และให้ญาติโทร.เรียกเจ้าของผีปอบขึ้นมาจากกรุงเทพฯ เพื่อร่วมพิธีตามคำแนะนำของหมอผี

หมอผีได้ทำพิธีเสี่ยงข้องไล่จับผีปอบตัวนั้นมาเข้าหม้อและนำไปฝังที่วัดใกล้ หมู่บ้าน  หลังจากนั้นเหตุการณ์เรื่องผีปอบในหมู่บ้านก็เงียบหายไป ผู้ปกครองนักเรียนคนนั้นก็ได้อยู่กับลูก ๆ ของเธออย่างปกติสุขตราบจนทุกวันนี้ ข้าพเจ้าพยายามสืบเสาะหาผู้หญิง ที่เรียนมนต์หีใหญ่ในพื้นที่จนทั่วแต่ไม่พบ  ในที่สุดก็ได้ทราบข่าวดีจากเพื่อน ๆ ชาวไก่ชนว่า  พ่อตู้ดี บ้านบึงโน  รู้จักคนที่เรียนมนต์หีใหญ่และเคยไปทดลองมาแล้ว  ข้าพเจ้าดีใจมากที่จะได้มีโอกาสเห็นอันซีลไทยแลนด์แม้จะต้องบุกป่าฝ่าดงไปก็ ยอม

ข้าพเจ้าพกเงินใส่กระเป๋าหลายพันบาทเผื่อได้จ้างดู และไม่ลืมถือกล้องถ่ายรูปไปด้วย บอกแม่บ้านว่าจะไปเล่นไก่ตามเคย ควบยายแก่ออกจากบ้านไปอย่างมีความหวัง รู้สึกตื่นเต้นไปตลอดทาง  ถึงบ้านพ่อตู้ดีเกือบเที่ยงวัน  ทราบจากคนข้างบ้านว่าพ่อตู้ดีไปเลี้ยงวัว  กว่าจะกลับคงเป็นตอนเย็น ๆ  จึงแวะเติมพลังที่ร้านอาหารประจำหมู่บ้าน และถือโอกาสเข้าไปไหว้พระและพักผ่อนในวัดเพื่อรอเวลาพ่อตู้ดีกลับจากเลี้ยง วัว  ประมาณสี่โมงครึ่งข้าพเจ้าควบยายแก่ไปที่บ้านพ่อตู้ดีอีกครั้ง  พบแกกำลังต้อนวัวขนาดใหญ่พันธุ์บรามันห้าตัวมาเข้าคอก  หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันตามธรรมเนียมแล้วข้าพเจ้าจึงวกมาถามเรื่อง มนต์หีใหญ่ที่ใคร ๆ ต่างพากันกล่าวถึง  แกพูดกลั้วหัวเราะว่า  คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรซักอย่างแล้วละครับท่านอาจารย์  ผมไม่เคยเล่าเรื่องมนต์หีใหญ่ให้ใครฟังเพราะผมก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน  ผมเคยเห็นแต่วัวหีใหญ่ และเคยเล่าเรื่องวัวหีใหญ่ให้เพื่อนที่บ่อนไก่ฟังหลายครั้งเพราะเห็นทุกวัน    ไปดูด้วยกันไหมครับอาจารย์  เขาพูดยิ้ม ๆ   ข้าพเจ้าหัวเราะ รีบปฏิเสธและวกไปถามเรื่องไก่ชนเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องมนต์หีใหญ่  สักพักก็ล่ำลาพ่อตู้ดีเจ้าของวัวหีใหญ่เดินทางกลับบ้านด้วยความผิดหวัง

ผู้สันทัดกรณีย์เรื่องผีปอบกล่าวว่า  สมัยที่ศาสนาพุทธนิกายมนตรยานครอบงำจิตใจผู้คนในดินแดนอีสานนั้น  พระในศาสนาพุทธนิกายมนตรยานเชื่อว่า ชีวิตประจำวันของคนเรานั้นใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ชอบเรื่องโกหกมากว่าเรื่องจริง  จึงสอนเรื่องเวทย์มนต์คาถาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนที่อยากได้อยากมี อยากเป็นในสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา   โดยใช้เวทย์มนต์คาถาเป็นเหยื่อล่อว่าถ้าท่องพระคาถาหรือพระเวทย์บทนี้ทุกวัน และต้องปฏิบัติตามข้อห้ามอย่างเคร่งครัดจะทำให้ได้มีเป็นดั่งที่ต้องการ ใครฝ่าฝืนหรือปฏิบัติตามข้อห้ามไม่ได้จะได้รับโทษทัณฑ์ต่าง ๆ   เช่นเป็นผีปอบ ผีกระสือ ผีกระหัง  เป็นต้น  แม้ปัจจุบันศาสนาพุทธนิกายมนตรยานจะสูญสิ้นไปแล้ว  แต่ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งได้สืบทอดเวทย์มนต์คาถาอาคมดังกล่าวมาจนถึง ปัจจุบัน……ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้นตามความเชื่อ เพราะแม้แต่กองขี้หมาถ้าคนทั้งหลายเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้คนก็จะพา กันเคารพกราบไหว้บูชา