เกี่ยวกับพ่อครู 5

พ่อครูดอทคอม

สาริกาลิ้นทอง

คุณตานงค์ผู้สันทัดกรณีย์ เรื่องผีปอบและหมอไล่ปอบประจำชุมชนของข้าพเจ้าเล่าว่า  ผู้ชายที่สักสาริกาลิ้นทองที่โคนลิ้นจะทำให้คำพูดของเขามีคนรักใคร่เชื่อถือ ศรัทธาและลุ่มหลง  และคนที่สักว่านกระจายที่ศีรษะจะอยู่ยงคงกระพัน  แต่ถ้าสักทั้งสองรายการแล้วรักษาข้อห้ามไม่ได้จะต้องมีผีปอบเกิดขึ้นเป็น บริวาร  แรก ๆ ก็ตัวสองตัว แต่ปล่อยนานไปก็จะแตกตัวเพิ่มมากขึ้นถึงเก้าตัว  ผีปอบเหล่านั้นจะไปเข้าสิงร่างคนกำลังเจ็บป่วยหรือคนที่มีจิตใจไม่เข้มแข็ง ซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่ผู้หญิง  ถ้าผีปอบเข้าสิงร่างคนอื่นและกินตับไตใส้พุงของเขาเจ้าของปอบจะฝันว่ามีคนนำ เนื้อและเลือดสด ๆ มาให้กิน  ผีปอบจะปรากฏร่างให้เราเห็นในความฝันเป็นสุนัขสีดำตัวใหญ่ดวงตาสีแดงโต  เจ้าของปอบจะไม่สามารถบังคับบัญชาผีปอบได้

แต่ละวันผีปอบจะไปเข้าสิง ร่างคนที่มันเคยเข้าสิง  พอหมอผีมาทำพิธีขับไล่มันก็จะออกไปวันหลังก็กลับมาเข้าสิงใหม่จนกว่าคนที่ผี ปอบเข้าสิงจะตาย  ในขณะเข้าสิงก็จะคุยว่าได้กินคนนั้นบ้างคนนี้บ้างที่เพิ่งตายในระยะนั้น  ทำให้ผู้คนหวาดกลัวไปทั้งหมู่บ้าน   ส่วนพระคาถาไล่ผีปอบมีแตกต่างกัน  แต่ที่แกใช้เป็นประจำคือ  สัพเเทวา ปิสาเจวะ อาฬะวะกาโย ปิจะขัคคัง ตาละปัตตัง ทิสสะวา สัพเพยักขา ปะลายันติ  เสกพระคาถาบทนี้เป่าใส่ว่านไพรสามจบแล้วนำไปจี้ตามร่างกายคนที่ผีปอบเข้าสิง เพื่อสอบถามว่าเป็นผีปอบใครมาจากไหนอยู่ที่ไหนจะไปไหนและบังคับขับไล่ให้ออก จากร่างกายของคนที่ปอบเข้าสิง  พร้อมผูกด้ายสายสิญจน์ไว้ที่ข้อมือเพื่อป้องกันผีปอบไม่ให้เข้ามาสิงร่าง อีก  แต่มักใช้ไม่ได้ผลเพราะผีปอบมันก็ยังหาทางเข้าสิงจนได้

คุณตาหัตถ์ จอมขมังเวทย์และเจ้าของผีปอบประจำหมู่บ้านเพราะ สักสาริกาลิ้นทองที่โคนลิ้น และสักว่านกระจายไว้บนศีรษะ ทำให้แกเป็นเจ้าของปอบประจำหมู่บ้าน  เพราะทุกครั้งที่ปอบเข้าสิงร่างผู้คนในหมู่บ้านจะออกปากว่าเป็นผีปอบพ่อตู้ หัตถ์  หลังจากภรรยาตายไม่นานแกก็ออกบวชเป็นหลวงตาร่อนเร่พเนจรไปจำพรรษาตามวัดต่าง ๆ อยู่ได้ไม่นานก็โดนชาวบ้านขับไล่เพราะผีปอบของแกเข้าสิงผู้คนเช่นเคย  ปี 2554 ออกพรรษาแล้วหลวงตาหัตถ์กลับมาเยี่ยมลูกสาวที่บ้าน พักอยูที่ป่าหัวนาใกล้หมู่บ้านโดยไม่มีใครรู้  แต่ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ผีปอบอาละวาดเข้าสิงร่างผู้หญิงรายหนึ่ง  ญาติพี่น้องจึงพาไปหาพระอาจารย์ที่วัดประจำหมู่บ้าน คนที่ปอบเข้าสิงหัวเราะบอกว่าเราไม่กลัวพระอาจารย์หรอก เพราะท่านเป็นผู้มีเมตตา  เมื่อไปถึงกุฏิพระอาจารย์ผู้หญิงที่ปอบเข้าสิงร่างก็เข้าไปกราบพระอาจารย์ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  พระอาจารย์หลอกถาม  ก็บอกว่าชื่อหลวงตาหัตถ์มาเยี่ยมลูกสาว  พระอาจารย์ขอร้องให้ออกจากร่างผู้หญิงอยู่นานจึงยอม  ผู้ใหญ่บ้านเรียกประชุมลูกบ้านเพื่อแก้ปัญหา  ที่ประชุมมีมติเก็บเงินครัวเรือนละ 100 บาทได้เงินสองหมื่นกว่าบาทไปจ้างหมอผีมาปราบ  ก่อนทำพิธีเสี่ยงข้องไล่จับผีปอบ

หมอผีได้ให้ชาวบ้านไปตามตัวหลวงตาหัตถ์ซึ่งเป็นเจ้าของปอบมาสอบถามว่า จะ ยินยอมให้ฆ่าปอบทั้งหมดหรือไม่  หลวงตาหัตถ์ต่อรองว่าขอไว้รักษาตัวเองหนึ่งตัว  เพราะถ้าฆ่าปอบหมดเจ้าของปอบจะต้องตายภายในเจ็ดวัน  และถ้าเหลือปอบเพียงตัวเดียวมันจะไม่กล้าไปไหน หมอผีได้ทำพิธีเสี่ยงข้องไล่จับปอบตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึงบ่าย 4 โมงเย็นจึงจับปอบได้ทั้งหมด  หมอผีบอกว่าจับปอบมาขังไว้ในหม้อแล้ว  18  ตัว ในจำนวนนี้มีทั้งปอบหลวงตาหัตถ์  8  ตัวและปอบพเนจรอีก  10  ตัว  ต่อจากนั้นได้ทำพิธีเผาปอบทั้งหมดที่ป่าช้าข้างวัดโดยมีชาวบ้านทุ่งคำและชาว บ้านในหมู่บ้านใกล้เคียงมามุงดูเป็นจำนวนมาก เหตุการณ์เรื่องปอบได้สงบลงจนถึงกลางเดือนสิงหาคม  2556  ณ บ้านเจริญศิลป์หมู่ที่ 2 หมู่บ้านที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่  ค่ำคืนหนึ่งเวลาประมาณหกทุ่ม ขณะนายสม-งิกำลังนอนเปลเฝ้าเมียเล่นโบกกับเพื่อน ๆ อยู่ที่หน้าบ้าน แกดิ้นรนร้องโวยวายให้คนช่วยจนตกเปล  นักเลงโบกและเพื่อนบ้านช่วยกันปฐมพยาบาลจนฟื้น  แต่พอฟื้นขื้นมาท่าทางและคำพูดก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน  ญาติจึงไปตามคุณตานงค์หมอผีประจำคุ้มมาคุยด้วย

หมอผีเตรียมอุปกรณ์ขับไล่ผีปอบมาพร้อม แต่ผีปอบในร่างนายสม-งิไม่กลัว ขับไล่ก็ไม่ไป ถามชื่อก็ไม่ยอมบอก แถมคุยว่า  กำลังหิวจึงเข้ามาหากินตับคนในหมู่บ้าน  ขณะนี้กินตับไปหลายคนแล้วแต่ไม่ค่อยแซบเพราะมีแต่คนแก่  รายต่อไปจะกินตับ อบต.จันทร์  เพื่อนบ้านช่วยกันลากขึ้นรถพาไปหาพระอาจารย์พรจอมขมังเวทย์แห่งสำนักสงฆ์ป่าโพนบก  พอถึงวัดลงจากรถก็วิ่งหนี  เพื่อนบ้านที่ไปด้วยต้องช่วยกันไล่จับนำไปหาพระอาจารย์อย่างทุลักทุเลเพราะเป็นเวลากลางคืนเดือนมืด พระอาจารย์เจรจาเกลี้ยกล่อมรวมทั้งพรมน้ำมนต์ และผูกข้อมือด้วยสายสิญจน์ จึงยอมรับสารภาพว่าชื่อหลวงตาหัตถ์ และยินยอมออกจากร่างนายสม-งิ  อบต.จันทร์พอทราบข่าวก็นึกหวาดกลัวมาก จึงไปจ้างเพื่อนบ้านมานอนเฝ้า  และไปอ้อนวอนผู้ใหญ่บ้านเจริญศิลป์หมุ่ 2 ให้ไปจ้างหมอผีมาปราบ

ขณะเดียวกันลูกสะใภ้ลุงหนูเรียนไปเยี่ยมลูกสาวหลวงตาหัตถ์ พอกลับมาถึงบ้านตอนใกล้ค่ำ   ลุงหนูเรียนที่กำลังนอนหลับอยู่บนแคร่ใต้ต้นมะม่วงข้างบ้านก็ร้องโวยวาย ให้คนช่วยลั่นบ้าน  ตื่นจากฝันแล้วแกจึงเล่าให้ลูกหลานฟัง ข้าพเจ้าสนใจเรื่องผีปอบอยู่แล้วจึงไปสอบถามแกถึงบ้าน  แกบอกว่าฝันเห็นหมาตัวโตมาก สีดำแผงหลังสีน้ำตาลดวงตาโตสีแดงยืนแยกเขี้ยวสีทองวาววับอยู่ข้าง ๆ ที่แกนอน  แกตกใจกลัวมากจึงละเมอร้องให้คนช่วย ผู้สันทัดกรณีเรื่องผีปอบอธิบายว่าผีปอบที่ยังไม่แก่จะไปโน้นมานี้ครั้งแรก ต้องอาศัยเกาะคนไป  แต่ถ้าผีปอบแก่กล้าแล้วจะไปเอง

ข้าพเจ้าแอบไปเยี่ยมหลวงตาหัตถ์จอมขมังเวทย์เจ้าของผีปอบผู้เลื่องชื่อลือนามโดย ไม่บอกให้ใคร ๆ รู้เพื่อพิศูจน์ว่าผีปอบจะตามมาบ้านข้าพเจ้าหรือไม่  พอไปถึงเห็นท่านกำลั่งนั่งเคี้ยวหมากอยู่หน้ากระท่อมที่ลูกหลานสร้างไว้ให้ ท่านอายุ 80 กว่าปีแล้วแต่ผิวพรรณยังดูเปล่งปลั่งท่าทางกระฉับกระเฉง พอรู้ว่าข้าพเจ้ามาเยี่ยมดูท่าทางท่่านจะดีใจมากเพราะเมื่อครั้งยังไม่ได้ บวชเป็นพระเคยไปเล่นไก่ชนด้วยกันหลายปี แถมบางครั้งยังเอาไก่ชนกันเองในสนาม  ข้าพเจ้าเข้าไปกราบท่านถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันพอสมควรแล้วจึงวกมาถามเรื่อง ผีปอบ  ท่านบอกว่าหลวงพ่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นไปได้อย่างไร  เรื่องสักสาริกาลิ้นทองที่โคนลิ้นนั้นเป็นความจริงพร้อมกับอ้าปากแลบลิ้นให้ ดู  เห็นจุดสีดำที่โคนลิ้นสามจุด  ท่านยังกรุณาเอียงศีรษะให้ดูรอยสักที่กลางกระหม่อมอีกด้วย  ซึ่งรอยสักทั้งสองแห่งนี้เองเป็นสาเหตุให้ถูกชาวบ้านกล่าวหาว่าท่านเป็นผี ปอบ  มันเป็นไปได้อย่างไร

ได้เวลาพอสมควรแล้วข้าพเจ้าจึงกราบลาท่านเดินทางกลับ  แม้จะไม่เชื่อเรื่องนี้แต่ก็นึกหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่า ผีปอบจะติดตามข้าพเจ้าเข้าไปในหมู่บ้านอย่างที่เขาเล่าลือกัน  คืนนั้นข้าพเจ้านอนหลับสนิทไม่ฝันเกี่ยวกับผีปอบเลย วันต่อมาผู้ใหญ่บ้านเรียกประชุมลูกบ้าน  มีผู้รายงานว่าค่าจ้างหมอผีสองหมื่นบาท ที่ประชุมมีมติว่าให้เก็บเงินครัวเรือนละ 50  บาท  ครอบครัวข้าพเจ้าก็โดนเก็บเงินเหมือนกัน  แต่มีบางครอบครัวไม่เชื่อและไม่ยอมจ่าย  จึงเก็บเงินได้เพียง  15,000  บาท ผู้ใหญ่บ้านต้องใช้เงินกองกลางของหมู่บ้านเตรียมไว้จ่ายเพิ่มให้อีก  5,000  บาท

วันไล่ผีปอบ มีหมอผีมาสองคน  ใช้ศาลากลางบ้านเป็นที่ทำพิธี  หมอผีบอกว่าไม่ต้องมีการเสี่ยงข้องไล่จับผีปอบให้ยุ่งยากเหมือนครั้งก่อน เพราะทำให้คนอื่นเดือดร้อน  ปีนี้หมอมีอาคมแก่กล้ามากแล้ว เรื่องจับผีปอบจิ๊บจ๊อยมาก  เพียงแค่ทำพิธีเรียกผีปอบมาเข้าหม้อแล้วปิดฝานำไปฝังก็หมดเรื่อง  ทำให้ไทยมุงที่เคยไล่ตามดูคนเสี่ยงข้องไล่จับผีปอบผิดหวังไปตาม ๆ กัน เมื่อถึงเวลา 10 โมงเช้าหมอผีเริ่มลงมือทำพิธีร่ายมนต์เรียกผีปอบมาเข้าหม้อเพียงชั่ว  2 ชั่วโมงก็ได้ผีปอบตัวใหญ่ของหลวงตาหัตถ์สองตัวมาเข้าหม้อ ครั้งที่จับผีปอบเข้าหม้อที่บ้านทุ่งคำ  ผีปอบหวงตาหัตถ์เหลือแค่ตัวเดียว  สามปีต่อมาหลวงตาหัตถ์มีผีปอบเพิ่มขึ้นสองตัว  จับผีปอบครั้งนี้ก็คงเหลือผีปอบไว้เฝ้าหลวงตาหัตถ์หนึ่งตัวเช่นเคย

หมอผีบอกว่าผีปอบพเนจรตัวเล็กตัวน้อยปล่อยมันไป มันทำร้ายใครไม่ได้หรอก อีกไม่นานมันก็ตายเอง  เอาเฉพาะผีปอบพเนจรตัวใหญ่ ๆ ที่หากินตับผู้คนจำนวน  11  ตัว รวมกับผีปอบหลวงตาหัตถ์อีก  2  ตัวรวมเป็นผีปอบ  13  ตัว มาเข้าหม้อดินที่เตรียมไว้  13  ใบ แล้วก็เอาผ้าข้าวปิดปากหม้อใช้สายสิญจน์มัดให้แน่นนำไปฝังที่ป่าในบริเวณวัด เจริญศิลป์ โบกปูนทับอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันผีปอบออกมา    รับค่าจ้างจับผีปอบ  20,000 บาทจากกรรมการหมู่บ้านแล้วก็เก็บข้าวของขึ้นรถปิกอัพขับออกจากศาลากลางบ้าน ไป

เช้าวันต่อมาหลวงตาที่วัดเจริญศิลป์เล่าให้ญาติโยมที่ไปถวายอาหารบิณฑบาตฟังว่า  เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเพราะเสียงผีปอบมันร้องโหยหวนรบกวน

ข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ว่า 

1. เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าของผีปอบ หมอผี และคนที่ทำท่าว่าผีปอบเข้าสิง เป็นพวกเดียวกัน รวมหัวกันหลอกต้มชาวบ้าน

2.  เสียงผีปอบร้องโหยหวนรบกวนพระที่วัดในคืนแรกนั้น  อาจเป็นเสียงของทีมงานหมอผีที่เข้าไปหลอกหลอนพระในวัด  เพื่อให้พระเล่าให้ชาวบ้านฟัง  หวังเรียกความน่าเชื่อถือจากชาวบ้านไปจ้างมาจับผีปอบครั้งต่อไป

3. พอถึงหน้าฝนปีหน้าผ้าขาวที่กั้นปากหม้อเพื่อป้องกันไม่ให้ผีปอบออกมาจะต้อง เปื่อย ทะลุเป็นรู ผีปอบที่ขังไว้คงต้องหลุดออกมาอาละวาดอีกเป็นแน่

4.  ผีปอบตัวเล็กตัวน้อยที่ปล่อยไว้ต้องเติบโตเองโดยธรรมชาติ  ผีปอบหลวงตาหัตถ์ก็ต้องเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยสองตัว พอถึงปีหน้าก็จะรวมตัวกันกับผีปอบที่หลุดออกมาจากหม้อทั้ง  13 ใบ  กลายเป็นกองทัพผีปอบที่น่าสะพึงกลัวอย่างแน่นอน

5. อีกสามปีข้างหน้าชาวบ้านอาจต้องออกเงินไปจ้างหมอผีมาทำพิธีจับผีปอบเข้าหม้อ อีก  ซึ่งถ้ามีผีปอบทุกหมู่บ้านหมอผีก็จะไม่ว่างงาน พวกเขาจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำโดยไม่ต้องไปทำงานอย่างอื่น

ข้าพเจ้า เก็บความสงสัยไว้หลายวัน  อดรนทนไม่ไหวจึงตัดสินใจแอบไปเยี่ยมหลวงตาหัตถ์เพื่อถามคำถามเหล่านี้   หลวงตาหัตถ์หัวเราะหึ ๆ ตอบสั้น ๆ ว่า ” ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ”

หลังจากหมอผีกลับไปแล้วหนึ่งวันหลวงตาหัตถ์ก็ไปอยู่ที่อื่น  เหตุการณ์ผีปอบเข้าสิงผู้คนในหมู่บ้านก็หายตามไปด้วย

เซียนชัยไก่ตีซึ่งเป็นญาติกับเจ้าของผีปอบในอดีตเล่าว่า  น้าชายของเขาเคยสักว่านกระจายรุ่นเดียวกันกับหลวงตาหัตถ์ก็เป็นผีปอบเหมือนกัน  ทีแรกมีญาติมาบอกว่าผีปอบน้าชายเข้าสิงคนในหมู่บ้าน  เขาตกใจมาก จึงปรึกษากับพ่อของเซียนชัย  พ่อของเซียนชัยบอกให้เขาปีนลงบ่อน้ำเพื่อพิศูจน์ความจริง  ถ้าเขาเป็นผีปอบจริงจะต้องเห็นหมาดำมายืนดักรอที่ปากบ่อ  เพราะถึงแม้ผีปอบจะรักเจ้าของมากเพียงใดก็ไม่กล้าลงบ่อน้ำตามเจ้าของมัน  เขาจึงทำตาม  พอเขาปีนลงถึงก้นบ่อแล้วเงยหน้าขึ้นมองที่ขอบบ่อ ก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะเขาเห็นหมาดำใหญ่ก้มมองเขาอยู่ที่ปากบ่อถึง 9 ตัว  เขารีบปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำแล้วหนีไปบวชเป็นพระ และไปให้หมอธรรมช่วยกำจัดปอบของเขาให้หมด  เขาโชคดีเพราะเพิ่งจะเป็นผีปอบจึงรักษาหาย  ส่วนหลวงตาหัตถ์ฤทธิ์ของว่านกระจายได้หยั่งรากลงลึกแล้วจึงไม่มีทางรักษาให้หายได้ ไปอยู่ที่ไหนได้ไม่เกิน  3  เดือน ผีปอบก็จะออกอาละวาดเข้าสิงผู้คนในหมู่บ้านนั้น ๆ และจะต้องถูกชาวบ้านขับไล่เรื่อยไปจนกว่าจะตาย  ถ้าหลวงตาหัตถ์ตายผีปอบก็จะตายตามไปด้วย  เพราะผีปอบของแกไม่ได้เกิดจากการเรียนคาถาอาคม

ดอนผีหลอก

ย่างเข้าหน้าฝนจวนพระเข้าพรรษา  บ่อนไก่เริ่มปิดตัวลงเพราะเซียนไก่ประจำหมู่บ้านเริ่มทำนาจึงไม่มีใครเลี้ยงไก่ออกชน  เหลือเพียงซุ้มไก่ของพ่อค้า คนแก่ปลดประจำการจากไร่นาเพราะมีลูกหลานทำแทน ผู้ที่มีนาให้คนเช่าและข้าราชการส่วนน้อยที่ชื่นชอบไก่ชนที่ยังคงเลี้ยงไก่ไปชนในบ่อนที่ยังไม่ปิดตัวซึ่งยังมีอยู่ในพื้นที่เพียงแห่งสองแห่ง  ข้าพเจ้ายังคงเที่ยวตระวณไปเล่นการพนันตามบ่อนไก่ชนในวันหยุดเสาร์และวันอาทิตย์เช่นเคย  คืนนั้นไก่คู่สุดท้าย ยกสุดท้ายที่บ่อนไก่นาตู้สาย อำเภอวานรนิวาส  เลิก 2  ทุ่ม  ฝนกำลังตกปรอย ๆ ข้าพเจ้าควบมอไซด์กลับบ้านคนเดียวเพราะเพื่อน ๆ ไปประจำที่นากันหมดแล้ว  ท้องฟ้าครึ้มฝนแต่ยังโชคดีอยู่บ้างเพราะเป็นเวลาข้างขึ้นเดือนหงาย  ท้องฟ้าจึงมืดเพียงสลัว ๆ  มีแสงสว่างจากฟ้าแลบเป็นระยะและแสงไฟจากหน้ารถมอร์ไซด์ทำให้มองเห็นทางและข้างทางได้ไกล  พอถึงบ้านธาตุถูกกองทัพสุนัขประจำสี่แยกไล่กัด ข้าพเจ้าตกใจมากจึงขับรถหนีจนหลงทางขี่รถเลยไปจนถึงบ้านดอนกลอย ระหว่างทางเห็นชีปะขาวตัวสูงกับอุบาสกชุดดำตัวเตี้ยยืนอยู่ข้างทางแต่ไกล  แต่พอขับรถเข้าไปใกล้ทั้งสองกลับเดินเลี่ยงเข้าไปใต้กอไผ่ป่าร่มครึ้มและหายตัวไปหลังกอไผ่อย่างไร้ร่องรอย  ข้าพเจ้าขี่รถต่อไปจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้านดอนกลอย  ตัดสินใจจอดรถลงหาท่อนไม้ข้างทาง ได้ไม้ไผ่ขนาดเหมาะมือยาวประมาณหนึ่งวา  ขึ้นรถฝ่าดงหมาเห่าเข้าไปถามเจ้าของบ้านหลังแรกซึ่งกำลังนอนดูโทรทัศน์อยู่ที่ระเบียงบ้าน  ข้าพเจ้าตะโกนถามทางจากใต้ถุนบ้านแข่งกับเสียงหมาเห่า  เจ้าของบ้านตะโกนตอบลงมาว่าให้กลับไปทางเดิม  ข้าพเจ้าจึงขี่รถกลับไปตามเส้นทางเดิม  เมื่อใกล้จะถึงที่เดิมก็มองเห็นชีปะขาวตัวสูงกับอุบาสกชุดดำตัวเตี้ยยืนอยู่ข้างทางตรงที่เดิม  พอรถใกล้เข้าไปประมาณยี่สิบเมตรทั้งสองก็เดินหายลับไปเหมือนครั้งก่อน   ข้าพเจ้าคิดว่าดอนป่าไผ่ข้างทางที่คนทั้งสองเดินเข้าไปคงต้องมีวัดหรือสำนักสงฆ์อย่างแน่นอน  จึงได้แต่น้อมคารวะด้วยใจและถือไม้กันหมาขับรถไปฝ่าดงสุนัขกลางสี่แยกบ้านธาตุเพื่อหาทางกลับบ้าน  พอสุนัขเห็นไม้กันหมาขนาดยาวก็แตกกระเจิงไปยืนเห่าอยู่ใต้ถุนบ้านใครบ้านมัน   ข้าพเจ้าขี่รถกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย  และไม่ลืมที่จะยื่นเงินให้แม่บ้านหนึ่งร้อยบาทพร้อมหยอดคำพูดวลีทองเช่นเคยว่า  แบ่งคนละครึ่งนะที่รัก

หลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวปลายปี  เพื่อน ๆ มาชวนไปเล่นไก่ที่บ่อนวิ่งดอนผีหลอก บ้านดอนกลอย  ข้าพเจ้าเตรียมกระดาษปากกาและเงินใส่กระเป๋าสวมรองเท้าผ้าใบขี่รถออกจากบ้านพร้อมกับเซียนหง่าที่มารออยู่หน้าบ้าน  รถแล่นผ่านบ้านกุดนาขาม บ้านธาตุ ไปตามเส้นทางที่ข้าพเจ้าเคยขี่รถหนีกองทัพสุนัข  ถึงดอนป่าไผ่ที่ข้าพเจ้าเคยเห็นชีประขาวตัวสูงกับประสกชุดดำตัวเตี้ยยืนอยู่ข้างทางเมื่อตอนกลางปี  เซียนหง่าตะโกนบอกข้าพเจ้าว่าถึงแล้ว เลี้ยวซ้าย  เมื่อไปถึงบ่อนไก่มีนักกีฬาชนไก่ที่เพิ่งเสร็จจากทำนาจากหมู่บ้านใกล้เคียงนำไก่ชนตัวโปรดมาเปรียบประลองกันมากมาย  ส่วนใหญ่เป็นไก่หนุ่มหน้าตาดีแต่งหน้าทาขมิ้นสีสันสวยงาม  แต่อีกไม่นานมันก็คงหน้าตาบวมปูดตาปิดเพราะโดนเตะโดนแทง  วันนั้นไก่ได้คู่ชน  6  คู่  แต่ละคู่เดิมพันข้างละ 550 ถึง 1,100 บาท  ถ้าตำรวจมาก็วิ่งให้เต็มฝีเท้าตัวใครตัวมัน  ข้าพเจ้าจึงเดินสำรวจที่ทางโดยรอบหากจำเป็นต้องวิ่งและตั้งค่ายกลบังตา  พบว่าพื้นที่โดยรอบเป็นเนินดินปะปนด้วยแผ่นศิลาแลงเป็นหย่อม ๆ  มีกอไผ่่ป่าขึ้นกระจัดกระจาย แซมด้วยไม้แคทุ่ง ประดู่ มะกอก และสวนมะม่วง  มีบ้านคนอาศัยอยู่สองหลัง เนื้อที่ดินดอนผีหลอกประมาณ 5 ไร่ พื้นที่รอบดอนเป็นทุ่งนา   ช่วงไก่พักยกข้าพเจ้าได้โอกาสถามเจ้าของบ้านถึงประวัติความเป็นมาและความเป็นไปของดอนผีหลอกโดยมีเพื่อน ๆ ที่สนใจนั่งฟังหลายคน  เจ้าของบ้านเล่าว่า  ถูกผีหลอกจนชินแล้ว บางครั้งก็หลอกกลางวันเช่น  ได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมา  เสียงบ่นพึมพำ  ประตูส้วมเปิดปิดได้เอง  ถ้าเป็นคืนวันพระจะเห็นแม่ชีกับผู้หญิงชุดดำเดินออกไปที่ถนน บางคืนกลับจากไปซื้อของใช้ที่หมู่บ้านดึกก็เดินสวนทางกันที่ทางเข้า   เคยมีคนที่ขี่รถผ่านทางสายนี้ยามค่ำคืนวันพระเห็นแม่ชีกับผู้หญิงชุดดำตัวเตี้ยเดินอยู่ริมถนนหรือเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเสมอ  เพื่อนคนหนึ่งถามว่า หมาที่นี้ไม่เห่าบ้างหรือ  เจ้าของบ้านตอบว่า ผมเลี้ยงหมาไว้สี่ตัว มันเห่าเฉพาะเวลาคนแปลกหน้าเข้ามา  ถ้าผีมามันจะหอนอย่างเดียว  แต่แม่หมาอายุร่วมสิบปีตัวนั้น  นอกจากหอนแล้วยังกระดิกหางกระดิกหูยกสองเท้าหน้าทำท่าทางดีใจเหมือนได้เจอคนรู้จักคุ้นเคยกัน  เพื่อนคนหนึ่งถามว่ารู้สึกกลัวบ้างไหม  เขาตอบว่า แรก ๆ ก็กลัวเหมือนกัน  แต่ปัจจุบันรู้สึกเฉย ๆ เพราะพวกเขาก็ไม่เคยทำร้ายพวกเรา  เราต่างนับถือซึ่งกันและกัน คิดเสียว่าทางใครทางมันก็สบายใจ   ข้าพเจ้าถามว่า เคยทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พวกเขาบ้างไหม  เขาตอบว่าทำให้ทุกปี  แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่่กับพวกเราที่นี่ไม่หนีไปไหน  ไก่คู่สุดท้ายยกเลิกเพราะมืดค่ำและไม่มีไฟฟ้าใช้  เพื่อน ๆ รีบกลับกันหมดแล้ว  ข้าพเจ้าขี่รถออกจากดอนผีหลอกเป็นคนสุดท้าย  เลี้ยวซ้ายเลยไปถึงบ้านดอนกลอยแล้ววกกลับมาผ่านหน้าดอนผีหลอกอีกครั้งเผื่อได้เจอผีหลอกเหมือนครั้งก่อน  แต่เนื่องจากไม่ใช่คืนวันพระและยังหัวค่ำอยู่  ผีอาจจะทำธุระส่วนตัวยังไม่เสร็จจึงไม่ปรากฎร่างให้เห็น

ผีกองก้นกล่าวว่า    ผีมีพลังจิดไม่เข้มแข็งจึงไม่สามารถแปลงร่างให้หล่อสวยเหมือนเทวดานางฟ้าได้  ทำให้รูปร่างหน้าตาของผีไม่สมประกอบบิดเบี้ยวน่าเกลียดน่ากลัว   ผีรู้สึกเสียใจมากที่คนกลัวผี   ผีอยากขอร้องให้คนช่วยจึงแปลงร่่างปรากฏกายให้เห็น  แต่ผีพูดไม่ได้  จึงอยากขอร้องว่าทุกครั้งที่ท่านทำบุญโปรดคิดถึงผีและอุทิศส่วนกุศลให้ผีบ้าง    วันหนึ่งถ้าท่านตายเป็นผี และผีได้มาเกิดเป็นคนก็จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านเป็นการตอบแทนเช่นเดียวกัน

พักซ่อม

ขณะเขียนเรื่องนี้ข้าพเจ้าอายุได้ 69 ปี แล้ว  ร่างกายของตัวเองถูกใช้งานมานาน คงถึงคราวต้องซ่อมแซมครั้งใหญ่เพื่อให้สามารถยืนยาวต่อไปได้อีก 81  ปีตามพันธสัญญาของชมรมผู้มีอายุยืน 150 ปี ชีวีสุขสันต์ซึ่งข้าพเจ้าเป็นรองประธานอยู่  จึงสำรวจดูตัวเองในกระจกบานใหญ่เห็นชายชราอ้วนมีพุงนิดหน่อย ผิวดำแดง ใบหน้ากลม หน้าผากกว้าง คางสองชั้น นัยน์ตาสีเหล็ก  หัวล้านจนเลยกระหม่อม  หวีผมสีขาวแกมดำด้านข้างศีรษะขึ้นปกกระหม่อมเอาไว้ได้เพียงบางส่วน เวลายิ้มจะมีริ้วรอยตีนกาปรากฏขึ้นต่อจากหางตาทั้งสองข้างอย่างชัดเจน   ศอกเข่ามือเท้ายังอยู่สบายดี

ข้าพเจ้านั่งทอดถอนใจ เพราะร่างกายมีส่วนที่ชำรุดสึกหรอต้องบำรุงดูแลรักษาหลายแห่ง เช่น  หัวใจที่เคยเต้นจังหวะธรรมดาแต่บางครั้งเต้นจังหวะด๋าวด่ายเหมือนจะหยุด เต้น  เกิดเหตุครั้งใดต้องได้นอนพักห้านาทีสิบนาที  ต้องซื้อยาบำรุงหัวใจและเมล็ดฝักบัวมากินเป็นครั้งคราว  ตับตรวจแล้วยังดีหมอบอกว่าตับสวยใช้ได้อีกนาน  เลือดเคยเป็นไวรัสบีหลายหมอตรวจแล้วเห็นตรงกันว่าหายเป็นปกติแล้ว  ตาไม่ค่อยจะดีเสียแล้วหละไอ้ทิด ยืนอยู่รังสิตมองไม่เห็นเชียงราย ต้องใช้แว่นขยาย ให้ยืนอยู่เชียงราย มองไปเห็นรังสิตเหมือนเดิม  หูก็ยังดีใช้ได้แต่ต้องดูแลทำความสะอาดให้ดูดีมีสง่่าราศรี  ฟันกรามหายไปสองซี่ต้องใส่ฟันปลอมเพื่อป้องกันมิให้ฟันด้านตรงข้ามงอกยาว เหมือนฟันฮิบโป พยายามไปให้หมอฟันขูดหินปูนออกปีละครั้งสองครั้งเพื่อให้ยิ้มยังดูดีใช้ได้ ไม่เลวร้ายถึงกับเหมือนผีหลอก ผมเหลือน้อยไม่เป็นปัญหาพยายามรักษาส่วนที่เหลือไว้ให้ยืนยาวก็พอ  ปากยังดูดีใช้ได้แต่ต้องพยายามกินปลาเป็นอาหารหลัก ยกเว้นปลาหมึก  เพื่อไม่ให้มีเศษอาหารติดฟัน ตรวจสอบกลิ่นปากด้วยการเอานิ้วชี้ล้วงปากตรวจสอบกลิ่นและแปรงฟันแก้ปัญหา กลิ่นปากก่อนที่จะไปพบปะกับผู้คนทุกครั้ง

หำยังดีแต่ต่อมลูกหมากสอง ข้างโตทำให้น้องชายขี้เกียจเอาแต่นอนไม่ยอมลุกขื้นมาดูเดือนดูตะวันเหมือน เมื่อก่อน  สมควรผ่าตัดเอาต่อมลูกหมากออกทิ้งไป  แต่ปัญหาอยู่ที่ว่ายังไม่ไว้ใจหมอ  เกรงหมอทำให้ลูกพี่หำตายสนิทเหมือนคนอื่นที่ไปเอาต่อมลูกหมากออก  ปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้ไปก่อนดีกว่า  รอให้หมอมีความเชี่ยวชาญ มียาดีและมีเครื่องมือพร้อมกว่านี้ค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย  เท้ายังดีแต่มีปัญหาส้นเท้าแตกต้องฟอกสบู่และขัดด้วยแปรงซักผ้าทุกครั้งที่ อาบน้ำทำให้พื้นเท้าขาวแวววาวสดใส

ระบบขับถ่ายปัสสาวะแย่มาก กลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่บางครั้งแก้กางเกงไม่ทันถึงกับปัสสาวะราดกางเกง ต้องแก้ไขด้วยการฝึกขมิบก้นอย่างน้อยวันละห้าสิบครั้งก่อนนอนเพื่อช่วยให้ กล้ามเนื้อหูรูดกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมตามคำแนะนำของคุณหมอ  อาการปวดข้อมืข้อเท้าหัวเข่าบั้นเอวทำให้ขยับยากเคลื่อนไหวลำบาก  ได้รับคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ว่าให้กินยาวิตามินรวมซึ่งทดลองดูแล้วอาการ ปวดขัดทั้งหลายหายได้อย่างน่าอัศจรรย์    กินยาถ่ายพยาธิทุกหกเดือน  ตรวจสุขภาพโดยรวมปีละครั้ง ปรากฏว่าทุกอย่างเป็นปกติ  ไม่เป็นเบาหวานความดันและมะเร็ง

แม้จะมีโรคประจำตัวที่ยังรักษาไม่หาย ตั้งแต่เกิดจนปัจจุบันคือโรคทรัพย์จางเบียดเบียนบ้าง  แต่สุขภาพโดยรวมยังแข็งแรงดีมาก ถ้าหากไม่มีอุบัติเหตุหรือกรรมเก่าไล่ตามมาทัน   ดำเนินชีวิตตามคำแนะนำของคุณหมอด้วยการ กินปลาเป็นหลัก  กินผักเป็นยา กินกล้วยน้ำว้าเป็นของว่าง เดินทางวันละห้าพันก้าว  คึกคักกับแม่บ้านเราทุกวัน  และปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยการใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ให้ทาน  รักษาศีลและเจริญภาวนาเพื่อรักษากายใจให้เข้มแข็งสุขสงบร่มเย็น  ข้าพเจ้าคงสามารถก้าวเดินไปบนถนนสายชีวิตพร้อมกับเล่าเรื่องราวซึ่งมีอยู่ อย่างหลากหลายบนเส้นทางของตนเองให้ลูกหลานได้เรียนรู้ เพื่อก้าวไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าได้อีกหลายสิบปีอย่างแน่นอน

ผีกองก้นกล่าว…

หัวใจเดาะ

สมัยยังเป็นเด็ก เมื่อถึงยามนอนแม่มักจะปูเสื่อให้ลูก ๆ นอนเรียงกันที่ระเบียงบ้าน  ยายจะเอามือคลำหน้าอกของหลานทุกคนเพื่อตรวจสอบการเต้นของหัวใจ  ยายบอกว่าหัวใจของไอ้ทิตเต้นเร็วและแรงกว่าพี่น้องทุกคน ขณะนี้หัวใจของข้าพเจ้าเต้นมานานถึง 69 ปี 7 เดือนแล้ว ซึ่งถ้านับรวมเวลาที่อยู่ในท้องแม่ก็เป็นเวลานานถึง  70 ปี  4 เดือน  ครึ่งแรกของปี พ.ศ 2557 มีสองเหตุการณ์ระทึกที่ข้าพเจ้าเฉียดใกล้ความตายเพราะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

เหตุการณ์แรก

เมื่อตอนค่ำวันที่ 1  มกราคม  2557 ข้างบ้านมีงานเลี้ยงทำบุญบ้านปีใหม่  เจ้าภาพเชิญเพื่อนบ้านและเพื่อนในที่ทำงานมาร่วมงานประมาณยี่สิบกว่าคน  มีแม่ค้านำสินค้าพลูคาวมาโฆษณาขาย แม่ค้าขอร้องให้ข้าพเจ้าทดลองดมน้ำหอมพลูคาว หลังจากข้าพเจ้าสูดเอากลิ่นน้ำหอมเข้าไปแล้วรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ  หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง หัวใจของข้าพเจ้าเต้นเร็วและแรงมากจนเหงือกาฬแตกพลัก รู้สึกอ่อนเพลียและเจ็บที่หัวใจจนต้องเอามือกุมหน้าอก  พยาบาลสองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถามว่าพ่อครูเป็นอะไรหรือ  ข้าพเจ้าเล่าอาการทั้งหมดให้ฟัง พวกเธอกับแม่บ้านและลูกชายข้าพเจ้าได้ช่วยกันนำข้าพเจ้าส่งโรงพยาบาลเจริญศิลป์  คุณหมอและพยาบาลช่วยทำให้หัวใจข้าพเจ้ากลับมาเต้นเหมือนเดิมได้อีกครั้ง

เหตุการณ์ที่สอง

เมื่อเวลา 5 โมงเย็นวันที่  12 เมษายน  2557  แม่บ้านไปเป็นวิทยากรค่ายภาษาอังกฤษที่อำเภอส่องดาวยังไม่กลับ  ขณะข้าพเจ้ากำลังปรุงอาหารมื้อเย็นก็พอดีมีเพื่อนมาหาจึงไปคุยด้วย  กลับเข้าครัวอีกครั้งก็ได้กลิ่นไฟไหม้หม้อลาบปลาตองจึงรีบไปเปิดฝาหม้อก่อนยกลง   กลิ่นควันไฟไหม้หม้อพุ่งเข้าจมูกข้าพเจ้าจนสำลัก หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นแรงขึ้นจนเหงื่อกาฬไหลชุ่ม   หลังอาบน้ำทานอาหารค่ำกับลูกชายทั้งสองแล้วก็ทานยาแก้แพ้หนึ่งเม็ดด้วยคิดว่าเราน่าจะแพ้กลิ่นไฟไหม้หม้อเป็นแน่  ต่อจากนั้นจึงเข้ามุ้งนอน  ตื่นนอนตอนห้าทุ่มครึ่งเพราะรู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรงจึงลุกไปเข้าส้วมถึงสองครั้งติดกัน  หัวใจยังคงเต้นเร็ว เต้นแรงจนเหงื่อกาฬไหลชุ่มเหมือนเดิม  จึงตัดสินใจให้ลูกชายทั้งสองขับรถพาไปส่งโรงพยาบาลเจริญศิลป์ พยาบาลเวรคนไข้ตรวจดูประวัติการเจ็บป่วยของข้าพเจ้าแล้วจึงฉีดยาให้เหมือนครั้งก่อน  แต่หัวใจกลับเต้นเร็วและแรงยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านสี่ห้าคนหามคนไข้หนุ่มซึ่งถูกฟันหัวแบะร้องโวยวายเอะอะมะเทิ้งมาขึ้นเตียงข้าง ๆ   พยาบาลสามคนที่ดูแลข้าพเจ้าต้องแบ่งไปช่วยเหลือปลอบโยนคนไข้ผู้มาใหม่  จึงเหลือพยาบาลดูแลข้าพเจ้าเพียงคนเดียว  สักพักก็มีพยาบาลมาเพิ่มอีกสองคน  ได้ยินพยาบาลคุยกันว่า  หัวใจคุณตาเต้นเร็วมากถึง  198  ครั้ง  ข้าพเจ้ารู้สึกแน่นหน้าอกเหงื่อออกโชกยางตายชุ่ม  คิดว่าตัวเองกำลังจะช็อกตายในไม่ช้า  สักครู่หนึ่งคุณหมอสาวก็มาถึงและสั่งพยาบาลฉีดยาตัวใหม่ด้วยเข็มสามทางทันที  ก่อนฉีดยาคุณหมอบอกให้ข้าพเจ้าตั้งสติให้ดีเพราะยาชุดนี้จะทำให้มีความรู้สึกเหมือนตกเหว ข้าพเจ้าเหลือบดูเข็มฉีดยาสามทางบนแขนพับด้านซ้ายของตัวเองด้วยความหวัง  พยาบาลคนแรกดันยาสีเข้มจนหมดกระบอก  คุณหมอสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังสั่งพยาบาลคนที่สองให้รีบดันยาสีจางขาวตามเข้าไปจนหมดกระบอกเช่นเดียวกัน  ข้าพเจ้าตั้งสติหลับตาสมาธิ  ความรู้สึกเริ่มล่องลอยไร้จุดหมาย  สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นจากเครื่องวัดชีพจรดัง ต๊อก ๆ  และมีเสียงแทรกขึ้นมาว่า หัวใจคุณตาดีดกลับขึ้นเร็วจัง ….รถรีเฟอร์พร้อมแล้ว…..

พยาบาลสาวเอาผ้าถุงสีเขียวมาเปลี่ยนให้และช่วยกันจับแขนถ่างขาจับลูกพี่หำของข้าพเจ้าขึ้นมาเอาสายยางสวนท่อปัสสาวะลูกพี่หำทันที  ข้าพเจ้าร้องลั่นห้องคนไข้ฉุกเฉินด้วยความเจ็บปวดถึงสามครั้งพิธีสวนท่อปัสสาวะลูกพี่หำจึงสำเร็จ หลังจากนั้นก็โยงสายท่อปัสสาวะไว้ข้างขาด้านซ้าย ใช้เทปติดสายท่อปัสสาวะไว้กับต้นขาด้านใน  พยาบาลและลูกชายทั้งสองช่วยยกดันร่างข้าพเจ้าขึ้นเตียงรถรีเฟอร์โดยมีพยาบาลหนึ่งคนกับน้าสาวชื่ออมรรัตน์  กาญจนกัณโห ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านของโรงพยาบาลและลูกชายคนเล็กดูแลภายในรถ  ส่วนเจ้าทีมลูกชายคนโตขับรถตามหลังรถรีเฟอร์ไป  เนื่องจากรถรีเฟอร์เก่าเพราะใช้งานมานานปี ระบบแอร์ก็ชำรุดจึงส่งเสียงดังเหมือนอยู่ท่ามกลางม็อบนกหวีด หนวกหูจนพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่คนขับชำนาญทางจึงขับเร็วยังกะเหาะเพราะถนนว่าง เลี้ยวหรือเบรกแต่ละครั้งต้องใช้ส้นเท้ากดพื้นรถไว้ไม่ให้กลิ้งไปกลิ้งมา  กว่าจะถึงโรงพยาบาลสกลนครก็หูหนวกและสะบักสะบอมทั้งพยาบาลและคนไข้

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสกลนครนำรถเข็นมารับ เข็นข้าพเจ้าไปที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้ช่วยพยาบาลสาวเจาะเลือดที่หลังเท้าซ้ายข้าพเจ้าสองแห่งแต่เจาะไม่ถูกเส้นเลือดทำให้เจ็บหลังเท้าฟรี  บุรุษพยาบาลต้องมาช่วยเจาะที่หลังเท้าขวาจึงได้เลือดไปตรวจ หลังจากนั้นก็เข็นข้าพเจ้าวกไปวนมาจนถึงเตียงที่ห้องคนไข้รวม  บุรุษพยาบาลรวมทั้งพยาลและลูกชายทั้งสองคนที่เดินตามมาช่วยกันยกและดันร่างข้าพเจ้าลงบนเตียงคนไข้ จัดสายยางท่อปัสสาวะให้เข้าที่แล้วพากันออกจากห้องไป  ทิ้งข้าพเจ้าไว้กับลูกชายคนเล็ก ทราบว่าเจ้าทีมขับรถกลับบ้านเพื่อไปรอรับคุณแม่ซึ่งจะกลับจากอบรมเช้าวันรุ่งขึ้น  พยาบาลเข้ามาเจาะเลือดที่หลังมือขวาไปตรวจอีกครั้ง ข้าพเจ้าพยายามข่มตาหลับแต่ต้องสะดุ้งตื่นจากเสียงไอจามและเสียงเอะอะโวยวายจากเตียงผู้ป่วยหนุ่มสองรายที่ถูกมัดมือมัดเท้าติดขอบเตียงอยู่ฝั่งตรงข้าม  และเสียงพยาบาลสาวที่ปลอบโยนให้สองหนุ่มหายคุ้มคลั่ง  ข้าพเจ้ารู้สึกเห็นใจและประทับใจเธอมาก  แต่ถ้ามีลูกสาวหลานสาวก็ไม่อยากจะให้ทำอาชีพนี้ เพราะเป็นงานรับใช้ที่เหน็ดเหนื่อยและต้องกล้ำกลืนฝืนทนมากจริง ๆ  ผู้ที่เป็นนางพยาบาลทุกคนได้โปรดรับความคารวะอย่างจริงใจจากพ่อครูด้วย

ข้าพเจ้าเผลอหลับไปงีบหนึ่งเพราะความอ่อนเพลีย  สะดุ้งตื่นอีกครั้งเพราะเสียงไอจามของเจ้าหนุ่มคนเดิม  มองเห็นแตงไทยลูกชายคนเล็กนั่งหลับนกสัปหงกอยู่บนเก้าอี้เขียวข้างเตียง  ข้าพเจ้าเอื้อมมือไปลูบศีรษะแกเบา ๆ ด้วยความรู้สึกตื้นตัน  พึมพำในใจว่าพ่อรักและห่วงใยลูกเสมอเช่นเดียวกัน

เช้าวันรุ่งขึ้นพยาบาลเอาปรอดมาวัดไข้ ไม่นานเธอก็กลับมาเอาพร้อมแจ้งผลว่าอาการปกติไม่มีไข้  ข้าพเจ้าขอร้องให้เธอช่วยถอดสายยางสวนปัสสาวะออก  พอดีแม่บ้านนำเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน เพื่อนข้างเตียงที่มาเฝ้าไข้ลูกชายถามว่าเป็นอะไรหรือตา  ข้าพเจ้าจึงเล่าเรื่องให้ฟังและถามเรื่องลูกชายของเขาที่ผอมกระหร่องนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง  เขาเล่าว่าลูกชายของเขาเป็นโรคปอดเรื้อรังคงรักษาไม่หาย  ข้าพเจ้าคิดว่าเขาคงติดโรคสมัยใหม่อย่างแน่นอนแต่ไม่กล้าถามตรง ๆ เพราะเกรงสะเทือนใจ   ข้าพเจ้าให้ลูกชายพาไปห้องน้ำ  ต้นปัสสาวะยังมีสีน้ำตาล กลางและปลายยังคงเหลืองขุ่นเหมือนเดิม  ตอนสายนายทีมลูกชายพาแม่มาถึง  ตอนบ่ายคณะน้องสาว 2 คน คือหวานกับตั้นและหลาน 4 คนคือ ตุ้ม จี ดิเรก แค็ท และเหลนอีก 2 คนซึ่งเป็นลูกสาวของตุ้มจากบ้านด่านม่วงคำก็มาถึง พี่สนิทโทร.มาจากกรุงเทพฯ คุยนานจนแค็ทสะกิดหลังพาคณะบอกลากลับ ยัยตุ้มหลานสาวซึ่งทำงานเป็นรองผู้อำนวยการ กศน.ช่วยติดต่อน้าสาวซึ่งเป็นพยาบาลอาวุโสในโรงพยาบาลหาห้องพิเศษให้  ไม่นานก็ได้รับข่าวดีว่ามีห้องพิเศษว่างพอดี

สักครู่บุรูษพยาบาลก็นำรถมาเข็นข้าพเจ้าไปตรวจเช็คหัวใจที่ห้องตรวจโรคหัวใจก่อนเข็นขึ้นลิปไปห้องพิเศษบนตึกร่มฉัตรชั้น 3 ห้อง 309  เป็นห้องแอร์เย็นฉ่ำน่านอน พยาบาลเข้ามาดูแลความเรียบร้อย ข้าพเจ้าจึงขอร้องให้เธอถอดเข็มฉีดยาที่ปักชำไว้บนหลังมือและแขนพับทั้งสองข้างออกให้หมด  รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจมาก  จึงพลิกตัวลงจากเตียงไปยืดเส้นยืดสายชกลมฟันศอกตีเข่าก่อนเข้าห้องน้ำแล้วกลับขึ้นเตียงนอนเอาแรง  สักครู่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับคณะญาติพี่น้องบ้านด่านม่วงคำประกอบด้วย อ.นิวร อ.ต๋อย ผอ.ประเสริฐ มิสเตอร์เท็จทอง เปิดประตูห้องเข้ามา  ข้าพเจ้ารีบลุกขึ้นนั่งชูกำปั้นสองข้างทำท่าเข้มแข็ง  คุยว่าไม่เป็นไรยังอยู่อีกยาว  น้อง ๆ ที่มาเยี่ยมพากันหัวเราะ และถามสาระพัดคำถามด้วยความเป็นห่วง  ข้าพเจ้ารู้สึกตื้นตันอบอุ่นและเป็นสุขท่ามกลางการห้อมล้อมของญาติพี่น้องมาก  ผีกองก้นกล่าวว่า กำลังใจสำคัญที่สุดในยามคับขัน   หลังจากน้อง ๆ กลับไปหมดแล้วเราสี่คนพ่อแม่ลูกก็พักผ่อนนอนหลับตามอัธยาศัย พยาบาลที่เข้ามาตรวจวัดไข้สั่งให้ข้าพเจ้าบันทึกจำนวนครั้งที่ปัสาวะและจำนวนปัสสาวะครั้งละกี่ ซี.ซี. ตามแบบบันทึกที่แจกให้  เจ้าทีมออกแบบว่าให้ข้าพเจ้าเยี่ยวใส่ขวดเปล่าซึ่งบรรจุน้ำได้ 500 ซี.ซี. จะได้ตอบโจทย์ถูกต้องหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียง  และความจริงก็เป็นเช่นนั้น  กล่าวคือเยี่ยว 4 ครั้งเต็มขวดพอดี จึงสรุปได้ว่าเยี่ยวได้ครั้งละ  125  ซี.ซี. ข้าพเจ้าเยี่ยวทั้งคืนจำนวน 8  ครั้งได้ 2 ขวดพอดี

เช้าวันที่สองคณะคุณหมอสาวเข้ามาตรวจและสอบถามเรื่องโรคประจำตัว  ข้าพเจ้าตอบว่าขณะนี้มีโรคประจำตัวสองอย่างคือ โรคต่อมลูกหมากโต และโรคไวรัส บี  แต่โรคไวรัส บีหายนานแล้ว  คุณหมอบอกว่าโรคไวรัส บี เป็นแล้วไม่หาย คุณตาไปตรวจที่ไหนว่าเป็นไวรัส บี และไปตรวจที่ไหนว่าหายแล้ว  ข้าพเจ้าจึงเล่าว่า เมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว  ได้ไปบริจาคเลือดให้เพื่อนครูที่โรงพยาบาลเอกอุดร หมอเอาเลือดไปตรวจแล้วแจ้งว่าเลือดเป็นไวรัส บี จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลเจริญศิลป์  โรงพยาบาลสว่างแดนดิน และโรงพยาบาลหมอสมบูรณ์  ทุกแห่งบอกตรงกันว่าเป็นไวรัส บี ไม่มียารักษา  จึงกลับบ้านรักษาด้วยยาสมุนไพร ด้วยการต้มต้นผลใต้ใบกินสามแก้ว  อีกสี่ปีต่อมาได้ไปตรวจใหม่หลายโรงพยาบาล  คุณหมอบอกตรงกันว่าไม่มีไวรัส บี แล้ว คุณหมอสาวไม่เชื่อจึงให้พยาบาลเจาะเลือดไปตรวจอีกครั้ง  เช้าวันต่อมาคุณหมอมาตรวจและแจ้งผลการตรวจว่า  ขอแสดงความดีใจด้วย  คุณตาไม่เป็นไวรัส บี คุณตาหายแล้วจริง ๆ  และวันนี้คุณตารับยารักษาโรคหัวใจ หมอให้ยากินหนึ่งเดือน คิดว่าน่าจะเอาอยู่  ถ้ายาหมดให้ไปรับยาที่โรงพยาบาลเจริญศิลป์ หรือจะกลับมารับยาที่นี่ก็ได้ วันนี้รับยาแลัวกลับบ้านได้นะคะ ประมาณเกือบเที่ยงวันแม่บ้านและพยาบาลนำใบสั่งยาและใบเสร็จแจ้งค่าใช้จ่ายมาให้  ทีมไปรับยาที่ห้องยา ได้มา 1 ถุง เป็นยาเม็ดเล็ก ๆ สีเหลืองประมาณ 100 เม็ด แตงไทยกับแม่บ้านเก็บข้าวของไปขึ้นรถ พวกเราเดินทางกลับบ้าน ด้วยความปลอดภัย  ข้าพเจ้ากินยารักษาโรคหัวใจหลังอาหารวันละ 3 ครั้งตามหมอสั่งเรื่อยมา

ผีกองก้นกล่าวว่า…

 

ตามหาหมอ

1. หมอหำ

กลับถึงบ้านแล้วก็เดินไปทักทายไก่ชนที่เคยโทร.ให้เพื่อนช่วยดูแลให้ด้วยความเป็นห่วง  ไก่ใหญ่ปลอดภัยแต่ไก่เล็กอายุประมาณสองถึงสามเดือนเป็นฝีดาษเกือบทุกตัวเพราะนอนนอกมุ้ง  บางตัวปากเบี้ยวหัวหูตาบวมปูด หัวบวมโตยังกะมนุษย์ต่างดาว มองไม่เห็นทาง เดินกระย่องกระแย่งชนนั่นนี่โน้นอย่างน่าสงสาร จากนั้นจึงเดินทักทายและรดน้ำโป้ยเซียนที่กำลังเหี่ยวเฉาเพราะขาดน้ำถึง 2 วัน  ตอนค่ำไปซื้อยาเพ็นนิซิลิน 500,000  มา  4  กล่อง  แบ่งให้ไก้เล็กกินตัวละครึ่งเม็ดก่อนจับเข้าสุ่มกางมุ้งให้นอนเพื่อกันยุงกัด

ดึกแล้วเข้านอน  นึกไตร่ตรองว่าจะไปพบหมอรักษาโรคใดก่อน เพราะเป็นถึง 3 โรคในเวลาเดียวกันคือหัวใจเต้นผิดจังหวะ ต่อมลูกหมากโต และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ  ที่สุดตัดสินใจเริ่มที่ต่อมลูกหมากโตก่อน   เช้าวันต่อมาจึงไปสืบเสาะหาข้อมูลจากเพื่อน ๆ ที่ผ่าตัดต่อมลูกหมากแล้ว คนแรกแนะนำให้ผ่าตัดเอาต่อมลูกหมากออกทั้ง 2 ข้างเพื่อแก้ปัญหาการกลับมาเป็นต่อมลูกหมากโตอีกในภายหลังเหมือนตัวเขาใช้เวลานอนโรงพยาบาล 10  วัน 10 คืน  หมอเฉพาะทางผ่าตัดให้ที่โรงพยาบาลสกลนคร  คนที่สองแนะนำให้ผ่าตัดแบบส่องกล้อง  กล่าวคือแหย่เครืองมือผ่าตัดเข้าทางท่อปัสสาวะเพื่อดำเนินการผ่าตัดตามที่หมอวินิจฉัย  ใช้เวลานอนโรงพยาบาล ประมาณ 3 วัน 3 คืน  หมอเฉพาะทางชื่อหมอธวัช เปิดคลีนิกในตัวเมืองอุดรธานี และทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลอุดรธานี  ข้าพเจ้าตัดสินใจเลือกผ่าตัดแบบส่องกล้อง  แต่ก่อนที่จะไปผ่าตัดต่อมลูกหมากจะต้องรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบให้หายก่อน  จึงให้นายทีมกับแม่บ้านพาไปพบหมอพันธ์ณพที่คลีนิกในเมืองสว่างแดนดินตอนเย็นหลังเลิกงาน  หมอถามว่า อาการเป็นอย่างไร  ข้าพเจ้าจึงเล่าว่า ต้นปัสสาวะสีน้ำตาล กลางและปลายปัสสาวะสีเหลืองและขุ่น  หมอจึงให้ขึ้นเตียงทำอัลตร้าซาวด์  ชี้ให้ข้าพเจ้าดูพร้อมอธิบายว่า

1.  ต่อมลูกหมากโตมากต้องรีบไปให้หมอเฉพาะทางผ่าตัดเอาออก

2.  กรวยไตอักเสบมาก หมอจะจัดยาให้กิน  ไม่กี่วันก็หาย

ข้าพเจ้าต้องกินยากรวยไตอักเสบ 9 เม็ด ยาต่อมลูกหมากโต  1  เม็ด และยารักษาโรคหัวใจ  1  เม็ดทุกวันตามที่หมอสั่งไปพลางก่อน  หายหรือตายเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

ข้าพเจ้าคิดว่าคงต้องนอนโรงพยาบาลหลายคืน  ควรตัดภาระทุกอย่างเพื่อจะได้ไม่เป็นห่วงเป็นกังวล จึงตัดสินใจประกาศขายไก่ชนเกือบทั้งหมดในราคากิโลกรัมละ 100 บาทเท่ากับไก่พื้นเมือง  มีเซียนไก่ในหมู่บ้านแย่งกันซื้อจนหมด ไก่แม่ลูกอ่อนสองครัวกับไก่ม้าล่อพ่อพันธุ์ยกให้น้องเขยกับน้องชายนำไปเลี้ยงที่บ้านด่านม่วงคำ  ส่วนลูกไก่อายุประมาณสองเดือน จำนวน 12 ตัวทิ้งไว้ให้แตงไทยลูกชายตนเล็กฝึกหัดเลี้ยง  เพราะอีกหกเดือนข้างหน้าอาจขายได้ในราคาไก่ชน

บ่าย 2 โมงวันต่อมาแม่บ้านและเจ้าทีมพาข้าพเจ้าไปคลีนิกหมอธวัชที่อุดรธานีเพื่อให้หมอตรวจและนัดหมายวันผ่าตัดต่อมลูกหมากหรือหำชั้นใน  แตงไทยเฝ้าบ้าน  กว่าจะเจอคลีนิกหมอธวัชต้องขับรถวนไปวนมาชั่วโมงกว่า  อ่านดูป้ายจับใจความได้ว่า  รักษาหลายโรคที่อยู่บริเวณช่องท้อง และหนึ่งในนั้นคือต่อมลูกหมาโต  ข้าพเจ้าเดินนำหน้าเข้าไปภายในคลีนิก  รู้สึกแปลกใจที่ไม่มีคนไข้นั่งรอเหมือนที่อื่น  สักครู่ก็เห็นคุณหมอเปิดประตูเชิญเข้าไปในห้องตรวจ   คุณหมอถามว่า ตาเป็นอะไรมา  ข้าพเจ้าตอบว่า หมอที่คลีนิกอำเภอสว่างแดนดินวินิจฉัยว่าเป็นโรคต่อมลูกหมากโตมาก  ให้รีบไปหาหมอเฉพาะทางผ่าตัดเอาออก  หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจเกิดโรคอื่นแทรกซ้อนได้  หมอถามว่าอาการเป็นอย่างไร  ข้าพเจ้าตอบว่า  หำยาวออกแต่ลูกพี่หำกลับสั้นเข้า และปัสสาวะไม่พุ่งเหมือนเดิม  หมอหัวเราะถามว่า  ตาอายุเท่าไหร่แล้ว  ข้าพเจ้าตอบว่า  70 ครับ  หมอถามว่า ตามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง  ข้าพเจ้าตอบว่า  หนึ่งโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ สองต่อมลูกหมากโต  และสามกรวยไตอักเสบ   หมออธิบายว่า  คงผ่าตัดไม่ได้หรอกตา การผ่าตัดเสียเลือดมาก ผ่าตัดแล้วก็ไม่ใช่ว่าโรคจะหายขาด  เพราะผ่าตัดเพียงส่องกล้องเลาะพังผืดตรงที่ต่อมลูกหมากกับท่อปัสสาวะตัดผ่านกันเท่านั้น  ไม่นานพังผืดก็เกิดเหมือนเดิม  ตากินยาอะไรอยู่หรือเปล่า  ข้าพเจ้าตอบว่า  กินยารักษาต่อมลูกหมากของโรงพยาบาลเจริญศิลป์ครับ  หมอบอกให้ข้าพเจ้ากลับไปกินยารักษาต่อมลูกหมากต่อ  ข้าพเจ้าคิดว่า หมอคงไม่กล้าผ่าเพราะข้าพเจ้าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะนั่นเอง  ถ้าหัวใจข้าพเจ้าเต้นผิดจังหวะขณะทำการผ่าตัดหรือหลังผ่าตัดข้าพเจ้าคงต้องตายอย่างแน่นอน  จึงตัดสินใจว่าจะต้องรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะก่อน

ผีกองก้นกล่าวว่า….

ตามหาหมอ

2.  หมอหัวใจ

ปกติหัวใจข้าพเจ้าเต้นไม่เกิน 120 ครั้งต่อ 1 นาที   แต่สองครั้งที่ผ่านมาหัวข้าพเจ้าเต้นเร็วมากถึง  200 ครั้งต่อ 1 นาที ถ้าขืนเป็นอย่างนี้อีกคงต้องตายแน่  จึงตัดสินใจนัดแนะแม่บ้านกับเจ้าทีมว่า  จะไปรักษาที่ศูนย์โรคหัวใจสิริกิต โรงพยาบาลศรีนัครินทร์  จังหวัดขอนแก่น จึงมอบหมายให้แตงไทยดูแลไก่ รดน้ำต้นไม้และเฝ้าบ้าน ออกเดินทางเวลาตี 2 ของวันที่  16  เมษายน  2557  ถึงอำเภอเขาสวนกวางเวลา ตี 4 แวะเติมน้ำมัน ทำธุระส่วนตัวแล้วเดินทางต่อ  ถึงโรงพยาบาลศรีนัครินทร์เวลา ตี 5 พอดี จอดรถแล้วรีบเดินขึ้นตึกศูนย์หัวใจสิริกิตเพื่อจับบัตรคิว  แม่บ้านไปจับบัตรคิวได้ลำดับที่ 10  ถึงเวลา 6 โมงครึ่งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมายืนประกาศว่าบัตรที่ทุกคนจับไปแล้วนั้นไม่ใช่บัตรคิว  ให้เอาบัตรที่ถือไว้นั้นมายืนยันรับบัตรคิว ความโกลาหลเกิดขึ้นทันที  เพราะคนไข้พร้อมญาติมาเป็นร้อยและทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  จนแน่นศูนย์หัวใจ ข้าพเจ้าลองเดินนับคนไข้และญาติคนไข้ที่นั่งบ้างยืนบ้างเดินบ้างรวมกันประมาณ 300 คน  จึงถือว่าเป็นวันสำคัญแห่งชาติวันหนึ่ง  เพราะคนชราซึ่งป่วยด้วยโรคหัวใจมารวมกันโดยมิได้นัดหมาย  มีห้องตรวจคนไข้ 13 ห้อง แต่มีหมอตรวจคนไข้เพียง 3  คน คือห้องเบอร์ 4  ห้องเบอร์ 8 และห้องเบอร์ 9 และมีพยาบาลตรวจวัดคลื่นหัวใจอยู่ที่ห้องเบอร์ 2  ข้าพเจ้าเป็นคนไข้ใหม่แม้จะจับบ้ตรคิวได้ลำดับต้น ๆ แต่ต้องรอให้คนไข้เก่าได้รับบริการก่อน  จึงใช้เวลาระหว่างรอเดินแสวงหาความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะบนแผ่นป้ายที่ติดไว้ข้างฝา  แต่ต้องชำเลืองอ่านเพราะศีรษะคนไข้บัง  พอสรุปความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะได้เพียงว่า  ต้องช็อตหัวใจด้วยไฟฟ้าโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น  เพราะกินยาช่วยได้เพียง 1.4 เปอร์เซ็นต์  ส่วนวิธีป้องกัน  ต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการปฏิบัติตามหลักสุขบัญญัติ 10 ประการ

เวลาประมาณ 10.00 น.พยาบาลเรียกเข้ารับการตรวจคลื่นหัวใจเหมือนที่โรงพยาบาลเจริญศิลป์  ต่างกันที่นางพยาบาลเจริญศิลป์สวย น่ารักและพูดเพราะ  ส่วนนางพยาบาลท่านนี้ออกจะอาวุโส ขี้บ่นและดุไปหน่อย  แต่ก็น่าเห็นใจเพราะคนไข้เยอะ

เวลา  11.40 น. ได้ยินเสียงเรียกชื่อให้ไปนั่งรวมกับเพื่อนคนไข้ 5 คนที่หน้าห้องเบอร์ 8 เพื่อรอรับการตรวจ  คนไข้แต่ละคนล้วนชราภาพและหัวใจชำรุด สองคนนั่งดมอ๊อกซิเจนบนรถเข็น  หนึ่งคนนั่งถือไม้เท้าเป่าลม  หนึ่งคนน้่งดมยา มีข้าพเจ้าคนเดียวที่ยังเข้มแข็ง พยาบาลขานชื่อข้าพเจ้าเป็นคนสุดท้ายในชุดนี้  คุณหมออายุยังน้อยคงเพิ่งจบมาใหม่ ๆ ตั้งคำถามว่า  ตาเป็นอะไรมา  ข้าพเจ้าตอบว่า  หมอที่โรงพยาบาลสกลนครวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ  แนะนำให้มาตรวจรักษาที่นี้  หมอถามว่า  นำผลการตรวจรักษาของหมอที่โรงพยาบาลสกลนครมาด้วยหรือเปล่า  ข้าพเจ้าตอบว่า  ตาไม่รู้ว่าจำเป็นต้องใช้ จึงไม่ได้ไปขอ  หมออธิบายว่า  หมอต้องรู้ข้อมูลการรักษาเบื้องต้นของตาก่อนจึงจะสามารถวินิจฉัยได้ว่าควรช็อตไฟฟ้าหรือไม่  ถ้าช็อดไฟฟ้าก็จะหายเลย ไม่ต้องกินยา วันนี้ให้ตากลับไปเอาข้อมูลการรักษาเบื้องต้นที่โรงพยาบาลสกลนคร  วันหลังค่อยนำข้อมูลนั้นมาให้หมอ    ข้าพเจ้าเดินออกมาจากห้องหมอด้วยความมึนงง  อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกลแต่กลับไม่ได้รับการตรวจรักษาเลย ยาก็ไม่ให้  คำแนะนำใดก็ไม่มี  ตั้งใจว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก  แต่จะกลับไปดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงด้วยการปฏิบัติตามหลักสุขบัญญัติ 10 ประการบนแผ่นป้ายไวนิลที่ปิดไว้ข้างฝาโรงพยาบาลศูนย์หัวใจสิริกิตเพื่อป้องกันโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะให้จงได้

 

หมอเทวดา

ตอนดึกคืนวันที่ 7 หลังกลับจากศูนย์โรคหัวใจสิริกิตโรงพยาบาลศรีนัครินทร์  จังหวัดขอนแก่น  ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนอนหลับสนิทอยู่ในมุ้งอย่างสบาย  ทันใดนั้นก็ต้องสะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นนั่งเอามือกุมหน้าอกทั้งที่ยังหลับ  เพราะเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงจนสังกะสีมุงหลังคาสั่นสะเทือน  ข้าพเจ้ารู้สึกปวดหนึบแน่นที่หน้าอก นั่งตั้งสติคิดว่าฟ้าน่าจะผ่าใกล้บ้านอย่างแน่นอน เงี่ยหูฟังเสียงฝนที่กำลังตก ลมกำลังปั่นป่วน ฟ้ากำลังคำราม จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนก็มีเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงตามมาเป็นครั้งที่สอง  ข้าพเจ้ารู้สึกปวดจี้ดยาวนานที่หัวใจเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต  ข้าพเจ้าเคยถูกไฟฟ้าช็อตจนตกโต๊ะแทบหลังหัก ปวดหลัง ปวดก้นกบ  ปวดต้นแขนตรงใต้รักแร้และปวดหัวใจอยู่หลายวัน เพราะอุตริเอานิ้วชี้แหย่ขั้วหลอดไฟตูมกาเพื่อตรวจสอบกระแสไฟฟ้าเมื่อครั้งเป็นสามเณรที่วัดศรีชมชื่น จังหวัดหนองคาย   ข้าพเจ้านอนคิดว่าฟ้าคงผ่าเราแล้วและเราคงต้องตายในไม่ช้า จึงนึกภาวณาว่า ตายแน่ ๆ ตาย ๆๆๆๆๆ ไม่นานก็ม่อยหลับไป   ตื่นอีกครั้งเมื่อแม่บ้านเดินลงมาปลุกให้ลุกไปเปิดประตูหน้าบ้าน  ข้าพเจ้าเล่าให้แม่บ้านฟังอย่างอารมณ์ดีว่า หมอไม่ยอมช็อตหัวใจให้พ่อ  รู้ไหมเมื่อคืนนี้รามสูรย์ท่านช็อดหัวใจให้พ่อเรียบร้อยแล้ว  เราคงไม่ต้องไปศูนย์โรคหัวใจสิริกิตอีก  เธอถามว่า ช็อตตอนไหนละพ่อ  ข้าพเจ้าหัวเราะตอบว่า  ก็ตอนที่ฟ้าผ่าเมื่อตอนดึกคืนนี้ไง   ข้าพเจ้านึกเฉลียวใจขึ้นมาว่าฟ้าอาจจะผ่าเครื่องใช้ในบ้านของเราก็ได้  จึงรีบไปเปิดโทรทัศน์เพื่อจะดูข่าว  ปรากฎว่าโทรทัศน์ที่ข้าพเจ้านอนเฝ้าทั้งคืนจอดำตายสนิท  มิน่าถึงได้เสียงดังยังกะฟ้าผ่าถูกตัวข้าพเจ้า

ผีกระสือกล่าวว่า    หมอเทวดาก็อาจวินิจฉัยพลาดได้เหมือนกัน  ปีที่แล้วขณะผีกองก้นเป็นลมหน้ามืดหมดสติที่หน้าถ้ำ  ผีกองกอยมาพบเข้าจึงนำส่งโรงพยาบาล หมอตรวจแล้ววินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจโตต้องกินยาโรงพยาบาล  4 เดือน  แต่อาการไม่ดีขึ้น   ลูกเมียจึงพาไปตรวจที่คลีนิกผีตาแดง  ผีตาแดงวินิจฉัยเหมือนหมอโรงพยาบาล   ผีกองก้นจึงต้องกินทั้งยาโรงพยาบาลและยาผีตาแดงอีกตั้ง  3-4 เดือน  แต่อาการป่วยหนักกว่าเดิมหลายเท่า  ลูกเมียจึงหอบหิ้วผีกองก้นไปตรวจที่คลีนิกผีกระหัง ผีกระหังสั่งให้ผีกองก้นขึ้นนอนบนเตียงทำอัลตราซาวด์ทันที  ชี้ให้ผีกองก้นดูกระเพาะตัวเองพร้อมวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง จึงให้ยามากิน  7  วัน  อาการเป็นลมหน้ามืดก็หายตั้งแต่บัดนั้น

ยาอายุวัฒนะ

หลังกลับจากโรงพยาบาลก็พยายามดูแลตัวเองให้มากขึ้น  ด้วยการรับประทานอาหารให้เป็นเวลา กินยารักษาโรคหัวใจและยารักษาโรคต่อมลูกหมากโตตามหมอสั่ง  ตอนเย็นเล่นแบดมินตันวันละ 2 เซ็ต พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ  เช้าวันเสาร์วันอาทิตย์ขับรถพาแม่บ้านและคณะไปทำบุญตามวัดต่าง ๆ  ตอนดึกลุกขึ้นมาเขียนหนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจศพตัวเองไว้ล่วงหน้าเพื่อความไม่ประมาท  ข้าพเจ้ายังไม่อยากตายตอนนี้เพราะอายุเพิ่งจะย่างเข้า 71 ปีเท่านั้น ถ้ารักษาร่างกายดีอาจจะอยู่ยาวถึง  120 ปีตามอายุขัยจริงของมนุษย์  จึงพยายามเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะที่กินหรือทาแล้วกลายร่างเป็นคนหนุ่มคึกคักเข้มแข็งเหมือนเดิม  แต่จะหายาอายุวัฒนะนั้นได้ที่ไหน เข้าไปดูในเว็บไซด์ก็มีสูตรยาอายุวัฒนะที่แตกต่างหลากหลาย ไม่รู้ว่าจะใช้สูตรไหนดี  จึงเที่ยวเสาะหาคนแก่ที่มีอายุยืนที่สุดในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงตามคำเล่าลือ

เริ่มแรกไปพบกับพ่อตู้(ภาษาอีสาน  …พ่อตู้ หมายถึงคุณปู่  แม่ตู้ หมายถึงคุณย่า…พ่อใหญ่ หมายถึงคุณตา  แม่ใหญ่ หมายถึง คุณยาย)สำลี ไชยสาคร อายุ 92 ปี ที่บ้านเจริญศิลป์หมู่ที่ 1  เมื่อไปถึงบ้านพบแต่เพียงภรรยาของแกจึงขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อนัดพบในวันหลัง  ทราบจากเสี่ยไสวหลานชายของแกว่า  พ่อตู้สำลีมีเมียทั้งหมดเจ็ดคน  เมียคนแรกตายเมื่อสามปีที่แล้ว  ปัจจุบันแกมีเมียทั้งในหมู่บ้านและต่างหมู่บ้านรวมกัน  6  คน  เมียคนล่าสุดอายุเพียง  34 ปี   ทุกเช้าหลังทานอาหารมื้อเช้าแล้วแกมักจะขี่รถจักรยานยนต์ไปบ้านเมียคนล่าสุดเสมอ  ข้าพเจ้าจึงโทร.ติดต่อขอคุยเรื่องยาอายุวัฒนะ  พ่อตู้สำลีนัดให้ข้าพเจ้าไปพบที่บ้านเช้าวันต่อมา  เมื่อไปถึงพบพ่อตู้สำลีกำลังรดผักสวนครัวอยู้หลังบ้าน  ข้าพเจ้ายกมือไหว้ร้องทักทายเหมือนผู้สมัคร อบต.หาเสียงว่า สวัสดีครับพ่อตู้  พ่อตู้สำลีวางสายยางแล้วเดินไปปิดก๊อกน้ำ เดินไปนั่งบนแคร่ไม้ไผ่หน้ากระท่อมน้อยรับแขกใต้ต้นมะม่วง ร้องทักทายเชิญข้าพเจ้าเข้าไปนั่ง  หลังจากไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเป็นที่ครื้นเครงจนหลานชายข้างบ้านของแกตะโกนถามมาว่าหัวเราะอะไรกันหรือ  ข้าพเจ้าตะโกนตอบไปว่า พ่อตู้สำลีหัวเราะต่ออายุครับ  ข้าพเจ้าถามหลายเรื่องที่อยากรู้เช่น อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง สุขภาพ โรคประจำตัว ภรรยาหลายคน  และยาอายุวัฒนะ  พ่อตู้สำลีเล่าให้ฟังว่า  เกิดเมื่อปี พศ. 2466  อายุ  91 ปีกว่า  น้ำหนัก  56  กก. ส่วนสูงสมัยยังหนุ่ม 152  ซม. ปัจจุบันส่วนสูงลดเหลือเพียง 150 ซม. สุขภาพดีมาตลอด ไม่เจ็บไม่ไข้ ไม่ได้กินยา  แต่มาเมื่อสี่เดือนที่แล้วปัสสาวะเป็นเลือด  หมอที่โรงพยาบาลศรีนัครินทร์ขอนแก่นตรวจแล้ววินิจฉัยว่าต่อมลูกหมากโต ให้ยามากินหลังอาหารเช้าเย็นครั้งละ  2  เม็ด  ยาหมดเมื่อไรให้กลับไปรับยาที่โรงพยาบาลศรีนัครินทร์ขอนแก่นเหมือนเดิม  อาการดีขึ้นมากแล้ว  แต่นกเขาป่วยไข้ไม่ยอมขันเหมือนเมื่อก่อน โรคประจำตัวคือโรคทรัพย์จาง  รักษาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ก็ไม่หาย  ปัจจุบันมีเมียเพียง 1 คนคือน้องเมียคนแรก  เมียนอกนั้นเลิกลากันไปหมดแล้วเมื่อตอนนกเขาป่วย 

ยาอายุวัฒนะไม่มี  แต่ได้ทำตามคุณหมอกับพระแนะนำและพระราชาตรัสไว้กล่าวคือ    กินปลาเป็นหลัก  กินผักเป็นยา กินกล้วยน้ำว้าทุกเช้า  คึกคักกับเมียเราทุกวัน  ตลกขบขันแก้เซ็ง  ร้องเพลงเบา ๆ  เข้าวัดฟังธรรมะ  ลดละเลิกอบายมุขทุกชนิด  ทำจิตให้แจ่มใส  ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง 

พ่อตู้สำลีถามข้าพเจ้าบ้างว่า  ท่านอาจารย์มียาอายุวัฒนะบ้างไหมขอผมสักเม็ดสิ  ข้าพเจ้าหัวเราะตอบไปว่า  ไม่มีเหมือนกันครับ ผมตั้งใจว่าจะมาขอสูตรยาอายุวัฒนะจากพ่อตู้นี้แหละ ขอบพระคุณสำหรับคำแนะ จากนั้นก็ยกมือไหว้ลาจากมา

หลายเดือนต่อมาข้าพเจ้าไปเยี่ยมแกที่บ้านอีกครั้ง ทราบจากยายเมียของแกว่า ไปรับยารักษาโรคต่อมลูกหมากโตเม็ดละ  700  บาทจากโรงพยาบาลศรีนัครินทร์  จังหวัดขอนแก่นยังไม่กลับ

ข้าพเจ้าคิดทบทวนเรื่องยาอายุวัฒนะอยู่หลายวันพบว่า  พ่อตู้ด่างชาวบ้านเจริญศิลป์ หมู่ที่  2 เสียชีวิตเมื่อสามปีที่แล้วขณะมีอายุได้ 105 ปี  ลูกหลานน่าจะมีสูตรยาอายุวัฒนะของพ่อตู้ด่างหลงเหลืออยู่เป็นแน่ จึงตัดสินใจไปขอสูตรยาอายุวัฒนะจากคุณยายรอดผู้ซึ่งเป็นหลานสาวของพ่อตู้ด่าง แต่ต้องผิดหวังเพราะได้รับคำตอบว่า  พ่อตู้ด่างอายุยืนตามเทือกเถาเหล่ากอคนที่มีใบหูใหญ่ยาวยาน ไม่เคยกินยาอายุวัฒนะ ข้าพเจ้าเองก็รู้จักคุ้นเคยกับพ่อตู้ด่างมานาน เคยไปเยี่ยมแกที่กระท่อมหลายครั้งแด่ไม่เคยถามเรื่องยาอายุวัฒนะ

พ่อตู้ด่างมีอายุ  105 ปี  แต่ชีวีไม่สุขสันต์เพราะชีวิต 5 ปีสุดท้ายต้องนั่งนอนอยู่บนเสื่อเก่า ๆ  หลบยุงอยู่แต่ภายในมุ้งที่กางแบบถาวร  นอกมุ้งมีพัดลมเก่าตัวเล็ก ๆ ไม่ส่ายแล้ว 1 ตัวตั้งอยู่ข้างมุ้ง  มีหลอดไฟตูมกาห้อยลงมาจากหลังคา 1 หลอด  เขานอนอยู่ภายในกระท่อมคนเดียว  ลูกไม่มี ภรรยาเสียชีวิตไปนานแล้ว สังขารทรุดโทรมมาก มีจุดด่างดำทั่วตัว ตามืดตามัวมองเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ฟันก็หลุดร่วงต้องใส่ฟันปลอมทั้งปาก หลังก็โกง แขนขาลีบไม่มีเรี่ยวแรง ลุกนั่งลำบาก เวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันช่วยพยุง    มีรายได้จากเบี้ยยังชีพคนแก่ที่รัฐบาลจัดให้เดือนละ 500 บาท  อาศัยคนข้างบ้านดูแลส่งข้าวส่งน้ำ เวลาเจ็บป่วยเทศบาลพาส่งโรงพยาบาล

ข้าพเจ้าถามแกว่า  นกเขาพ่อตู้ยังขันได้ไหม  แกหัวเราะลั่น ตอบว่า นกเขาป่วยและหยุดขัน 40 กว่าปีแล้ว  จะเยี่ยวแต่ละที่ต้องเอามือแกะนกเขาออกจากไข่ของมัน  ขืนชักช้าเป็นต้องเยี่ยวราดไข่ทุกที เพราะไข่มันห้อยยาวกว่าตัวนกเขาตั้งเกือบเท่าตัว

ข้าพเจ้าไม่ลดละความพยายาม  เข้าสืบค้นประวัติคนที่มีอายุยืนที่สุดในโลกพบว่าคนที่มีอายุยืนที่สุดในโลกเป็นคนจีนชื่อ นายลี ซิง ยุน  ชาวมณฑลเฉฉวน  ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน  ลี ซิง ยุน เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2220  ขณะที่เขามีอายุได้ 10 ปีได้เริ่มศึกษาค้นคว้าวิธีการทำให้มีอายุยืนยาว และได้ขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนภูเขาลงมาสะสมไว้เป็นจำนวนมาก จนได้รับยกย่องจากรัฐบาลจีนในขณะนั้นให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร   เขารับประทานอาหารมังสะวิรัติและสมุนไพรทุกวันในปริมาณที่พอเหมาะ ทำให้มีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง  พร้อมกันนั้นเขาได้เล่าเรียนวรยุทธ์จนเชี่ยวชาญ  ต่อมาเมื่อมีอายุ 71  ปี  เขาได้เข้าร่วมในกองทัพของจักรพรรดิ์จีน ได้รับตำแหน่งกุนซือด้านยุทธวิธีและตำแหน่งครูฝึกทหารด้านศิลปะการป้องกันตัว เขามีภรรยา 23 คน และมีทายาทกว่า 200 คน รัฐบาลของจักรพรรดิ์จีนได้จัดงานฉลองอายุให้เขา 2 ครั้ง  ครั้งแรกเมื่อเขามีอายุได้  150  ปีและครั้งที่ 2 เมื่อเขามีอายุได้  200 ปี

 ลี ซิง ยุน ใช้ชีวิตประจำวันด้วยการ

1.  ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

2. ทานอาหารมังสะวิรัติ

3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

4. ทานยาสมุนไพร 4 ชนิด คือ เห็ดหลินจือ เก๋ากี้ (โกจิ เบอร์รี่)  โสมเป่า และ ใบบัวบก ในปริมาณที่พอเหมาะ

ลี ซิง ยุน เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2476 อายุได้  256  ปี 

ผู้ที่มีอายุยืนที่สุดในประเทศไทยได้แก่ หลวงปู่สี  ฉันทะสิริ เกิดวันที่  10  เมษายน  พ.ศ.  2532  มรณภาพ  23  กุมภาพันธ์  พ.ศ.  2520  อายุ  127  ปี

นักปราชญ์ชาวอีสานบันทึกความเปลี่ยนแปลงแต่ละวัยของคนเราไว้ว่า  10 ปีอาบน้ำบ่หนาว  ซาวปีเล่นสาวบ่เปิด  (20  ปีจีบสาวไม่เบื่อ)  30  ปีตื่นเตลิดก่อนไก่(ตื่นเช้าไปทำงานก่อนไก่ขัน) 40  ปีไปไฮ่มาทอดขา   (ไปไร่มาเหนื่อยถึงกับต้องนั่งเหยียดขา)  50  ปีไปนามาทอดหุ่ย(ไปนากลับมาเหนื่อยมากถึงกลับต้องนั่งหมดอาลัยตายอยาก)  60  ปีเป่าขลุ่ยบ่ดัง(เพราะฟันหรอ)  70  ปีตีระฆังบ่ม่วน(ฟังเพลงไม่สนุก)  80 หนักหน่วงด่วนมาหู(หูตึง)  90  ปีฮู้ว่าพี่น้องมาหาฮ้องไห่(เห็นพี่น้องมาเยี่ยมจะรู้สึกตื้นตันใจจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้)  100  ปีบ่ไข้บ่ตาย  110  ปีเห็นแดดว่าแม่นไฟไหม้(เห็นแสงแดดตาพร่ามัวเหมือนเห็นแสงไฟ)  120  ปีไข้กะตายบ่ไข้กะตาย(ไข้ก็ตายไม่ไข้ก็ตาย)

ชีวิตข้าพเจ้าได้ผ่านวัยต่าง ๆ มาถึง  6  วัยแล้ว  กำลังจะเริ่มวัยที่  7  คือวัยตีระฆังบ่ม่วนแปลเป็นภาษาไทยกลางว่า  ตีระฆังไม่สนุก หมายความว่าฟังเพลงไม่เพราะ ไม่สนุกสนานเหมือนวัยที่ผ่านมา  กลับไปเยี่ยมบ้านตอนปีใหม่ 1 มกราคม  2558  แม่มีอายุได้  92  ปีกว่า ท่านได้อวยพรให้มีอายุยืนยาวและห้ามตายก่อนท่าน  ให้ตายตามลำดับเกิดก่อนเกิดหลัง ที่สำคัญห้ามแซงคิวกัน

ผีกองก้นกล่าวว่า….

อย่างนี้ก็มีด้วย

ระยะนี้ข้าพเจ้าได้รับบัตรเชิญไปงานศพของพี่น้องเพื่อนครูบ่อยขึ้น  รวมทั้งคนเคยรู้จักมักคุ้นรักเคารพนับถือกันต่างทะยอยเสียชีวิตไปเหมือน ใบไม้ที่ร่วงหล่นตามฤดูกาล  เช้าวันอาทิตย์อาจารย์นิคม พิมพา  ข้าราชการบำนาญครูรุ่นน้อง ขับรถมาชวนไปชมไก่คู่ติดมัดจำชนแพง  660,000 บาทที่บ่อนไก่บ้านโพนแพง อำเภออากาศอำนวย  ทราบว่าเป็นการชนกันของไก่ไทยป่าก๋อยจากอำเภอพรรณานิคมกับไก่พม่าม้าล่อจากอำเภออากาศอำนวย  ข้าพเจ้าคิดว่าการนั่งนอนรอความตายซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมาถึงทำให้จิตใจห่อเหี่ยว  จึงตัดสินใจนั่งรถไปกับท่าน  ถึงบ่อนไก่ประมาณ 10  โมงครึ่ง  เซียนไก่ต่างหลั่งไหลมาชมไก่คู่ชนแพงอย่างล้นหลาม  รถเก๋ง รถกะบะ จอดเรียงรายล้นจากบ่อนไก่ถึงถนนใหญ่ระยะทางยาวประมาณ 1  กม.  คาดว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า  500  คัน  ตั๋วชั้นริงไซด์ราคา  100  บาทขายหมดหลายวันแล้ว  คงเหลือเฉพาะตั๋วรอบนอกราคาใบละ  50  บาท  พวกเรารีบซื้อตั๋วเข้าไปจับจองที่นั่งให้ตรงพัดลมมากที่สุด  เพราะคนเยอะอากาศคงร้อนอบเอ้าอย่างแน่นอน  และก็เป็นความจริงอย่างที่คาดเพราะเมื่อไก่คู่เอกเข้ามาถึงผู้คนแน่นขนัดทุกชั้น  แถมยืนเบียดเสียดด้านนอกอีกอย่างล้นหลาม  กรรมการเรียกเจ้าของไก่พร้อมด้วยทีมงานทั้งสองฝ่ายอุ้มไก่ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก  พอกรรมการสับมือปล่อยไก่ทั้งคู่  ข้าพเจ้าเพ่งมองไก่ทั้งคู่อย่างพินิจพิเคราะห์  พบว่าไก่ไทยป่าก๋อยสีเขียวหางกลมแซมขาวยาวสลวยดูจะได้เปรียบส่วนสูงกว่านิดหน่อย  ส่วนไก่พม่าเป็นไก่สีสาหางยกอกตั้ง  ไก่ทั้งคู่เตะสาดกันไปมาประมาณ 3  นาที  ไก่ไทยป่าก๋อยลุยเข้าจับบ่าตีตัดลำตัวอย่างรุนแรง  ไก่พม่าสะดุ้งถอยหลังไปหลายก้าว  ไก่ป่าก๋อยได้ทีเข้าคลุกวงในรุกไล่จับตีคาบตี แฟนไก่ไทยป่ก๋อยดังกระหึ่มไปทั้งสนาม เสียงตะโกนเอาไก่ไทยป่าก๋อยต่อราคา  5-4 ไป 3-2 ทั้งสนาม ไก่พม่าเห็นท่าไม่ดีออกวิ่งล่อ  ไก่ป่าก๋อยวิ่งไล่ตามตีอย่างไม่ลดละ กัดตรงไหนตีตรงนั้น นานครั้งไก่พม่าหันมาหยุดตีหัวไก่ป่าก๋อยได้ ทีสองที ก็วิ่งล่อต่อไป ถ้าเห็นจวนตัวก็กระโดขึ้นขอบสังเวียน  ยกแรกเพียงยกเดียวไก่พม่ากระโดดขึ้นขอบสังเวียนไม่น้อยกว่า  60 ครั้ง  ต้องใช้กรรมการถึงสองคน  ปลายยกไก่ไทยป่าก๋อยเป็นต่อถึง  5-2  ยก 2  ยังเหมือนเดิม   พอยก 3-4-5 ราคาต่อรองเริ่มไหลมาทางฝั่งไก่พม่าเป็นต่อมากขึ้นเรื่อย ๆ  การต่อสู้ดำเนินไปถึงกลางยกที่ 6 ในจำนวน  8  ยก  ไก่ไทยป่าก๋อยหมดแรง ถอดใจร้องออกปากยอมแพ้วิ่งหนี  ไก่พม่าจึงเป็นฝ่ายชนะ ทราบในเวลาต่อมาว่าฝ่ายอำเภอพรรณานิคมได้นำไก่ไทยป่าก๋อยมาท้าชนแก้มือในราคาเดิมพัน  660,000  บาทเท่าเดิมและก็แพ้อีกเหมือนเดิม แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ไปชม   รองคู่เอกเป็นไก่ไทยป่าก๋อยจากจังหวัดอุดรธานีกับไก่พม่าม้าล่อจากอำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร  ไก่พม่าม้าล่อพาไก่ไทยป่าก๋อยวิ่งรอบสนามได้ยกเดียว  ขึ้นยกสองเจ้าม้าล่อตีหูไก่ป่าก๋อยลงไปนอนชัก  เจ้าของไก่ป่าก๋อยเห็นว่าสู้ไม่ได้จึงลงไปจับขอยอมแพ้   ทราบในเวลาต่อมาว่าไก่พม่าม้าล่อของอำเภอพังโคนตัวนี้ไปชนะยกที่ 5 เดิมพัน  1,100,000 บาท(หนึ่งล้านหนึ่งแสนบาทถ้วน) เล่นได้เสียวงนอกอีกนับล้านบาท ที่บ่อนไก่หนองตาไก้  จังหวัดอุดรธานี    วันอาทิตย์ต่อมาไปชมไก่คู่เอกชนเดิมพัน 220,000  บาท  ที่บ่อนไก่แห่งเดิม  ไก่พม่าม้าล่อพาไก่ไทยป่าก๋อยวิ่งรอบสนามได้ 18 นาที วิ่งเร็วมากถึงกับน็อกรอบไก่ไทยป่าก๋อยได้หนึ่งครั้ง  ไก่ไทยป่าก๋อยคงรู้สึกเซ็งมากเพราะวิ่งตามตีไม่ทัน  จึงกลับหลังหันวิ่งแหกปากร้องยอมแพ้ในปลายยกที่  1 เท่านั้นเอง

ผู้สันทัดกรณีย์กล่าวว่า………เกษตรกรและนักพัฒนาไก่ชนของไทยได้นำเอาไก่ชนจากหลายประเทศเข้ามาผสมกับไก่ชนของไทย  ทำให้ได้ไก่ชนที่แข็งแกร่ง  มีชั้นเชิงลีลาการต่อสู้ การเอาตัวรอดเก่ง  มีการตีที่หนักหน่วงรุนแรง ตีถี่ยกเดียวตีได้เป็นร้อยครั้ง และตีแม่นยำอย่างไร้เทียมทาน สมัยก่อนไก่สู้กัน 8 ยกจึงเห็นผลแพ้ชนะ  แต่ปัจจุบันเพียง 2-3 ยกก็รู้ผลแพ้ชนะแล้ว  นับเป็นการก้าวหน้าของวงการไก่ชนไทยอีกขั้นหนึ่งที่น่าติดตาม

ยาดีหมอบอก

ข้าพเจ้ากินยาของโรงพยาบาลมาหลายเดือน  อ่านดูสรรพคุณจากฉลากข้างกล่องความว่า  เป็นยารักษาความดันโลหิตสูงและใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตระยะไม่ร้ายแรง  ข้าพเจ้าคิดว่าโรคต่อมลูกหมากโตต้องมียารักษาโดยตรงเหมือนโรคอื่น ๆ  จึงไม่ลดละที่จะแสวงหาและทดลองใช้เมื่อเห็นว่าน่าจะปลอดภัย  ทำไมข้าพเจ้าจึงไม่ปรึกษาคุณหมอหรือให้คุณหมอสั่งก่อนใช้ยา  เพราะทุกครั้งที่เข้าโรงพยาบาลต้องเข้าคิวรอเกือบทั้งวันเพื่อตอบคำถามคุณหมอเพียงสามคำถามคือ  คุณตาเป็นอะไร  เป็นมานานหรือยัง  แพ้ยาอะไร แล้วรับใบสั่งยาเพื่อไปรับยาที่ห้องจ่ายยา   จะถามอะไรมากกว่าที่คุณหมอถามก็เกรงใจคนไข้ที่รอตรวจอยู่นอกห้อง   ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจหาซื้อยากินเองโดยยึดหลักว่าตรวจร่างกายประจำปีเพื่อให้รู้ว่าเราเป็นโรคอะไร ปรึกษาเภสัชกรร้านขายยา อ่านฉลากยาให้เข้าใจ   ถ้าเป็นยาปฏิชีวนะจะกินติดต่อกันไม่เกิน 7 วันแล้วหยุดเพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้นสี่ห้าวันรอดูอาการ ถ้าอาการไข้ยังไม่หายจึงกินต่อ  คอยระมัดระวังสังเกตดูปฏิกิริยาของร่างกายว่าแพ้ยานั้นหรือไม่  อาการดีขึ้นหรือไม่ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นต้องหยุดกินยานั้นทันที ข้าพเจ้าได้เข้าไปค้นหายารักษาโรคต่อมลูกหมากโตในอินเทอร์เน็ตพบว่า นายแพทย์เปรมสันติ์  สังฆ์คุ้ม  โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เขียนแนะนำวิธีรักษาด้วยยาโดยสรุปว่า ยาที่จะใช้รักษาโรคต่อมลูกหมากโตมีอยู่  3  ชนิด  ได้แก่

1. ยาคลายกล้ามเนื้อเรียบของต่อมลูกหมาก กลุ่มยาพวกนี้ได้แก่  Terazosin,  Doxazosin, Alfuzosin, Tamzulosin, Silodosin  เป็นต้น  ขนาดรับประทาน  1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง  อาการข้างเคียง เวียนศีรษะ  หน้ามืด อ่อนเพลีย  คัดจมูก

2. ยาลดขนาดของต่อมลูกหมาก  กลุ่มยาพวกนี้ได้แก่  Fenasteride, Dutrasteride  เป็นต้น ขนาดรับประทาน  1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง อาการข้างเคียง สมรรถนะทางเพศจะลดลง

ใช้ยาในข้อ 1 และข้อ 2  ร่วมกันนานประมาณ 6-12 เดือน ต่อมลูกหมากจะลดขนาดลงได้ประมาณ  20  เปอร์เซ็นต์

3.  ยาลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ  ยากลุ่มนี้ได้แก่ Oxybutinin,  Toiteridine,  Trospium,  Solifenacin,  Darifenacin  เป็นต้น   ขนาดรับประทาน  1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง เพื่อลดการปัสสาวะบ่อย  แต่ไม่ควรใช้ในกรณีปัสสาวะไม่ค่อยออก หรือเป็นต้อหิน

ข้าพเจ้าได้นำชื่อยาเหล่านี้ไปปรึกษากับเภสัชกรประจำร้านขายยาในเมือง  ซื้อยาในข้อ 1และข้อ 2 ที่ทางร้านมีจำหน่ายได้แก่  Doxazosin  และ  Fenasteride  ทางร้านถามว่าจะรับยาผลิตจากนอกราคาแผงละ  240  บาท หรือยาผลิตในประเทศราคาแผงละ  45  บาท  ข้าพเจ้าตัดสินใจลองใช้ยานอกซึ่งน่าจะปลอดภัยกว่า  โดยซื้อมาอย่างละ  1  แผง ๆ ละ  10  เม็ด  ก่อนออกจากร้านขายยา เภสัชกรสาวเจ้าของร้านบอกว่า น้ำทับทิมแก้โรคต่อมลูกหมากโตได้นะตา  ที่ร้านเซเว่นมีขายค่ะ

หลังรับประทานยาทั้งสองขนานควบคู่กับยาโรงพยาบาลให้มารวมทั้งดื่มน้ำทับทิม  อาการดีขึ้นตามลำดับ  คิดว่าน่าจะกลับมาเป็นปกติได้ภายใน  6  เดือนอย่างที่คุณหมอแนะนำไว้ แต่ผมบนศีรษะที่มีอยู่เพียงน้อยนิดกลับร่วงหล่นเกือบหมด  เข้าศึกษาในอินเทอร์เน็ตจึงรู้ว่ายาลดขนาดต่อมลูกหมากมีผลข้างเคียงทำให้ผมร่วง  

ผีกองก้นกล่าวว่า….  หายใจเข้าอย่างเดียวไม่หายใจออกก็ตาย  หายใจออกอย่างเดียวไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเหมือนกัน  กินอย่างเดียวไม่ถ่ายก็ตาย  ถ่ายอย่างเดียวไม่กินก็ตาย   กินยาแก้ไข้นาน ๆ ตับไตก็พัง  ชีวิตคนเราไม่สมบูรณ์เหมือนผู้หญิงนุ่งห่มผ้าขาวม้า  ห่มข้างบนก็โผล่ข้างล่าง  ห่มข้างล่างก็โผล่ข้างบน  

เทคนิคเชียร์ไก่

เช้าวันหนึ่งตู้เสริฐนำไก่ชนสกุลหม่องตัวที่ซื้อมาใหม่ไปประลองในบ่อนป่าบ้านโสก ข้าพเจ้าจึงติดรถไปด้วย  เมื่อไปถึงกลางหมู่บ้านได้แวะจอดรถถามเจ้าของร้านซ่อมรถประจำหมู่บ้าน เจ้าของร้านชี้มือไปทางท้ายหมู่บ้านพร้อมบอกว่า  ขับรถตรงไปประมาณ 1 กม. เลี้ยวขวาตรงไปไม่ไกลนักจะมองเห็นบ่อนไก่ตั้งอยู่ในป่าริมทุ่งนา   พวกเราไปถึงบ่อนไก่ประมาณ  10  โมงเช้า  ไก่ชนกันหลายคู่แต่ส่วนมากเสมอกันเพราะชนเพียง  3  ยก  ข้าพเจ้าแทงเสมอเลิกทุกคู่ได้เงิน  500  บาท  ไก่ตู้เสริฐเป็นไก่พม่าโบราสีกรดแข้งดำ  ชั้นเชิงไม่มียืนโด่หาหัวไม่เป็น แต่ตีหนักหน่วงรุนแรง  ยืนเป็นล้ม ก้มเป็นชัก  ลงมีหักมีนอน  เปรียบได้คู่กับไก่ไทยเหลืองลูกปลาหางขาว เป็นไก่ของหนุ่มบ้านโสก  ข้าพเจ้าเข้าไปเลียบเคียงสอบถามเจ้าของไก่ได้ความว่า เป็นไก่ใหม่ เชิงล่างมุดมัดกัดตีซอกตีหลังหนักหน่วงรุนแรง  ตกลงชนกัน  3  ยก เดิมพันขัางละ  660  บาท  ข้าพเจ้า ตู้สิทธิ์หัวหยองชาวบ้านดอนสร้างไพ  ตู้ไพหน้าแหลมชาวบ้านดงบัง และบักหำน้อยหัวงอนชาวบ้านทุ่งแกซึ่งเป็นมือน้ำไก่ตู้เสรฺิฐลงเดิมพันคนละ  110  บาท ตู้เสริฐเจ้าของไก่ได้ลงเดิมพันเต็มที่  220  บาท  ส่วนฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ว่าพวกเขาแบ่งเดิมพันเล่นกันอย่างไร  ยกที่  1  พอมือน้ำปล่อยหางจึงเห็นชัดว่าไอ้กรดได้เปรียบทั้งสูงและทั้งใหญ่ผิวแดงเข้มหน้าเป็นมันแสดงถึงพละกำลังเพราะเลี้ยงมาอย่างดี   ส่วนไอ้เหลืองทั้งเล็กทั้งเตี้ยหน้าซีดอีกต่างหาก  ไก่ทั้งคู่เตะสาดกระดานกันไปมาจนถึงกลางยก  เซียนไก่เอาไอ้กรดต่อ 5-4 ไป  3-2  ไป  2-1  ไป  5-2 , 3-1  มีติดกันหลายขุม ไอ้เหลืองเข้าทำเชิงมุดมัดกัดตีซอกตีหลังได้สองสามทีแล้วมุดอยู่หว่างขา บางครั้งก็มุดเข้าปีก  ไม่ยอมขึ้นมาสู้ ไอ้กรดก็ยืนหมุนไปหมุนมา แต่เซียนไก่ต่างมองอนาคตราคาต่อรองจึงไหลไป ถึง 6-1  ไก่ทั้งคู่เตะกันน้อยมาก ข้าพเจ้าจึงแทงเสมอเลิกติดมา  200  บาท  ขึ้นยกที่  2  เกมการต่อสู้ยังเป็นไปในลักษณะเดิม  ตู้เสริฐเอาเลิกต่อ  3-1  ตู้มาบ้านหนองน้อยกับตู้จันดีบ้านทุ่งปลากัดรองไว้คนละ 100  บาท   ขึ้นยกที่  3  ต้นยกไก่ทั้งคู่สู้กันอย่างดุเดือด เสียงเชียร์ไก่ทั้งสองฝั่งดังสนั่นป่า แล้วไอ้เหลืองเข้าซุกหว่างขาไม่ยอมออกมาสู้เหมือนเดิม  เซียนไก่ต่างเอาเลิกต่อถึง  10-1  แต่ไม่มีใครกล้ารอง  ทันใดนั้นทุกอย่างก็พลิกผันเมื่อบักหำน้อยร้องลากเสียงยาว ๆ ว่า   จ้  อ  ก   ๆ    ๆ  ฟังดูคล้ายเสียงไก่เห็นศัตรูกำลังมา  ไอ้เหลืองโผล่หัวขึ้นมามองไปทางต้นเสียงโดยไม่สนใจคู่ต่อสู้  ไอ้กรดได้ที่จิกหน้าหอนตีกระบานไอ้เหลืองดังโป๊ก ไอ้เหลืองปีกกางหางบานวิ่งชนขอบสังเวียน  ไอ้กรดวิ่งไล่ตามไปประเคนเดือยใส่หัวไอ้เหลืองดังโป๊ก ๆ ๆ  อย่างเมามัน   ไอ้เหลืองวิ่งหนีเอาตัวรอดพร้อมกับแหกปากร้องยอมแพ้  กรรมการจับไก่ทั้งคู่มาสู้กันที่กลางสังเวียนแต่ไอ้เหลืองขนหัวลุกชี้โด่เด่สบัดหน้าวิ่งหนีอีก  กรรมการจึงจับไอ้กรดชูขึ้นให้เป็นผู้ชนะ   บักหำน้อยอุ้มไอ้กรดเดินมากระซิบเบา ๆ ว่า  ผมทำอย่างนี้มาสองครั้งแล้วชนะทุกครั้ง  และครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม  ข้าพเจ้าหัวเราะแหะ ๆ เพราะต้องจ่ายเสมอเลิกไป  200  บาท ได้เดิมพันมา 100  บาท  ขาดทุน  110 บาทเป็นค่าประสบการณ์  ขณะนั่งรถกลับบ้านตู้เสริฐเจ้าของไอ้กรดบ่นอุบเพราะไก่ตัวเองชนะแต่เสียตังค์ เนื่องจากเอาเลิกต่อ  3-1  โดนไปสองขุมเป็นเงิน  600  บาท

ผีกองก้นกล่าวว่า….

ความหวัง

ข้าพเจ้ามีลูกชายสองคน  คนโตชื่อวรวิทย์ ชื่อเล่นทีม เรียนจบปริญญาโท รับราชการครูสอนคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนมัธยมเจริญศิลป์ศึกษาโพธิ์คำอนุสรณ์  เขาเป็นคนที่ขยันขันแข็งและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงซึ่งมักจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดในอาชีพรับราชการที่ยึดระเบียบกฏหมายที่เปลี่ยนแปลงบ่อย  เขามีอารณ์อ่อนไหวง่ายมักพูดจาโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นจนข้าพเจ้ารู้สึกเป็นห่วง  เกรงว่าเพื่อนร่วมงานจะรังเกียจรังแกเอาได้   ขณะเขียนเรื่องนี้เจ้าทีมอายุได้  35  ปี  แจ้งว่าจะขออยู่เป็นโสดอยู่กับพ่อแม่ต่อไป  ความหวังที่จะมีลูกสะใภ้และมีหลานก็เป็นอันชะลอไว้ก่อน  ปล่อยให้เขาลิขิตชีวิตของเขาตามใจชอบ  พ่อกับแม่ก็คอยดูแลเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ  ให้คำแนะนำและช่วยเหลือเมื่อเขามาปรึกษา  ส่วนลูกชายคนเล็กชื่อกิตติชัย ชื่อเล่น แตงไทย  เรียนจบปริญญาตรี วิชาเอกคอมพิวเตอร์ศึกษา มีนิสัยไม่ค่อยพูด ไม่กล้าตัดสินใจ ชอบทำงานตามคำสั่ง ตามใจคนอื่นเกินไปจนปฏิเสธใครไม่เป็น ชอบทำอาหารและบริการคนอื่น  มีเพื่อนมาก ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นกังวลว่าจะเอาตัวไม่รอด แต่ถ้าได้คู่ครองที่ดีจะทำให้เขาประสบความสำเร็จได้  พอเรียนจบแม่พาไปฝากญาติให้เป็นครูสอนที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต  สอนได้หนึ่งเทอม เจ้าแตงไทยเล่าประสบการณ์ชีวิตให้ฟังว่า  งานมากเพราะต้องไปรับนักเรียนที่บ้านตั้งแต่ตี 5 สอนวิชาการงานตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.6 เลิกเรียนต้องไปส่งนักเรียนกลับบ้าน กว่าจะกลับถึงบ้านพักก็ประมาณ 6 โมงเย็นถึง  1 ทุ่ม  กลางคืนซ้อมดนตรีให้นักเรียนถึง 2 ทุ่มกว่า  เพื่อนครูลาออกไปหลายรุ่นแล้ว ยังคงเหลือเขากับเพื่อนครูที่สอนภาษาจีนซึ่งไม่มีวุฒิทางครูอีกหนึ่งคน  เขาได้รับเงินเดือน ๆ ละ 9,000  บาท จ่ายค่าเช่าบ้านเดือนละ  2,000  บาท ค่าน้ำค่าไฟเดือนละ  500  บาท  ค่าซักเสื้อผ้า ค่าสบู่ ยาสีฟัน ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่มเป็นต้น   ถ้าเป็นวันราชการประหยัดหน่อย ตอนเช้ากินข้าวต้มของโรงเรียน กลางวันกินอาหารกับนักเรียน  ตอนเย็นซื้อกินที่ตลาด  บางวันโชคดีนักเรียนนำอาหารมื้อกลางวันจากบ้านมาฝาก  เขาจะเก็บไว้กินมื้อเย็น  ส่วนวันหยุดราชการต้องจ่ายค่าอาหารเองทั้งสามมื้อ  ข้าพเจ้าอดหัวเราะไม่ได้ที่คนหนุ่มอย่างเขาก็ยังอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบจนมีเงินเหลือเก็บตั้ง 15,000  บาท ฝากไว้ในธนาคารโดยไม่ยอมเบิกมาใช้  เขาลาออกจากงานเพื่อกลับมาอ่านหนังสือตามคำแนะนำของข้าพเจ้าที่เขียนจดหมายไปถึงหลังจากพาเขาไปสมัครสอบบรรจุครูที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย

ก่อนถึงวันสอบหนึ่งวันเพื่อนของเขาซึ่งเป็นคนอำเภออากาศอำนวยสองคนเอารถมารับไปพักที่โรงแรมในเมืองโพนพิสัยสามคืน  หลังสอบเสร็จเพื่อนมาส่ง  ผลการสอบออกมา ทั้งสามคนไม่มีชื่อในบัญชีผู้สอบได้  สาเหตุอาจเป็นเพราะทั้งสามสหายมัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบนั่นเอง  ทราบว่าเพื่อนคนหนึ่งเป็นครูสอนโรงเรียนเอกชน  อีกคนหนึ่งเปิดร้านทำไอศครีมทั้งขายปลีกและขายส่ง ข้าพเจ้าไม่มีเส้นสายในวงราชการ และไม่มีเงินมากพอที่จะฝากลูกเข้าทำงาน แต่ก็ยังหวังลึก ๆ ว่า ลูกชายคนเล็กจะต้องสอบบรรจุเป็นครูได้ และสามารถหาคู่ครองที่ดีและเหมาะสมได้ด้วยตัวเอง

ผีกองก้นกล่าวว่า  ทุกคนมีความหวังเป็นของตัวเอง  สมหวังหรือไม่ขึ้นอยู่กับโอกาส การตัดสินใจ และความสามารถ เมื่อชีวิตเราตกต่ำจนถึงก้นหลุมจงอย่าขุดดินเพิ่ม  แต่จงพยามยามปีนขึ้นมาจากหลุมให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก

 

ซุ้มกระบองแลกช้าง

ใต้ต้นมะขามคู่หน้าบ้านข้าพเจ้าเป็นสถานที่ชุมนุมของมิตรสหายรุ่นน้องที่ชื่นชอบไก่ชนทั้งในหมู่บ้านและต่างถิ่นแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนมิได้ขาด  ข้าพเจ้าตั้งชื่อซุ้มไก่ชนของตัวเองว่า ซุ้มกระบองแลกช้าง  ซึ่งหมายถึงซุ้มไก่ที่ลงทุนน้อยแต่มีไก่เก่งชนะในบ่อนใหญ่ได้  ข้าพเจ้าเลือกซื้อไก่ชนที่เชิงดีตีเจ็บที่ชนเสมอหรือแพ้ในบ่อนเพราะความเสียเปรียบรูปร่าง อายุ หรือความแข็งแกร่งมาตัวละ 150 -200  บาท  นำมาเป็นพ่อพันธุ์ผสมกับไก่ตัวเมียที่คัดสรรแล้ว  เมื่อผสมหลายรุ่นก็ได้ไก่เก่งเชิงดีตีเจ็บตามที่ต้องการ  ข้าพเจ้านำไก่ตัวเก่งไปเปรียบชนในสนามปีละครั้งสองครั้งเป็นอย่างมาก  บางปีก็ไม่ได้ชนเพราะเปรียบไม่ได้เนื่องจากคู่ต่อสู้กลัวเงินเดิมพันและจำนวนยกของข้าพเจ้า  บางครั้งเปรียบได้แล้ว  เจ้าของไก่คู่ต่อสู้อยากชน  8  ยก เดิมพัน  5,500  บาทแต่ข้าพเจ้าขอชน  3  ยก  เดิมพัน 110  บาท  พวกเขาเกิดความเกรงกลัวรีบอุ้มไก่หนีทันที   ห้าปีสิบปีได้ชนครั้งสองครั้งเพราะมิตรสหายเห็นไก่ข้าพเจ้าได้เปรียบใหญ่กว่าสูงกว่า จึงลงขันช่วยจนบางครั้งเงินเดิมพันไม่พอแบ่งกัน  จำนวนยกจะเพิ่มตามเสียงส่วนใหญ่ของผู้ลงขันเล่นแต่ต้องชนไม่เกิน  4  ยกเพราะใจไม่หินพอ ถ้าภายใน  4  ยกไก่ไม่แพ้ชนะก็ยกเสมอกัน  นำไก่กลับไปปัวใครปัวมัน(รักษาใครรักษามัน)  ถือคติว่า  ฝากไว้ก่อนโอฬาร

ข้าพเจ้าตั้งชื่อไก่ตัวเก่งไว้ทุกตัวตามลักษณะลีลาเชิงชนเพื่อให้จำง่ายเช่น ขุนดัน ขุนดึง  ขุนเด้ง  ขุนฆ้อน ขุนศอก ขุนสะหลอย ขุนเข่า  เห่าดง  จงอาง มังกรไฟ ไอ้ย๊อกหยอย  ผีกองกอย  ผีกองก้น มนต์ดำ  จั่นเจา ขงเบ้ง โจโฉ จอมโว จอมเสียบ  จอมมาร  ท่านขุน  รามสูรย์ โจรกระจอก  ดาบห้อย   จอมยุทธ   จ้อดบู้ท ไอ้หน้าตั้ง  ฟ้าสั่ง  ฟ้าผ่าแล้ง  ฟ้าสะเทือน ฟ้ามีชัย  เป็นต้น

สี่สิบกว่าปีที่ข้าพเจ้าหลงไหลโลดแล่นอยู่ในแวดวงไก่ชน  เป็นทั้งเจ้าของซุ้ม ผู้เพาะ ผู้เลี้ยง  ผู้เปรียบไก่ มือน้ำ ผู้เล่น เซียนไก่ เจ้าของบ่อน  ชีวิตหลังเกษียณยังคงมีภาระผูกพันอยู่กับไก่ชนตั้งแต่เช้ายันค่ำแทบทุกวันเช่น  ตื่นนอนตี  4 เปิดไฟสนามเล่นแบดมินตันกับแม่บ้าน  รดน้ำต้นไม้   เก็บกวาดขยะและใบไม้พร้อมนำไปทิ้งลงถังขยะเทศบาล  ย้ายไก่ชนไปไว้ใต้ต้นไม้พร้อมให้น้ำและอาหารไก่ชน ไก่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์และลูกไก่  เก็บกวาดขี้ไก่นำไปใส่ต้นไม้  แปรงฟัน อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ กินข้าว  แปรงฟัน หาน้ำเย็นใส่กระติกไปต้อนรับแฟนไก่ชนที่อุ้มไก่มาลงนวมที่สนามไก่ชั่วคราวใต้ต้นมะขามคู่หน้าบ้าน  นั่งคุยและชมการลงนวมไก่จนกระทั่งแม่บ้านขี่จักรยานกลับมาทานข้าวมื้อกลางวันด้วยกัน  บางวันมีลงนวมไก่ภาคบ่ายจนถึงเวลาแม่บ้านและลูกชายกลับจากโรงเรียน  เก็บไก่เข้าประจำที่ในซุ้ม ให้น้ำและอาหารไก่ทั้งสองที่ มอบหมายให้วัยรุ่นและเด็ก ๆ ทีมานั่งรอข้างสนามเพื่อเล่นแบดมินตันช่วยกันกางมุ้งให้ไก่ในสุ่ม ตะโกนสั่งให้ลูกชายคนเล็กไปนำไม้ตีและลูกแบดมินตันออกมาแจกจ่าย  แบ่งฝ่ายเล่นจนถึงหนึ่งทุ่มจึงปิดไฟสนามแยกย้ายกันกลับบ้าน  อาบน้ำกินข้าวดูที วี  เข้าเน็ต เขียนเว็บ  ทานยา ไหว้พระสวดมนต์ นอน  ตื่นนอน ตี 4 ทำภารกิจเหมือนเดิม  ถ้าเป็นวันเสาร์วันอาทิตย์ตอนเช้าไปทำบุญที่วัด ตอนสายไปเล่นไก่ให้ได้ร้อยสองร้อยแล้วต้องรีบกลับมาให้อาหารไก่และเก็บไก่เข้านอน  ขณะนี้ข้าพเจ้าอายุย่างเข้า  72  ปี เป็นข้าราชการบำนาญ  เจ้าของซุ้มไก่กระบองแลกช้าง  ประธานชมรมแบดมินตันเจริญศิลป์  ดำเนินชีวิตด้วยความประมาทมาเป็นเวลาช้านาน น่าจะถึงเวลายุติการเล่นไก่ได้แล้วจึงจัดการขายไก่ชนที่เลี้ยงไว้พร้อมสุ่มไก่ทั้งหมดในราคาย่อมเยา  แต่เพื่อไม่ให้ชีวิตที่กำลังสนุกสนานครึกครื้นม่วนชื่นโฮแซว เกิดความหงอยเหงาเศร้าซึมและตายก่อนวัย 150  ปี  ชีวีสุขสันต์ ข่าพเจ้าจะเล่นอะไรดี  เพื่อนบางคนแนะนำว่าอยู่เฉย ๆ จะเป็นโรคซึมเศร้า  ถ้าไม่มีอะไรจะเล่นก็ให้เล่นไข่หำของตัวเอง

ผีกองก้นกล่าวว่า…. เล่นการพนันมีได้มีเสียแต่ได้ความเร้าใจ  เล่นกีฬาเสียเหงื่อแต่ได้ความแข็งแรง เล่นสาวเสียทั้งเงินและเสียทั้งแรงแต่ได้ความเพลิดเพลิน  จะเล่นอะไรให้เล่นแต่พอประมาณเช่นซื้อหวยงวดละไม่เกิน 10 บาท เพื่อให้ได้ลุ้น  เล่นไก่นัดละไม่เกิน  20  บาท เพื่อออกกำลังสมองมิให้เป็นอันไซเมอร์  เล่นกีฬาทุกวันแต่ต้องเล่นไม่เกิน  30  นาที เล่นสาวเอาแค่ฝันถึงก็พอเพื่อให้จิตใจกระชุ่มกระชวย  พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า เล่นนับลมหายใจของตัวเองดีที่สุดเพราะเป็นทางไปสู่นิพพานอันเป็นที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ทั้งปวง

โรคหัวใจกำเริบ

หลังเกษียณอายุราชการแล้ว  เงินบำนาญเหลือน้อยแต่ค่าครองชีพแพง  จึงต้องใช้เงินอย่างประหยัด ตัดรายจ่ายให้น้อยลง  บ้านที่อยู่ก็ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาและที่สำคัญคือปลวกขึ้นกินฝาและไม้กระทงเพดานบ้านแล้ว  ข้าพเจ้าได้เงินลาออกจาก กบข.จำนวนหนึ่งบวกกับเงินลาออกจาก กบข.ของแม่บ้านอีกจำนวนหนึ่ง  รวมกันได้สี่แสนกว่าบาท  ข้าพเจ้าวางแผนใช้เงินจำนวนนี้ให้ได้สองอย่างในเวลาเดียวกัน  คือเปลี่ยนหลังคาบ้านและหลังคาระเบียงบ้านใหม่จากโครงหลังคาไม้มุงด้วยสังกะสีเป็นโครงหลังคาเหล็กยกดั้งสูงมุงด้วยกระเบื้องซีแพ็ค ตัวบ้านยังคงเดิมแต่ทาสีใหม่  ใช้เวลาเพียงสิบห้าวันก็เสร็จ  ส่วนโครงหลังคาบ้านและโครงหลังคาระเบียงบ้านพร้อมด้วยสังกะสีก็นำไปดัดแปลงเป็นหลังคาคาร์แคร์ให้ลูกชายคนเล็กที่ยังสอบบรรจุครูไม่ได้รับจ้างล้างรถรอสอบไปก่อน  ชีวิตข้าพเจ้าก็คงเหมือนบ้านเก่าที่ต้องซ่อมแซม

บ่ายวันหนึ่งหัวใจของข้าพเจ้าเต้นเร็วรัวยังกะตีกลอง  เหงื่อกาฬไหลจนเสื้อเปียกชุ่ม ข้าพรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมากจนแทบทนไม่ไหว รีบกินยาหัวใจเพิ่มอีกหนึ่งเม็ดแต่อาการไม่ดีขึ้น  แม่บ้านจัดที่ให้นอนใต้พัดลม  ข้าพเจ้านอนเอามืกุมหน้าอกด้านซ้ายที่หัวใจกำลังเต้นรัวด้วยความรู้สึกที่ทรมาณมาก  คิดว่าคงต้องตายในไม่ช้าเพราะกว่าจะถึงมือหมอหัวใจ  คงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งวัน   ขณะที่นอนรอความตายนั้นข้าพเจ้านึกถึงทางไปนิพพานด้วยความรู้สึกที่ปลอดโปร่งโล่งใจ  รู้สึกอยากน้ำผลไม้กระทกรกขึ้นมาอย่างกระทันหัน  จึงให้ลูกชายไปซื้อที่ร้านโลตัสใกล้บ้าน  แต่กลับได้น้ำทับทิมมาสองขวด  ข้าพเจ้ารีบเปิดเทใส่แก้วยกขึ้นดื่มอย่างกระหาย  หัวใจของข้าพเจ้ากลับมาเต้นเป็นปกติในทันทีแต่อาการเจ็บปวดยังคงมีอยู่บ้างนิด ๆ  ข้าพเจ้ารีบลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายร่ายรำมวยจีนผสมมวยไทย ชกลม ฟันศอก แทงเข่า หัวเราะฮ่ะ ๆ ๆ จนแม่บ้านตกใจนึกว่าผีเข้า

ผีกองก้นอธิบายอย่างน่าเวียนหัวว่า…สรรพสิ่งเป็นอนิจจังคือไม่เที่ยงเพราะเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ไม่อยู่ในสภาพเดิม ทุกขังเป็นทุกข์  เพราะเสื่อมไป สิ้นไป ผุพังไปตามกาลเวลาเร็วบ้างช้าบ้าง  อนัตตาไม่ใช่ตัวตน เพราะที่เราเห็นเป็นรูปร่างเป็นตัวตนนั้นเป็นเพียงสันตติคือการสืบต่อ  เช่นตัวละครที่หัวเราะร้องไห้ในภาพยนตร์ที่เราเห็นบนจอเป็นเพียงภาพที่ฉายต่อ ๆ กันด้วยความเร็ว 24  ภาพต่อวินาทีเท่านั้นเอง  ดังนั้นผีกองก้นที่เห็นอยู่ขณะนี้ไม่ใช่ผีกองก้นตัวเดิม ที่เราเห็นเมื่อวานนี้  แต่ก็ไม่ใช่ผีกองก้นตัวใหม่  เป็นเพียงการสืบต่อระหว่างผีกองก้นเมื่อวานนี้กับผีกองก้นขณะนี้เท่านั้นเอง  

 

 

 

 

 

 

(

2 Comments

  1. ต๋อย พูดว่า:

    หนู และญาติพี่น้องทุกคนทางด่านม่วงคำรักและเป็นห่วงพี่ชายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะคะ ดูแลตัวเอง ให้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆพักผ่อนเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ออกกำลังกายพอควรแก่วัยอย่าหักโหม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เน้นผัก ผลไม้ ที่สำคัญอย่าไปเบิ่งไก่ตีกัน มันจะตื่นเต้นแฮง หัวใจจะทำงานหนักเกินไป ถึงแม้พวกหนูจะไม่ได้ไปเยี่ยม ไปหาบ่อยๆๆๆๆ ขอให้พี่ชายรับรู้ไว้ว่า ….ทุกคนเป็นห่วงเสมอ…. ฝากกำลังใจมาอยู่ใกล้ๆๆๆๆๆพี่ชายที่แสนดีคนนี้…..เราจะพบกันเมื่อมีงานวันขึ้นปีใหม่ วันแม่ วันสงกรานต์ วันแห่งความชื่นชมยินดีในโอกาสต่างๆนะคะ ด้วยความรักและห่วงใยเสมอ

    • porkru พูดว่า:

      ต๋อย น้องรัก
      แธงกิ้วเฟรี่มัชที่เป็นห่วง แมนี่ แมนี่ แธงส สำหรับคำแนะนำทั้งหลายทั้งปวง สัญญาว่าจะนำไปปรับใช้ตามเหมาะสมครับ พี่ทราบซึ้งในน้ำใจของญาติพี่น้องทุกคนเสมอ ไม่มีสิ่งใดตอบแทนหรือชดเชยให้นอกจากความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้ไม่เคยเปลี่ยน และไม่มีคำใดจะกล่าวนอกจากคำว่า รักคิดถึงและเป็นห่วงเสมอเช่นเดียวกัน