2 บทกลอน
…………………………..
กลอนที่ 1
กลัวตายฟรี
………………………….
บัดนี้เรา ป่วยไข้ ใกล้ตายแล้ว
ไร้วี่แวว เทวดา ไม่มาหา
ยมทูต อยู่ไหน ไม่เห็นมา
บุญที่ข้า ทำไว้ อยู่ไหนกัน
อีกกรรมชั่ว กรรมดี ที่ทำไว้
อยู่แห่งไหน รีบมา พาตัวฉัน
ไปสู่ภพ ภูมิใหม่ ให้ทันการณ์
ก่อนถูกท่าน ยมบาล มาเอาไป
หรือทุกสิ่ง ที่เล่าขาน เป็นเรื่องเท็จ
พอตายเสร็จ ก็หายวับ ดับสลาย
เหมือนหมูเห็ด เป็ดไก่ ที่วางวาย
เหลือร่างกาย เป็นอาหาร สัตว์อื่นกิน
ส่วนวิญญาณ ตายแล้ว ก็ดับสูญ
กุศลบุญ ที่ทำไว้ ก็หายสิ้น
อีกร่างกาย ตายแล้ว ก็เป็นดิน
ทุกสิ่งสิ้น ดับสลาย ไปตามกาล
ยิ่งคิดไป ความสงสัย ก็ยิ่งมาก
เพื่อนรับปาก ว่าถ้าตาย ไปสวรรค์
จะโทร.หา ส่งข่าว มาทุกวัน
หรือว่ามัน ถูกถีบลง กระทะทอง
ถูกทรมาณ ทรกรรม จนช้ำชอก
ถูกคมหอก ทิ่มแทง สยดสยอง
ถูกกาจิก ลากใส้ เลือดไหลนอง
แหกปากร้อง โอดโอย ให้ช่วยมัน
หรือไปเกิด เป็นสัตว์ เป็นเปรตผี
หรือไม่มี โทรศัพท์ ในภพนั้น
นั่งนอนรอ ฟังข่าว ทุกคืนวัน
ยังเงียบงัน นึกหวั่นไหว กลัวตายฟรี
…………………………..
กลอนที่ 2
ไปไหนดี
………………………..
พุทธห่มพราหมณ์ สอนเรา เอาไว้ว่า
มีชาติหน้า บาปบุญ ไม่สูญหาย
พอตายปั๊บ วิญญาณก็ ล่องลอยไป
หาเกิดใหม่ ตามกรรม ที่ทำมา
เช่นคนทำ กรรมชั่ว เอาไว้มาก
หลังตายจาก อาจไปเกิด เป็นหมูหมา
คนทำดี อาจไปเกิด เป็นเทวดา
พวกหมูหมา ทำดีไว้ ได้เป็นคน
จึงควรหมั่น ทำดี ไว้ให้มาก
ความดีจัก บันดาล ประทานผล
ส่งไปเกิด บนสวรรค์ หรือเป็นคน
มีหรือจน ตามกรรม ที่ทำมา
วิทยาศาสตร์ สอนไว้ ให้เราคิด
ทุกชีวิต เกิดตามเหล่า เผ่าพงศา
เช่นแม่ช้าง ไม่เคยออก ลูกเป็นลา
อีแม่หมา ออกลูกมา เป็นหมาชัวร์
อลัชชี พิสดาร พันลือลึก
สอนตามนึก นี่นั่น น่าเวียนหัว
ข่มขู่คน อ่อนไหว ให้เกรงกลัว
ชี้ทางมั่ว เรื่อยไป ไร้หลักการ
พุทธองค์ ทรงสอน ให้ดับทุกข์
เพื่อถึงสุข ปรีดิ์เปรม เกษมศานต์
สุขสงบ ตลอดไป ชั่วนิรันดร์
ถึงนิพพาน ก่อนที่ ชีวีวาย
นั่งทบทวน ความรู้เดิม เติมความคิด
หลังชีวิต ตายแล้ว จะไปไหน
นั่งเฝ้ารอ ยมบาล มาเอาไป
นอนรอให้ เทพธิดา มาพาไป
หรือทำตาม คำสอน พระพุทธเจ้า
ดูลมเข้า ลมออก ไม่ไปไหน
ละตัณหา ความอยาก ออกจากใจ
ดับทุกข์ได้ ก่อนลาลับ ดับชีพลง
…………………………………….