ผีพราย
หลังจากชาวบ้านที่เป็นสหายทั้งหลายเหมารถสองแถวไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว ความสงบก็กลับคืนมา ออกพรรษาแล้วอากาศเริ่มเย็นลง ใกล้รุ่งนกแจนแวนเริ่มร้องบอกผู้คนว่าฤดูหนาวกำลังจะมาถึง ยามดึกสงัดได้ยินเสียงเหมือนไก่เรียกลูก ๆ กุ๊ก ๆ ๆ บริเวณริมสระน้ำของโรงเรียนหลังบ้านพักครู วันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารมื้อค่ำแล้วท้องฟ้าเปิดไร้เมฆหมวก เดือนหงายส่องสว่างนวลชวนให้หลงไหลจึงนำแอ๊คคอเดี้ยนเก่า ๆ ออกมาเล่นเพลงไทยดำรำพันที่ระเบียงบ้านพักครูอยู่คนเดียว เพื่อนบ้านหนุ่ม ๆหลายคนที่อยู่ฟากถนนหน้าบ้านพักครูลงจากบ้านมาร่วมวงคุยด้วยเช่นเคย หนูพินเพื่อนบ้านคนหนึ่งถามว่า เมื่อคืนลูกพี่ได้ยินเสียงผีพรายร้องเรียกลูกของมันหรือเปล่า ข้าพเจ้าตอบว่า เปล่า แล้วผีพรายมันเป็นตัวยังไงและมันร้องทำไมหรือ หนูพิน บอกว่า ผีพรายมีลักษณะเหมือนแม่ไก่ สีขาว มันร้องเรียกลูก ๆ ของมันดัง กุ๊ก ๆ เหมือนแม่ไก่ เรามักจะพบเห็นพวกมันพาลูก ๆ ออกหากินในเวลากลางคืนเดือนหงาย เจ้าสีหาเหตุ เพื่อนบ้านคนหนึ่งเล่าว่า เมื่อปีที่แล้วผมไปจีบสาวบ้านทุ่งมนในหน้าหนาวอย่างนี้แหละ ขากลับเดือนหงายเหมือนกลางวัน ระหว่างทางได้พบผีพรายเหมือนแม่ไก่สีขาวพร้อมกับลูก ๆ ของมัน วิ่งมาพันแข้งพันขา ผมตกใจมากไล่เตะพวกมันแต่เตะไม่ถูกซักตัว จึงวิ่งหนีพวกมันกลับบ้านอย่างสุดชีวิต กลับถึงบ้านแล้วเป็นไข้นอนซมตั้งหลายวัน หนูพินเสริมว่า บางครั้งผีพรายแปลงร่างเหมือนแม่เป็ดเทศสีขาว ใหญ่เท่าจอมปลวกสูงท่วมหัว น่ากลัวมากครับ ข้าพเจ้าหัวเราะบอกว่า คืนนี้ใครจะอยู่เป็นเพื่อนพี่จับผีพรายบ้างครับ ทุกคนปฏิเสธ ดึกแล้ววงสนทนาแตกเพราะความง่วง เพื่อนบ้านต่างแยกย้ายกลับไปนอน ข้าพเจ้าเปิดประตูไว้เตรียมลงไปจับผีพราย เปิดมุ้งเข้าไปนั่งไหว้พระสวดมนต์แล้วล้มตัวลงนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงดัง กุ๊ก ๆ ๆ ๆ ด้านหลังบ้านพัก หัวใจเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เห็นผีพรายตัวจริง ค่อย ๆลุกขึ้นนั่งหยิบหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้วที่วางไว้ข้างที่นอน เปิดมุ้งคลานออกมาตรงประตูที่เปิดไว้ ค่อย ๆเลื่อนก้นลงไปนั่งบนบันไดขั้นที่สาม จ้องมองไปที่ได้ยินเสียงร้องกุ๊ก ๆ ด้วยใจระทึก ขึ้นหนังสติ๊กเตรียมพร้อมยิง เสียงร้อง กุ๊ก ๆ ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทันใดนั้นผีพรายในร่างของนกพิราบขาวก็โผล่ออกมาจากพงหญ้าท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสว่างเหมือนกลางวันโดยมีลูกน้อยสองตัวเดินตามหลังออกมา ผีพรายตัวแม่ส่งเสียงร้องกุ๊ก ๆ ตลอดเวลา ขณะที่พวกมันกำลังเดินหันซ้ายหันขวาเข้ามาใต้ถุนบ้านพักอย่างระมัดระวัง ข้าพเจ้าจ้องเล็งไปที่กลางลำตัวแม่ผีพรายแล้วยิงทันที ผีพรายในร่างของนกพิราบขาวกระโดดบินไปร้องกุ๊ก ๆ เรียกลูกของมันอยู่ที่คูสระน้ำของโรงเรียนซึ่งอยู่ห่างออกไป ข้าพเจ้าเดินไปสำรวจร่องรอยบริเวณที่แม่ผีพรายถูกยิงพบเพียงขนสีลายขาวสลับดำจาง ๆเส้นเล็ก ๆ เพียงเส้นเดียว จึงเก็บไว้อวดเพื่อนบ้านในวันรุ่งขึ้น ทุกคนลงความเห็นว่ามันเป็นขนนกกะบาหรือนกขี้คร้านสมัยเด็ก ๆ ข้าพเจ้าเคยไล่ยิงนกชนิดนี้หลายครั้งแต่ไม่เคยยิงมันได้เลยสักครั้ง มันเป็นนกกลางคืนที่กินอยู่หลับนอนเฉพาะบนพื้นดิน หากจำเป็นต้องหลบภัยจะบินไปเกาะเฉพาะต้นไม้หรือกิ่งไม้ที่ตายแล้วเท่านั้น หนูพิน สรุปอย่างศาลรัฐธรรมนูญไทยว่า เพราะลูกพี่เคยบวชเรียนและมีพลังอำนาจจิตสูง ผีพรายมันกลัวจึงแปลงร่างมาให้เห็นเป็นเพียงนกกะบาตัวเล็ก ๆ เท่านั้น
คุณต้องทำได้
บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังสอนภาษาอังกฤษอย่างสนุกสนาน ท่านอาจารย์สม-อก เดชภูมี ครูใหญ่ในขณะนั้นให้นักเรียนมาตามข้าพเจ้าไปพบที่ห้อง ท่านบอกว่า คุณวิทิต พรุ่งนี้จะมีการประชุมสัมมนาเรื่องหลักสูตรใหม่ที่โรงเรียนของเรา นี้คือหนังสือหลักสูตรใหม่ คุณนำไปอ่านทำความเข้าใจ วันพรุ่งนี้ให้คุณเป็นวิทยากรแทนผม ข้าพเจ้าหัวเราะเรียนท่านไปว่า ผมยังเป็นครูใหม่จะให้ผมข้ามขั้นไปเป็นวิทยากร คุณครูผู้อาวุโสท่านอื่นจะว่าเอานะครับ และอีกอย่างหนังสือยังไม่ได้อ่านให้ไปเป็นวิทยากรคงจะไม่ไหว ผมเกรงว่าจะทำให้ท่านขายหน้านะครับ ให้คนอื่นแทนไม่ดีกว่าหรือครับ ท่านอาจารย์สม-อก หัวเราะบอกว่า ผมได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว คุณเคยบวชเรียน ต้องเคยเทศน์มาหลายครั้ง การเป็นวิทยากรก็เหมือนเทศน์นั้นแหละ ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย อีกอย่างมีวิทยากรจากโรงเรียนอื่นมาร่วมอภิปรายถึง 3 คน สำหรับโรงเรียนของเราคุณเหมาะสมที่สุด ตอนแรกคุณก็ฟังคนอื่นพูดไปก่อนผมจะขอให้คุณอภิปรายเป็นคนสุดท้าย เอาหนังสือนี้ไปอ่านก็แล้วกัน พรุ่งนี้เป็นวิทยากร ผมเชื่อว่าคุณต้องทำได้ ข้าพเจ้าไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หลังเลิกเรียนข้าพเจ้าหยุดพักออกกำลังกายหนึ่งวัน อ่านหนังสือหลักสูตรใหม่ 2521 ที่ครูใหญ่ให้มา สรุปเป็นประเด็นที่จะต้องพูดให้จบภายใน 20 นาที ตอนเช้าของการอบรมเป็นการดำเนินการของคณะวิทยากร ส่วนตอนบ่ายเป็นรายการอภิปรายของวิทยากรพิเศษที่เชิญมา เมื่อถึงเวลาอภิปรายท่านอาจารย์รังสรรค์ กุลแก้ว ผู้ดำเนินการอภิปรายได้ให้ผู้อภิปรายแต่ละท่านอภิปรายสรุปเนื้อหาเรื่องหลัก สูตรใหม่ ข้าพเจ้าได้อภิปรายสรุปเป็นคนสุดท้ายว่า กระผมเป็นครูใหม่ที่หน้าตาดี แต่ผมบนศีรษะหยุดไกลเลยดูแก่ไปหน่อย(ฮา) เพิ่งเป็นครูได้หนึ่งปี เพราะไปบวชเรียนนานถึงสิบเจ็ดปี ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านพักครูเพื่อรอคนรักซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร(ฮา )คุณครูผู้หญิงท่านใดที่รู้ตัวว่ายังเป็นโสดโปรดยิ้มเป็นนัย ๆ ด้วยครับ(ฮา)….ขอบคุณครับ(ฮา) ผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องหลักสูตรใหม่มากนัก ท่านอาจารย์สมอก เดชภูมี ซึ่งเป็นครูใหญ่บังคับให้อ่านหนังสือหลักสูตรใหม่เมื่อคืนนี้ อ่านเพื่อให้มาเป็นวิทยากรแทนท่านในวันนี้ ซึ่งขณะนี้ท่านกำลังนั่งลุ้นอยู่หน้าประตูห้องว่าผมจะไปรอดไหม สบายใจได้ครับท่านอาจารย์ กระผมนักเทศน์เก่าแม้เบื้องหน้าเป็นป่ารกเหวลึก กระผมนึกหาทางไปจนได้นั่นแหละ …กระผมอ่านหลักสูตรใหม่เกือบทั้งคืน จบแล้วได้ข้อสรุปว่า หลักสูตรเก่าเราเปิดครั้งเดียวสอนได้เลย แต่หลักสูตรใหม่เราต้องเปิดถึงสามครั้งจึงสอนได้ (ฮา) ..ไม่ใช่เปิดผ้าถุงและกางเกงในนะครับ (ฮา) กระผมหมายถึงเปิดหนังสือ(ฮา) หลักสูตรใหม่เราต้องเปิดหนังสือถึงสามครั้งคือ หนึ่งเปิดหนังสือหลักสูตร สองเปิดแผนการสอน และสามเปิดหนังสือแบบเรียน จากนั้นจึงลงมือสอนได้ ใช่ไหมครับคุณครู (ฮา)..ถ้าใช่ก็ฟังต่อ (ฮา) …ครูผู้สอนเราจะยินดีใช้หลักสูตรใหม่หรือไม่เพราะดูเป็นการเพิ่มภาระถึงสามเท่า ลำพังเปิดครั้งเดียวแล้วสอนเลยเรายังเหนื่อยแทบแย่ นี้จะให้เราเปิดถึงสามครั้งจึงสอนได้(ฮา) คิดดูสิว่าเราจะเหนื่อยขนาดไหน(ฮา) เราก็ต้องเหนื่อยถึงสามเท่าอย่างแน่นอน แต่เอาเถอะเปิดสามครั้งก็สามครั้ง ครูผู้สอนเราใจสู้อยู่แล้ว ขอเพียงครูใหญ่เสริมขวัญและให้กำลังใจให้สองขั้นพวกเราบ้าง จริงไหมครับพวกเรา(ฮา) ไม่ใช่ปีนี้ให้เมียครูใหญ่ ปีหน้าให้ลูกเขยครูใหญ่ ปีต่อไปให้ลูกสาวครูใหญ่(ฮา) วนมาแล้วก็วนไป รอจนเกษียณอายุราชการก็ยังไม่ถึงคิวพวกเรา (ปรบมือ) หลักสูตรใหม่จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อครูใหญ่เป็นครูใหญ่ของครูผู้สอนในโรงเรียนทุกคน(ปรบมือ)…กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมู่บ้านคนไทยแห่งหนึ่ง มีบ้านเจ๊กอยู่ปะปนด้วยหนึ่งหลัง แน่นอนว่าผู้ใหญ่บ้านต้องเป็นคนไทย เจ๊กปลูกผักขาย คนไทยไปขโมยผักเจ๊ก เจ๊กจับได้จึงมัดมือไพล่หลังส่งตัวให้ผู้ใหญ่บ้านตัดสิน ผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าขโมยเป็นน้องเมียตัวเองก็ตกใจ จึงนำหนังสือกฎหมายสมุดข่อยออกมาเปิดหน้าแรกอ่านดัง ๆ ว่า เจ๊กปลูกผักไว้ใกล้ทาง คนไทยขโมยบ้างไม่เป็นไร ตัดสินปล่อย คนไทยโมโหที่เจ๊กไปฟ้องผู้ใหญ่บ้าน พอค่ำลงจึงเอาก้อนหินไปปาหลังคาบ้านเจ๊ก เจ๊กจับได้จึงมัดมือไพล่หลังนำตัวส่งให้ผู้ใหญ่บ้านตัดสิน ผู้ใหญ่บ้านทำทีท่าน่านับถือนำหนังสือกฎหมายสมุดข่อยเล่มเดิม เปิดหน้าเดิมอ่าน ข้อความเดิม แต่อ่านเข้าข้างน้องเมียตัวเองว่า ไทยปาบ้านเจ๊กไม่ถูกหัวเด็กไม่เป็นไร(ฮา) ตัดสินปล่อยอีก เจ๊กโมโหจึงเอาก้อนหินที่คนไทยปาหลังคาบ้านแกนั่นแหละไปปาหลังคาบ้านคนไทยคืนบ้าง ปาแล้วไม่หนีปล่อยให้คนไทยจับมัดมือไพล่หลังส่งตัวให้ผู้ใหญ่บ้านตัดสิน ผู้ใหญ่บ้านนำหนังสือกฎหมายสมุดข่อยเล่มเดิม เปิดหน้าเดิม อ่านข้อความเดิม แต่อ่านเข้าข้างน้องเมียยิ่งกว่าเดิมว่า เจ๊กปาบ้านไทย ผีเรือนตกใจปรับสินไหมสิบชั่ง(ฮา) เจ๊กร้องไอ้หยา(ฮา) แต่คนไทยร้องไชยโย(ฮา)ตัดสินยุติธรรมดีแล้ว สมมุติว่าผู้ใหญ่บ้านในเรื่องนี้คือครูใหญ่ และเจ๊กในเรื่องนี้คือครูน้อย ถ้าครูใหญ่ให้สองขั้นแต่เฉพาะพงศ์เผ่าเหล่ากอของตัวเอง วนไปเวียนมาปีแล้วปีเล่า ครูน้อยก็จะขาดกำลังใจ(ปรบมือ) มือไม้ก็จะเป็นง่อย(ฮา) ไม่มีแรงเปิดหนังสือสามครั้งก่อนสอน แต่จะเปิดครั้งเดียวสอนเหมือนเดิม(ฮา) หรือเปิดบ้างไม่เปิดบ้างก็สอน(ฮา) ความจริงผลงานของครูน้อยทุกคนในโรงเรียนคือผลงานของครูใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าครูน้อยเปิดสามครั้งก่อนสอน ครูใหญ่ก็จะได้ความดีความชอบสองขั้นเห็น ๆ พวกเราว่าดีไหมครับ(ฮา ปรบมือ)…..สวัสดี(ปรบมือ) คุณครูฮาและปบมือเป็นระยะจนจบการอภิปราย กลับออกจากห้องเห็นท่านอาจารย์สมอกนั่งถอดแว่นหัวเราะรออยู่ ข้าพเจ้ายกมือไหว้ขอบคุณที่เอาใจช่วย ท่านบอกว่า ผมนึกแล้ว…คุณต้องทำได้
มือใหม่หัดขับ
หลังจากรับราชการครูได้สองปี ข้าพเจ้าตัดสินใจกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสกลนคร ได้เงินมาหนึ่งหมื่นบาทถ้วน จึงเดินทางไปที่ร้านศิริยนต์ในตัวเมืองสกลนคร ซื้อรถมอเตอร์ไซด์ฮอนด้า ขนาดเจ็ดสิบ ซี ซี หนึ่งคัน ขณะกำลังจูงรถออกมาหน้าร้านก็ได้พบเพื่อนเก่าชื่อมหาเรือง ทำงานที่ธนาคารสหธนาคารในเมืองสกลนคร มหาเรืองถามว่าซื้อรถมอเตอร์ใหม่เหรอ ข้าพเจ้าตอบว่าใช่ แต่ยังขับไม่เป็นเลย ช่วยสอนหน่อยสิ มหาเรืองขับขี่ให้ดูเป็นตัวอย่าง แล้วสอนว่าก็เหมือนเราขี่จักรยานนั่นแหละ หลังจากสตาร์ทแล้วก็เข้าเกียร์ เร่งเครื่องไปเลย ข้าพเจ้าขี่รถถึงบ้านด่านม่วงคำระยะทางสามสิบกิโลเมตร วันรุ่งขึ้นชวนน้องชายขี่รถซ้อนท้ายกันไปบ้านเจริญศิลป์ระยะทางประมาณหนึ่งร้อยกิโลเมตร ขากลับถึงเมืองสกลนครปรากฏว่าท่อไอเสียขาด จึงขี่รถไปให้เจ้าของร้านศิริยนต์ดู เจ้าของร้านดูแล้วงงเป็นไก่ตาแตกเพราะไม่เคยพบ แต่เปลี่ยนท่อไอเสียให้ใหม่โดยไม่คิดเงิน ข้าพเจ้าขี่รถจากร้านศิริยนต์ถึงบ้านด่านม่วงคำระยะทางสามสิบกิโลเมตร ท่อไอเสียขาดอีก ข้าพเจ้ามึนมากจึงไปปรึกษาท่านอาจารย์ธีระ พลราชม ท่านอาจารย์ธีระเดินดูรถแหย่นั่นแหย่นี่แล้วบอกว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พี่มหาลองขี่รถให้ผมดูซิ ขี่เร็ว ๆ เลยครับ หลังจากที่ข้าพเจ้าขี่รถกลับไปกลับมาให้ดูแล้วท่านอาจารย์ธีระหัวเราะก๊าก บอกว่าเจอแล้ว สาเหตุที่ท่อไอเสียขาดคือพี่มหาขี่รถเกียร์หนึ่งเท่านั้น ความจริงเกียร์หนึ่งช่วยให้รถออกตัวเท่านั้น พอรถออกตัวได้แล้วเราต้องไปด้วยเกียร์สองและสามตามลำดับ ท่านอาจารย์นั่งซ้อนท้ายผมจะขี่ให้ดูเป็นตัวอย่าง ข้าพเจ้ายังนึกขอบคุณ ท่านอาจารย์ธีระ พลราชม อยู่จนถึงทุกวันนี้
เล่าเรียนวิทยายุทธ
หลังจากสหายหมดไปจากพื้นที่แล้วชาวบ้านก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ใครใคร่เล่นโบกไพ่ไฮโลว์ก็ตั้งวงเล่น ใครใคร่เมาก็ซื้อเหล้ามาดื่มแก้มต้มไก่ใส่กัญชาฉลองม่วนชื่นโฮแซวเพราะอดกลั้นมานานหลายปี วันสิ้นเดือนเจ้ามือไฮโลว์จะมาตามคุณครูหนุ่ม ๆ ถึงบ้านพักชักชวนไปกินเลี้ยงที่บ้านเขาตบท้ายด้วยตั้งวงเล่นโบกไพ่ไฮโลว์ ถ้าเงินหมดมีเงินให้กู้ยืมดอกเบี้ยร้อยละห้าบาทบ้างสิบบาทบ้างต่อเดือนแล้วแต่จะตกลงกัน มีเพื่อนครูหนุ่ม ๆ หลายท่านเป็นหนี้รุงรังเพราะความโลภ ทุกวันอาทิตย์ที่ไม่ตรงกับวันพระบ่อนไก่ภายในหมู่บ้านเปิด ข้าพเจ้าติดตามเพื่อนไปดูการชนไก่เป็นประจำ แม้บางครั้งจะไม่ได้เล่นพนันแต่รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจกับกีฬาประเภทนี้มาก ปรมาจารย์ด้านไก่ชนหลายท่านได้ให้คำแนะนำในวงสนทนาข้างสุ่มไก่ว่า ไก่เป็นนักสู้ที่มีหลากหลายลีลาชั้นเชิงในการต่อสู้และทรหดอดทนกว่าสัตว์ทุกชนิด เพราะไก่บางตัวสู้จนตาแตกสองข้างก็ยังไม่ยอมแพ้ ไก่ชนกันยกละยี่สิบนาทีพักยี่สิบนาทีจำนวนถึงแปดยกหรือแล้วแต่เจ้าของไก่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันเป็นอย่างอื่น บางคู่ฝีมือสูสีคู่คี่ ชนกันทั้งวันครบแปดยกเสมอกัน นักพนันไก่ชนที่ชาญฉลาดจึงต้องเล่นให้ได้เงินทั้งสามข้างคือแพ้ก็ได้เงิน ชนะก็ได้เงิน และเสมอก็ต้องได้เงิน บางคู่ฝีมือห่างชั้นก็แพ้ชนะกันภายในยกเดียว นักพนันไก่ชนจึงไม่ควรรีบร้อนเล่นไก่แต่ต้นยกแรก เพราะไก่ชนมีได้กับเสียคู่กัน เล่นมากได้มากเสียมาก เล่นน้อยได้น้อยเสียน้อย เล่นได้ทุกครั้งก็มีเหมือนกันเพราะเล่นใจเย็น ไม่โลภมาก เมื่อเข้าไก่ถูกก็ออกตัวกันทุนไว้เสมอ และเล่นเสียทุกครั้งก็มีเหมือนกันเพราะรีบร้อนต่อไก่ที่พลิกไปพลิกมา หรือโลภมากไม่ยอมออกตัวกันทุน ถ้าไก่พลิกแพ้ก็ต้องเสียเงินเต็ม ๆ เพราะบางคนนำไก่เก่งที่ชนเป็นต่อทุกครั้งแต่เป็นไก่ที่เคยแพ้แล้วมาชน เมื่อชนเป็นต่อก็ให้เพื่อนรองไว้ทุกราคา พอชนมาถึงยกที่มันเคยแพ้มันก็ร้องยอมแพ้วิ่งหนีตามเคย แล้วนำเงินที่ได้จากการเล่นรองมาแบ่งกัน บางคนเห็นว่าไก่ตัวเองเป็นต่อก็รองไว้ทุกราคาแล้ววางยาไก่ตัวเองตอนพักให้น้ำ พอนำไก่เข้าไปปล่อยในยกถัดไป ไก่มันก็เมายายืนให้คู่ต่อสู้ตีเอา ๆ มือน้ำก็ลงไปจับขอยอมแพ้ เจ้าของไก่ตัวที่แพ้ก็หาเก็บเงินรองเพลินไปเลย บางคนนำไก่คู่ที่เคยแพ้ชนะกันมาแล้ว ทำทีเป็นว่าอยู่คนละหมู่บ้านเข้ามาชนในบ่อนเพื่อตบตาเอาเงินคนเล่น บางคนไปวางยาไก่คนอื่นแล้วเล่นไก่ฝ่ายตรงข้าม การเล่นพนันไก่ชนจึงต้องตื่นตัวตลอดเวลา ยิ่งไปเล่นในบ่อนป่าตามหมู่บ้านต่าง ๆ ต้องใส่รองเท้าผ้าใบเพื่อเตรียมวิ่งหากเห็นตำรวจมา….หลังจากเล่าเรียนวิทยายุทธจบหลายกระบวนท่าแล้วก็ลองเข้าเล่นในสนามไก่ชนเจริญศิลป์ดู ซึ่งก็เป็นอย่างที่ปรมาจารย์ให้คำแนะนำไว้ การเล่นพนันเป็นความสนุกสนานเพลิดเพลินตื่นเต้นเร้าใจ ใครได้เข้าไปสัมผัสจะหลงใหลลืมตนจนหมดเนื้อหมดตัวก็มี และที่ยึดถือการพนันเป็นอาชีพหลักก็มี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตัว
ผีพนัน
ย่างเข้าฤดูฝนประมาณต้นเดือนสิงหาคม ปี 2520 หลังจากรับเงินเดือนแล้วข้าพเจ้าขับรถมอเตอร์ไซด์เดินทางกลับบ้านด่านม่วงคำ ถึงเมืองสกลนครแล้วแวะบ่อนไก่ก่อนเพราะเป็นวันอาทิตย์ คิดว่าจะไปดูไก่ชนกันสักยกสองยกแล้วค่อยเดินทางต่อ แต่เหตุการณ์พลิกผันเพราะผีพนันเข้าสิง เจ้าของไก่ตัวเล็กแถมตาบอดหนึ่งข้างท้าเดิมพันสามพันบาท เจ้าของไก่ที่ตัวใหญ่กว่าบอกว่า ขอชนแค่หนึ่งพันบาทได้ไหม แต่เจ้าของไก่ตัวเล็กไม่ยอม เจ้าของไก่ตัวใหญ่ขอให้ใครต่อใครช่วย หลายคนช่วยกันคนละร้อยสองร้อยได้เพิ่มมาห้าร้อยบาท ยังขาดอยู่หนึ่งพันห้าร้อยบาท ข้าพเจ้าเห็นว่าไก่ฝ่ายตรงข้ามตัวเล็กแถมตาบอดข้างหนึ่งอีกต่างหากน่าจะสู้ไอ้แจ้สองตาซึ่งตัวใหญ่กว่าไม่ได้เป็นแน่ จึงเกิดความโลภควักเงินเดือนหนึ่งพันห้าร้อยบาทที่เพิ่งรับมาลงเพิ่มทันทีโดยไม่ลังเล แต่เป็นไอ้บอดที่ตัวเล็กกว่าชนะกลางยกที่สองเท่านั้นเอง นับดูเงินในกระเป๋าเหลือเงินเหรียญห้าสิบเจ็ดบาท ดูหน้าปัดรถเห็นน้ำมันใกล้หมดแล้วจึงขับรถหาเติมน้ำมัน แต่ทุกปั้มปิดทำการตามกำหนดเคอฟิวส์ขณะนั้น ข้าพเจ้าเงยหน้ามอง เห็นท้องฟ้ามืดครึ้มและฝนกำลังมา จึงตัดสินใจขับรถกลับบ้านกะว่าน้ำมันหมดก็จูงต่อ ขับรถถึงปั้มน้ำมันบ้านโพนยางยางคำมืดค่ำพอดี จึงแวะเข้าไปเรียกเจ้าของปั้มน้ำมันลองดูเผื่อเห็นใจบ้าง เจ้าของปั้มน้ำมันปล่อยหมายักษ์สองตัวออกมาไล่กัด ข้าพเจ้าขับรถหนีหมายักษ์ที่กระโดดงับหลังคอข้ามถนนมาได้อย่างหวุดหวิด เดชะบุญยังไม่ถึงที่ตาย เพราะไม่มีรถสวนทางมา รีบขับรถเลยหมู่บ้านจนถึงชายทุ่ง น้ำมันหมดพอดี ต้องลงจูงรถไปบนถนนลูกรังที่ขรุขระเจิ่งนองด้วยน้ำและโคลนตมตลอดระยะทางประมาณยี่สิบกิโลเมตรในเวลากลางคืนที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฟ้าแลบแปลบปลาบ ส่งเสียงคำรามครืน ๆ และผ่าลงเปรี้ยงปร้างเป็นครั้งคราวอย่างน่าสะพึงกลัว สายฝนโปรยปรายตลอดเวลา เสื้อผ้าเปียกชุ่มจนน้ำย้อยขากางเกง มองเห็นถนนเพียงเลือนรางในบางช่วงบางตอนที่เกิดฟ้าแลบ ทำให้สามารถจูงรถผ่านทุ่งนาป่าสูงข้างทางไปได้อย่างทุลักทุเล พอจูงรถมาได้ประมาณสิบกิโลเมตรท่ามกลางโชคร้ายก็มีโชคดีอยู่บ้างเมื่อเห็นแสงไฟชาวบ้านที่กลับจากจับกบเขียดท่ามกลางสายฝนใกล้หมู่บ้านโคกก่อง ข้าพเจ้ารีบจูงรถไปดักรอตรงที่คาดว่าเขาจะขึ้นมาบนถนน ข้าพเจ้าตะโกนทักทายชายคนนั้นทันทีเขาขึ้นมาบนถนน ถามเขาว่าได้กบเขียดเยอะไหมครับ เขาตอบว่าได้กบสี่ห้าตัว เสียงกบร้องจนหนวกหู แต่มันไม่ยอมให้เข้าใกล้ พอเห็นแสงไฟมันกระโดดลงน้ำหมด เขาถามว่าทำไมจูงรถน้ำมันหมดหรือ ข้าพเจ้าตอบว่าครับ ผมจูงรถจากบ้านโพนยางคำจะไปบ้านด่าน ที่หมู่บ้านพอจะมีน้ำมันขายบ้างไหมครับ เขาบอกว่ามี แต่เขาคงไม่ขายให้คนแปลกหน้าในเวลากลางคืนดึกดื่นป่านนี้ ข้าพเจ้าชวนคุยเรื่องนั้นบ้างเรื่องนี้บ้างเพื่อสร้างความคุ้นเคยไปตลอดทางและขอร้องให้เขาช่วย เขาแสดงความเห็นใจและพาเข้าไปในหมู่บ้าน ปลุกเจ้าของร้านขายของชำที่เขาคุ้นเคย หลังจากเติมน้ำมันแล้วข้าพเจ้าจ่ายเงินยี่สิบบาท กล่าวขอบคุณยกมือไหว้ทุกคนแล้วขับขี่รถออกจากหมู่บ้านโคกก่องท่ามกลางสายฝนอย่างโล่งใจ ข้าพเจ้าขี่รถฝ่าสายฝนลุยน้ำลุยโคลนระยะทางประมาณแปดกิโลเมตร ถึงบ้านหกทุ่มพอดีพ่อกับแม่และน้องสาวสองคนกำลังเตรียมข้าวของทำบุญเช้าวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าล้วงเงินเหรียญบาทจากกระเป๋ามานับเหลือเงินเดือนนี้เพียงสามสิบเจ็ดบาทพอดี จึงส่งให้น้องสาวเพื่อร่วมทำบุญ เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากทำบุญที่วัดแล้ว ข้าพเจ้าลากลับไปทำงาน พ่อให้เงินเติมน้ำมันหนึ่งร้อยบาทพร้อมสอนและให้กำลังใจว่า จะทำอะไรควรคิดให้รอบคอบก่อน พ่อกับแม่ภาวนาเอาใจช่วยลูกเสมอ คิดว่าสักวันหนึ่งลูกต้องตั้งตัวได้อย่างแน่นอน
หลงทาง
วันอาทิตย์ข้าพเจ้าไปขลุกอยู่ที่บ่อนไก่ริมหนองทุ่งมนด้วยความหลงใหลลีลาชั้นเชิงไก่ชนที่หลากหลายที่ผู้คนนำมาชนกัน วันหนึ่งมีไก่มาน้อยและเปรียบไม่ได้คู่ ข้าพเจ้าจึงขี่จักรยานไปชวนคุณครูสุพิทย์เอาไอ้โต้งที่ชื่อ โย สุดยอดไก่เก่งซึ่งเจ้าของตั้งราคาไว้ที่สองร้อยบาทเพื่อไปประลองในบ่อน แต่บังเอิญว่าเจ้าของไก่ไม่อยู่ จึงถือวิสาสะล่อจับเจ้าโยขณะที่มันกำลังควงไก่สาว ๆ หากินใต้ถุนบ้านไปเปรียบชนในบ่อน ได้คู่กับไก่ของธรรมหัตถ์ จอมขมังเวทย์ ซึ่งนอกจากเลี้ยงไก่ชนแล้วชาวบ้านยังกล่าวหาว่าแกเลี้ยงผีปอบไว้เป็นบริวารถึงเก้าตัว ไก่ของธรรมหัตถ์ตัวเล็กกว่าแต่แข็งแกร่งกว่า มีอายุมากกว่า และมีเดือยแหลม ตกลงกันว่าไก่ธรรมหัตถ์พันตอห้าชั้น ส่วนไก่ข้าพเจ้าพันตอสามชั้น เดิมพันห้าร้อยห้าสิบบาท ข้าพเจ้าลงเดิมพันสองร้อยยี่สิบบาท คิดว่าถ้าไก่ชนะก็จะได้เงินไปจ่ายค่าไก่พอดี เงินเดิมพันที่ยังขาดอยู่สามร้อยสามสิบบาทกรรมการสนามเดินเรี่ยไรจากท่านผู้ชมคนละยี่สิบสามสิบได้ครบพอดี ทิดพึ้มสมัครเป็นมือน้ำไก่ข้าพเจ้า ยกที่หนึ่งไก่ข้าพเจ้าเป็นต่อเพราะแรงยังดี ยกที่สองไก่ข้าพเจ้าหมดแรงจึงถูกไก่ธรรมหัตถ์เตะคืนและแพ้ไปในยกนี้เอง แทนที่จะได้ไก่ฟรีกลับเป็นซื้อไก่แพง ตอนเย็นจ่ายเงินให้คุณครูสุพิทย์แล้วก็อุ้มไก่ไปปล่อยไว้ใต้ถุนบ้านพักครู ไม่ต้องรักษาบาดแผลเพราะมันเป็นไก่ที่ฉลาดมาก เพียงถูกไก่ธรรมหัตถ์เตะหนัก ๆ สองสามทีมันก็ขนหัวลุกแหกปากร้องลั่นกระโดดขึ้นขอบสังเวียนวิ่งหนีอย่างไม่เกรงใจเจ้าของที่รอลุ้นมันอยู่ข้างสังเวียนเลย หลายวันต่อมาเจ้าโยไปติดไก่สาวที่บ้านพักน้องครูและไม่ยอมกลับมานอนบ้าน ข้าพเจ้าจึงเอ่ยปากมอบเจ้าโยให้น้องครูเขาไป หลังสอบไล่ปลายปีเสร็จ น้องครูมาเชิญไปกินต้มไก่ โดยไม่รู้ว่าน้องครูเขาต้มเจ้าโย ต้มเจ้าโยวันนั้นอร่อยอย่างที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อนเลยในชีวิต คิดในใจว่าน้องครูเขาใส่อะไรถึงได้ซดน้ำอร่อยอย่างนี้ พอเขายกหม้อมาตั้งข้าง ๆ จึงถึงบางอ้อ เพราะมีกัญชามัดเท่าแขนวางอยู่ก้นหม้อถึงสองมัด ข้าพเจ้าทั้งซดน้ำต้มไก่ทั้งกินยอดกัญชาต้มตั้งกำโดยนึกว่าเป็นผักใส่ต้มไก่ ไม่นานนักก็เริ่มประสาทหลอน เห็นอะไรเป็นตลกไปหมด หัวเราะกันเองจนท้องคัดท้องแข็ง มองเห็นทางกลับบ้านเล็ก ๆ งอไปงอมา จนไม่สามารถเดินไปตามทางกลับบ้านได้ ต้องขอร้องให้น้องครูเขาไปส่งถึงระเบียงบ้านพัก หัวใจสั่นเหมือนจะหยุดเต้น ความรู้สึกล่องลอยไปไร้ขีดจำกัด เวลาขณะนั้นรู้สึกนานเป็นเดือนเป็นปี …โบราณว่า เมาฝิ่นเวลาสั้น เมากัญชาเวลายาว คนเมาฝิ่นจะขยันทำงานได้ทั้งวัน เพราะความรู้สึกเรื่องเวลาสั้น แต่คนเมากัญชาจะเป็นคนขี้เกียจ เพราะทำงานเพียงชั่วโมงเดียวก็จะรู้สึกเหมือนทำงานนานเป็นเดือนเป็นปี
สูตรรวย
ผู้สันทัดกรณีชี้แนะวิธีรวยให้ฟังว่า มีเงินเพียงหนึ่งบาทก็สามารถรวยได้หากแทงไฮโลว์ถูกเพียงยี่สิบครั้งติดต่อกันเท่านั่น โดยให้แทงเต็งเท่านั้นเพราะมันมีโอกาสถูกมากกว่า การแทงโต้ด แต่ต้องแทงทวีคูณ ตัวอย่างเช่น ครั้งที่หนึ่งแทงเต็งต่ำหนึ่งบาทเราก็จะได้กำไรมาหนึ่งบาทรวมกับต้นทุนหนึ่งบาทเป็นสองบาท ครั้งที่สองแทงเต็งต่ำสองบาท เราก็จะได้กำไรมาสองบาทรวมกับทุนเป็นสี่บาท ครั้งที่สามแทงเต็งต่ำสี่บาทได้กำไรมาสี่บาทรวมกับทุนสี่บาทเป็นแปดบาท แทงทวีคูณไปอย่างนี้เรื่อย ๆ จนครบยี่สิบครั้งก็จะได้เงินหนึ่งล้านกว่าบาท ข้าพเจ้าลองมาคิดคำนวณดูแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง จึงลองไปเล่นไฮโลกับผู้สันทัดกรณีในงานศพในหมู่บ้าน พอเดินเข้าวงแม่หวาเจ้ามือไฮโล ก็ถูกใครต่อใครทักทายด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสที่จะได้เพื่อนใหม่ที่ยังเป็นหมูหนุ่มรอเชือด ข้าพเจ้าลงทุนยี่สิบบาทแทงเต็งต่ำ ปรากฏว่าถูกได้มายี่สิบบาท ครั้งที่สองแทงต่ำสี่สิบบาทตามตำรา อ้าวถูกอีก ครั้งที่สามแทงต่ำแปดสิบบาทคนเล่นยักกันวุ่นวาย พอเปิดขึ้นถูกอีกแล้ว เจ้ามือต้องช่วยไกล่เกลี่ยเก็บเงินให้ ครั้งที่สี่เจ้ามือเอาผ้ามาเช็ดถ้วยและลูกไฮโล ฟัดอย่างแรง ข้าพเจ้าแทงต่ำหนึ่งร้อยหกสิบบาท คนเล่นยักกันวุ่นวายเหมือนเดิม ถูกอีกแล้ว คนยักหงายไปคนละทาง เจ้ามือหัวเราะจนน้ำหมากหกและช่วยเก็บเงินให้ พอครั้งที่ห้าข้าพเจ้าแทงต่ำสามร้อยยี่สิบบาทใครต่อใครแทงตามข้าพเจ้าจนเป็นเงินกองใหญ่ พอเปิดฝากระติบข้าวครอบลูกไฮโลขึ้น คนเล่นร้องไอ้หยา แต่เจ้ามือร้องฮ้อ พร้อมกวาดเงินไปกองไว้หน้าตัก ข้าพเจ้ากับลูกขาสี่ห้าคนแทงไฮโลทั้งคืน รุ่งเช้าเป็นวันอาทิตย์ทั้งวัน นับดูเงินในกระเป๋าหายไปกว่าครึ่ง ผู้สันทัดกรณียิ้มแหย ๆ เพราะหมดเหมือนกัน ข้าพเจ้าแยกทางกับผู้สันทัดกรณี กลับไปมุดมุ้งกางถาวรที่บ้านพักครูนอนพักผ่อนเอาแรง หลายวันต่อมามีคนตายในหมู่บ้านอีก ตกเย็นผู้สันทัดกรณีมาปรับทุกข์และให้กำลังใจว่า เงินไปเที่ยวเดี๋ยวเดียวก็กลับ พร้อมให้ความเห็นว่า แทงต่ำอย่างเดียวสู้เจ้ามือไม่ได้หรอก เจ้ามือเห็นว่าเราแทงมากขึ้นก็ตั้งลูกเขย่าหนีต่ำซึ่งง่ายมาก เล่นโบกดีกว่าเพราะโบกใช้เม็ดมะขามเพียงสี่ชิ้น เล่นง่ายเพราะมีให้เล่นอยู่เพียงสองหน้าคือคู่กับคี่ ยกเว้นถ้าออกล้วนดำเจ้ามือกินแต่ถ้าออกล้วนขาวลูกขาที่แทงคู่หม่ำ เล่นสักสองชั่วโมงก็ได้เงินคืนแล้ว ตกลงคืนนั้นไปเล่นโบกกับผู้สันทัดกรณี มีหรือที่เล่นได้แล้วเลิก มีแต่เล่นแล้วมันอย่างเดียว กว่าจะเลิกก็พระมาบิณฑบาตหน้าบ้านตอนเช้า นับดูเงินในกระเป๋าหายไปกว่าครึ่งพอกันกับเล่นไฮโล ข้าพเจ้าเล่นไฮโลและโบกประมาณสิบครั้ง ๆ ละหนึ่งคืนหมดเงินไปหลายพันบาท ต้องกู้เงินดอกเบี้ยร้อยละหกสิบบาทต่อปีมาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน กว่าจะใช้หนี้หมดก็นานหลายเดือน ข้าพเจ้าลงความเห็นว่าการเล่นไฮโลและการเล่นโบกไม่ใช่วิธีรวยอย่างที่ผู้สันทัดกรณีแนะนำ แต่มันเป็นหนทางแห่งความเสื่อมอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ จึงเลิกเล่นตั้งแต่บัดนั้น
เลือกคู่
ชีวิตตอนนี้ไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร มองเห็นโลกวิลัยสวยงามตระการตาไปหมด โดยเฉพาะเห็นสาว ๆสวยงามน่ารักทุกคน อยากจะมีครอบครัวเหมือนคนอื่น ๆ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นกับใครอย่างไร หญิงสาวคนไหนจะกล้าหาญชาญชัยถึงขนาดมาใช้ชีวิตร่วมกับครูจน ๆ อย่างเรา ที่มีทรัพย์สมบัติเพียงจักรยานทาสีขาวเก่า ๆ ที่ใช้ส้นรองเท้าแตะเหยียบล้อหน้าแทนเบรก แม้จะให้ช่างเสริมเบาะหลัง แต่มันก็ไม่โก้พอที่สาวคนใดจะกล้าหาญชาญชัยมานั่งซ้อนท้ายด้วย เห็นครูหนุ่มท่านหนึ่งในหมู่บ้านมีรถมอไซด์วิบากยี่ห้อเอ็นดูโร ขับขี่โฉบไปโฉบมาโดยมีสาว ๆนั่งซ้อนท้ายไม่ซ้ำหน้า ท่าทางโก้เสียเหลือเกิน ข้าพเจ้าก็ได้แต่แอบฝัน เพราะมันช่างห่างไกลเหลือเกินกับเงินเดือน 950 บาทที่ได้รับ หลังทานอาหารมื้อค่ำแต่ละวันแล้ว ข้าพเจ้าจะจุดตะเกียงน้ำมันวางไว้บนราวระเบียงบ้านพักครู เอาหีบเพลงเก่า ๆ ที่คุณครูคนก่อนทิ้งไว้ที่มุมห้องนอนออกมายืนพิงราวระเบียงฝึกเล่นเพลงไทยดำรำพัน และ ฝากเพลงถึงเธอ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปถึงสาว ๆที่ข้าพเจ้าเคยรู้จัก และตามจีบ จนวันหนึ่งคุณแม่บอกว่า จะรักจะชอบใครก็เลือกคนที่เหมาะสมหน่อย ไม่ใช่ตามจีบทุกคนที่ไม่มีหางอย่างที่ลูกทำอยู่ขณะนี้ ถ้าเราไม่คิดจะแต่งงานกับเขาก็ไม่ควรไปตามจีบเขา เพราะถ้าเราไม่ได้รักไม่ได้ชอบเขาจริง จะเป็นการโกหกหลอกลวงทำให้เป็นบาปเป็นกรรมได้ ข้าพเจ้าคิดไตร่ตรองตามที่แม่พูดทำให้สติกลับคืนมา จึงเลิกตามจีบสาว ๆเพื่อบอกรักพวกเธออีกต่อไป ชีวิตช่วงนี้สับสนวุ่นวาย ยังให้คำตอบแก่ตัวเองไม่ได้ว่า จะเป็นครูต่อไปหรือจะกลับไปบวชอีก ควรจะมีครอบครัวหรือไม่ เพราะการมีครอบครัวดูจะเป็นภาระรุงรังเหมือนคำสอนพระอาจารย์ว่า มีลูกเหมือนห่วงผูกคอ มีเมียเหมือนปอผูกศอก จะมีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้นจนทำให้ไม่สามารถสลัดออกเพื่อไปนิพพาน ถ้าจะอยู่คนเดียวอย่างนี้ไปตลอดชีวิต ก็รู้สึกจะว้าเหว่วังเวง ข้างกายเราน่าจะมีผู้หญิงสักคนเคียงข้างดูแลกันและกันเหมือนที่นักปรัชญาด้านความรักกล่าวไว้ว่า โลกนี้จะมีความสุขราวกับแดนสวรรค์เมื่อสองคนรักกันอย่างดูดดื่มและมีชีวิตอยู่เพื่อกันและกัน เราน่าจะลองหาผู้หญิงที่เรารักและรักเราสักคนมาเป็นคู่ชีวิต มีลูกสักสองคน ร่วมกันสร้างฐานะครอบครัวให้มั่นคงเหมือนคนอื่น ๆ ถ้าไม่ประสบความสำเร็จในการครองรักครองเรือนเราค่อยกลับไปบวชอีก ในที่สุดข้าพเจ้าก็ตัดสินใจได้ว่า ถ้าได้พบผู้หญิงที่เรารักและรักเราก็จะยอมให้มีห่วงผูกคอและปอผูกศอกเหมือนคนอื่นโดยไม่ลังเลอีกต่อไป
เนื้อคู่
ข้าพเจ้าคิดว่าตอนนี้เรามีงานทำเป็นหลักฐาน มีรายได้พอเลี้ยงตัวเองได้แล้ว อายุมากแล้ว และควรจะมีครอบครัวได้แล้ว แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นกับผู้หญิงคนไหนอย่างไร ลูกสาวของเพื่อนแม่ที่ข้าพเจ้าหลงรักอยู่ก็ดูไม่ออกว่าเธอรักข้าพเจ้าบ้างหรือไม่ ลองเสี่ยงทายดูก็ฝันไปว่าพลัดหลงกันท่ามกลางทะเลทรายและไม่ได้พบกันอีกเลย ไม่นานเธอแต่งงานกับคนอื่นและย้ายไปอยู่กับสามีในต่างถิ่น ครูสาวประจำชั้นที่น้องสาวติดต่อให้ แรก ๆ ดูเหมือนว่าเธอมีใจให้ข้าพเจ้าอยู่บ้าง ข้าพเจ้าหลงดีใจนึกว่าเป็นเนื้อคู่ของข้าพเจ้า ลองตรวจดูดวงชะตาดูแล้วพบว่าเธอเป็นเนื้อคู่ของคนอื่น แม้จะรู้สึกรักเธอมากเพียงใดก็ไม่มีความหมาย เพราะไม่นานนักก็ได้รับจดหมายจากเธอว่าเธอได้รับหมั้นกับคนอื่นไปแล้ว ให้ถือว่าเธอเป็นเพียงน้องสาว ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นทุกข์มากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต รู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีเข็มสักร้อยเล่มปักลงกลางใจ กว่าจะทำใจได้ก็นานนับเดือน จนกระทั้งปี พ.ศ. 2520 คืนก่อนวันเปิดเทอม ข้าพเจ้าฝันไปว่า มีหญิงสาวตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารัก ผมยาวสลวยคนหนึ่งเดินมาที่หน้าบ้านพักครู ข้าพเจ้าถามเธอว่ามาหาใครหรือครับ เธอไม่ตอบเพียงแต่ยิ้ม ๆ เธอเดินเข้ามากอดและหายเข้าไปในตัวข้าพเจ้า ตอนสายวันรุ่งขึ้นข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นมากที่เห็นหญิงสาวคนนั้นกับคุณแม่ของเธอเดินผ่านหน้าบ้านพักข้าพเจ้าเพื่อไปเยี่ยมเพื่อนของเธอที่เพิ่งมาบรรจุเป็นครูซึ่งพักอยู่ในบ้านพักหลังถัดไป ข้าพเจ้าตรวจดูดวงชะตาของตัวเองพบว่า น่าจะเป็นคนนี้แหละที่เป็นเนื้อคู่ของเรา สาวสวยสูงขาวทั้งหลายที่เราเพียรจีบมาหลายคนหลายปีล้วนแต่เป็นเนื้อคู่ของคนอื่นทั้งสิ้น หลังเคารพธงชาติแล้วข้าพเจ้าได้ให้ครูใหม่ทั้งสามคนรวมทั้งครูสาวคนนั้นแนะนำตัวเองต่อหน้านักเรียน จึงรู้ว่าเธอชื่อเพ็ญศิลป์ กาญจนกันโห เป็นคนบ้านโนนสูง อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร เรียนจบ ปก.ศ.สูง วิชาเอกภาษาอังกฤษ จากวิทยาลัยครูสกลนคร เมื่อคบหากันไม่นานนักก็แน่ใจว่าเธอน่าจะเป็นเนื้อคู่ของข้าพเจ้าอย่างแน่นอน เพราะต่างก็มีใจให้กันช่วยเหลือเอื้ออาทรยอมรับและให้อภัยในความบกพร่องของกันและกันได้ และที่สำคัญเธอยอมรับอายุของข้าพเจ้าที่มากกว่าเธอถึงสิบสองปีได้
แต่งงาน
การแต่งงานเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตคู่ จากที่เคยอยู่คนเดียวมานานถึงสามสิบสามปี ต่อไปนี้จะต้องใช้ชีวิตคู่ร่วมกับผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักคบหากันมาเพียงสองปี แต่เมื่อเธอยอมรับข้าพเจ้าได้ก็ถือว่าเป็นอันสิ้นสุด ชีวิตครอบครัวเบื้องหน้าจะมีปัญหาอุปสรรคใดค่อยหาทางแก้ไข จึงตัดสินใจไปพบท่านอาจารย์คำไข กาญจนกัณโห ว่าที่พ่อตาที่บ้านโนนสูง อำเภอพังโคน เรียนท่านว่าจะให้เฒ่าแก่มาสู่ขอลูกสาวท่านตามประเพณี ดูสีหน้าท่านยิ้มแย้มแจ่มใสและอารมณ์ดี เพราะท่านเห็นข้าพเจ้าพาลูกสาวท่านไปโน้นมานี้บ่อย ๆ แต่ไม่ยอมมาขอสักที ท่านถามว่า เรื่องสินสอดทองหมั้นว่าอย่างไร ข้าพเจ้าเรียนว่า สินสอดทองหมั้นได้ตกลงกับลูกสาวท่านเรียบร้อยแล้ว ท่านแนะนำว่า เอาอย่างนี้สิ ขอเลย หมั้นเลยและแต่งเลยในวันเดียวกันที่บ้านพ่อนี้แหละ จะได้ไม่ยุ่งยากสิ้นเปลืองเทียวไปเทียวมาหลายครั้ง ส่วนวันเวลาแต่งงานก็เลือกเอาวันเวลาที่สะดวกแก่ทั้งสองฝ่ายก็แล้วกัน ข้าพเจ้าเห็นดีด้วยเป็นอย่างยิ่งจึงเลือกเอาเดือนพฤษภาคมก่อนเปิดเทอมสามวัน จึงตัดสินใจกู้เงินสหกรณ์ครูสกลนครอีกครั้ง ได้เงินมาหนึ่งหมื่นห้าพันบาทเท่ากับเงินค่าสินสอดพอดี ส่วนทองหมั้นต้องไปกู้เงินนอกระบบจำนวนห้าพันบาท ข้าพเจ้าสั่งพิมพ์การ์ดแต่งงานแจกจ่ายญาติพี่น้องเพื่อนสนิทมิตรสหายทั้งสองฝ่ายให้ไปร่วมงานที่เดียวกัน แฟนเหมารถสองแถวหนึ่งคันรองรับแขกในหมู่บ้านที่ทำงานที่มีความประสงค์จะไปร่วมงาน ส่วนที่บ้านข้าพเจ้า ค่ำคืนก่อนวันงาน น้องชายล้มเป็ดเทศสองตัวเลี้ยงญาติพี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียง และล้มไก่อีกสองตัวในตอนเช้าวันงาน เพื่อผูกแขนเจ้าบ่าวก่อนขึ้นรถเหมาสองแถวออกเดินทางไปร่วมงานที่บ้านเจ้าสาวซึ่งทราบมาว่าพ่อตาสั่งล้มวัวถึงสองตัว เมื่อเดินทางถึงบ้านงานเห็นพี่สนิทแต่งตัวผูกเน็คไทด์ใส่สูทยืนรออยู่ ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นดีใจมากเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าพี่สนิทจะลางานมาจากกรุงเทพฯ ท่านอาจารย์ธีระ พลราชม จูงแขนข้าพเจ้าไปแต่งตัวให้ใหม่โดยสละเน็คไทด์และเสื้อสูทแต่งให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเดินยกมือไหว้ทักทายเพื่อนครูและพี่น้องชาวบ้านเจริญศิลป์ที่กรุณาสละเวลามาร่วมงาน คุณครูสุพิทย์ จุลราช เล่าว่า คุณหนูพิน คุณมี ถูกแม่ยายข้าพเจ้าไล่ตีเพราะร่วมมือกันให้คุณหนูพินแต่งตัวเป็นเจ้าบ่าวโดยใช้ผ้าขาวพาดบ่า คุณครูสุพิทย์เป็นคนกางร่มและโห่สามครั้ง โดยมีชาวบ้านที่มารถคันเดียวกันร่วมเป็นขบวนแห่ แม่ยายข้าพเจ้าเดินมาดูด้วยความสงสัยว่าทำไมเจ้าบ่าวจึงดูหนุ่มหล่อกว่าเดิม แต่ก็สั่งลูกหลานมาต้อนรับ ทุกคนวิ่งวุ่นเพราะนึกไม่ถึงว่าบ้านเจ้าบ่าวอยู่ไกลตั้งร้อยกิโลเมตรจะมาถึงบ้านงานเช้าขนาดนี้ ความแตกเมื่อแฟนข้าพเจ้ามาถึง สองหนุ่มต้นเรื่องจึงถูกแม่ยายข้าพเจ้าเอาร่มที่แย่งมาได้ไล่ตีวิ่งกระเจิงไปคนละทาง คนดูหัวเราะครื้นเครงทั้งงาน หลังแต่งงานและรับประทานอาหารตามประเพณีแล้วก็เก็บพาขวัญขึ้นรถลาญาติพี่น้องทั้งสองฝ่ายเดินทางกลับโรงเรียนบ้านเจริญศิลป์ อาศัยอยู่ที่บ้านพักครูหลังเก่าและสอนอยู่ที่เดิมเรื่อยมา จากที่เคยสุรุ่ยสุร่ายก็ต้องประหยัดเพื่อใช้หนี้ดอกเบี้ยร้อยละห้าที่กู้เพิ่มห้าพันบาทตอนแต่งงาน ขณะนั้นเงินเดือนพันกว่าบาท ซึ่งกว่าจะใช้หนี้หมดใช้เวลาเกือบปี
ครูใหญ่
เมื่อปี 2521 ผู้บริหารโรงเรียนเจริญศิลป์วิทยาได้รับการปรับขยายเป็นตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ ท่านอาจารย์สมอก เดชภูมี ซึ่งเป็นครูใหญ่ได้รับอุบัติเหตุรถคว่ำ ทำให้สมองกระทบกระเทือน ดวงตาและแขนข้างหนึ่งพิการ ไม่สามารถทำงานในตำแหน่งใหม่ได้จึงขอลดตำแหน่งเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่คนใหม่เป็นนักบริหารแบบกินรวบ กล่าวคือ ข่มขู่ ดูหมิ่น กินเฉพาะกลุ่ม แถมยังพกปืนมาโรงเรียนแทบทุกวัน ซึ่งต่างจากท่านอาจารย์สมอก เดชภูมีที่เป็นนักบริหารแบบกินแบ่ง กล่าวคือเอื้อเฟื้อ ฮักแพง แบ่งปัน ทำให้ครููน้อยบางส่วนรวมทั้งข้าพเจ้ารู้สึกอึดอัดใจ จึงพาขอกันย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่น ข้าพเจ้าย้ายไปเป็นครูใหญ่โรงเรียนบ้านหนองฮังแหลวซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักประมาณสี่กิโลเมตร เปิดสอนถึงชั้น ป.4 มีครูสามคนกับข้าพเจ้าในจำนวนนี้มีครูเก่าหนึ่งท่านชื่อคุณครูประเสริฐ รักพันธุ์ ครูบรรจุใหม่หนึ่งท่านชื่อคุณครูเจริญ ราชโสภา ปัจจุบันเป็นรองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 2 และช่วงกลางปีเดียวกันมีครูย้ายมาใหม่อีกหนึ่งท่านชื่อคุณครูพยอม ทองผา มีนักเรียนจำนวนหกสิบสองคน ข้าพเจ้าได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธด้านการบริหารแบบกินแบ่งจากท่านอาจารย์สมอก เดชภูมี นานถึงสองปี จึงพยายามยึดถือแนวทางการเป็นนักบริหารแบบกินแบ่งเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
หัวหน้าเผ่า
พี่น้องคือแขนขา บุตรภรรยาคือเครื่องนุ่งห่ม ชีวิตคนเราขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไปก็ไม่สมบูรณ์ข้าพเจ้ามีเป็นได้เช่นวันนี้เพราะมีพี่ชายนำทางช่วยเหลือสนับสนุน บ่ายวันหนึ่งข้าพเจ้าได้จดหมายจากบุรุษไปรษณีย์ เปิดดูข้างในพบจดหมายและบัตรเชิญแต่งงานจากพี่สนิท ข้าพเจ้าคิดหนักเพราะแฟนกำลังตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอด เกรงจะกระทบกระเทือนลูก แต่แฟนกลับดีใจใหญ่ที่จะได้พาลูกในท้องไปเที่ยวกรุงเทพฯ ซึ่งเธอยังไม่เคยไปมาก่อน ข้าพเจ้าพาแม่บ้านขึ้นรถโดยสารไปต่อรถไฟที่สถานีอุดรธานี ถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงตอนเช้ามืดก่อนถึงวันงานหนึ่งวัน พบพี่สนิทกับว่าที่พี่สะใภ้ยืนยิ้มคอยอยู่ที่ชานชลา ทราบภายหลังว่าเธออายุเท่ากับแม่บ้านข้าพเจ้า ตอนนี้เป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนเซนจอน พวกเราขึ้นรถด้วยกัน พี่สนิทเล่าขณะขับรถว่าขอยืมรถพี่สมว่าที่คุณลุงมารับ ถึงบ้านพ่อตาพี่สนิทข้าพเจ้าจึงถึงบางอ้อ….นึกในใจว่าพี่เราคงต้องมีเวทย์มนต์พระคาถาขลังศักดิ์สิทธิ์มาจากประเทศอินเดียเป็นแน่ จึงสามารถทำให้พ่อตาแม่ยายยินยอมพร้อมใจให้มาอยู่กับลูกสาวที่บ้านโดยที่ยังไม่ได้ทำพิธีแต่งงาน และพอจะเดาออกว่าทำไมเพราะอะไรพี่เราถึงได้ถลำตัวมาอยู่บ้านพ่อตาแม่ยายตั้งหลายเดือนแล้ว และคงยากที่จะถอนตัวออกมาได้ ชีวิตของพี่สนิทนับตั้งแต่บัดนี้จะต้องดำรงตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวและหัวหน้าเผ่าไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน หลังจากทานอาหารมื้อเช้าแล้วข้าพเจ้าพาแม่บ้านขึ้นรถประจำทางไปไหว้พระพุทธรูป ดูฤาษี ดูยักษ์ ดูลิง ดูฝรั่ง ดูนักท่องเที่ยว ให้อาหารนกพิราบ ปลาและเต่า ตามวัดต่าง ๆ ได้แก่ วัดเบญจมบพิตร วัดมหาธาตุ วัดพระแก้ว และวัดโพธิ์ ทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารชาวใต้บริเวณเทเวศน์ เป็นลาบเปรี้ยวจานเดียวใส่มะนาวใหญ่เปรี้ยวจี้ดสามลูกแถมพริกป่นสามช้อนแกง พริกขี้หนูมาอีกจาน ต้มเปรี้ยวเผ็ดอีกหนึ่งถ้วย แม่บ้านทานได้ครึ่งคำก็วางช้อน ส่วนข้าพเจ้าทานข้าวกับต้มเปรี้ยวเผ็ดจนหมดจานเพื่อเอาใจท้องแต่ลาบยังเท่าเดิม พอคิดเงินแทบหงายหลัง แม่บ้านหน้างอเหมือนม้าหมากรุกแถมบ่นจนหนวกหู จึงพาไปเที่ยวสวนสัตว์ดุสิตดูลิงค่างบ่าง ชะนี หมี เสือ พอใกล้ค่ำจึงพากันขึ้นแท็กซี่เดินทางกลับไปพักที่บ้านว่าที่พ่อตาพี่สนิท ตื่นนอนตีสี่ขึ้นรถเดินทางไปทำบุญใส่บาตรและทำพิธีทางศาสนาที่หอประชุมโรงพยาบาลสงฆ์ พิธีกรในงานแจ้งว่า เช้าวันนี้มีคู่บ่าวสาวมาร่วมพิธียี่สิบเก้าคู่ มากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ หลังจากถวายอาหารบิณฑบาตรจุตุปัจจัยไทยทานให้พ่อพราหมณ์เจิมหน้าผากให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว รับน้ำพุทธมนต์และรับพรจากพระสงฆ์เรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับ ข้าพเจ้าพาแม่บ้านขึ้นแทกซี่ไปนั่งรถไฟเล็กเที่ยวชมซาฟารีเวิล เดิน นั่ง ถ่ายรูป ทานข้าว ฟังเพลง เกือบทั้งวันจึงเดินทางกลับที่พัก ตอนค่ำไปงานเลี้ยงโต๊ะจีนฉลองแต่งงานพี่สนิทที่โรงแรม เช้าวันรุ่งขึ้นพาแม่บ้านไปนั่งเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนค่ำล่ำลาสองตายาย พี่สนิทกับพี่สะใภ้ไปส่งขึ้นรถโดยสารประจำทางที่สถานีขนส่งหมอชิตเดินทางกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ตลอดสามวันที่อยู่ในกรุงเทพฯแม่บ้านข้าพเจ้ายิ้มแย้มแจ่มใสเพลิดเพลินสมกับที่ตั้งใจอยากจะพาลูกในท้องไปงานแต่งงานพี่สนิทและเที่ยวชมกรุงเทพฯอย่างแท้จริง
ลูกคนแรก
พระอาจารย์สอนว่า “ลูกคือแขกที่ดีที่สุดของครอบครัว ถ้าเราเลี้ยงดูพวกเขาอย่างดี วันหนึ่งข้างหน้าพวกเขาจะกลับมาทดแทนบุญคุณ” ถ้าลูกเนรคุณให้สำรวจดูตัวเองว่าเราบกพร่องอะไรหรือเปล่า ถ้ายังไม่พบข้อบกพร่องของตัวเองให้สังเกตดูคำพูดและการกระทำของพระเณรที่วัดว่าท่านพูดอย่างไรและทำอย่างไรจึงมีคนใส่บาตรให้ นำข้าวปลาอาหารไปให้ นำเงินไปให้ และมีคนไปกราบไหว้บูชา ทั้ง ๆที่คนเหล่ามิได้เป็นพ่อแม่ญาติพี่น้องหรือคนรู้จักมักคุ้นกันเลย” หลังเปิดเทอมประมาณสองเดือนก็ย้ายไปอยู่บ้านพักครูหลังใหม่แทนคุณครูที่ย้ายกลับภูมิลำเนา ชีวิตคู่ของข้าพเจ้าเริ่มต้นด้วยความยากลำบาก เพราะเงินเดือนน้อย จึงต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยการหาอยู่หากินเหมือนคนอื่น กลางวันไปทำงาน ตอนเย็นเลิกเรียนแล้วไปทอดแหหากบเขียดปูปลาตามห้วยหนองคลองนา กลางคืนออกส่องจับกบเขียดตามป่าละเมาะริมถนนหนทางนำมาขังไว้ในโอ่งดินเพื่อเป็นอาหาร การมีลูกเป็นเรื่องสำคัญยิ่งใหญ่สำหรับครอบครัว หลังจากแต่งงานไม่นานนักภรรยาก็ตั้งครรภ์ ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นดีใจมากเพราะอีกไม่นานก็จะมีเด็กตัวเล็ก ๆออกมาเดินเล่นเคียงข้างแล้ว และที่สำคัญข้าพเจ้ากำลังจะได้เป็นพ่อในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ข้าพเจ้าพยายามเอาใจใส่ดูแลภรรยาและลูกในท้องเป็นอย่างดี เวลาที่ลูกดิ้นภรรยาจะเรียกข้าพเจ้ามาเอามือคลำและเอาหูแนบท้องฟังดูว่าลูกพูดอะไรบ้าง ข้าพเจ้าอดหัวเราะไม่ได้แต่ก็ทำตามเพื่อเอาใจและบอกเธอว่า “ลูกพูดว่าท้องแม่มืดมาก เมื่อไหร่ลูกจะได้ออกไป” ภรรยาหัวเราะด้วยความชอบใจแม้จะรู้ว่าข้าพเจ้าโกหก คืนหนึ่งข้าพเจ้าหยุดออกหาส่องจับกบเขียด เพราะเป็นคืนวันพระ หลังจากไหว้พระสวดมนต์แผ่เมตตาทำสมาธิแล้ว ข้าพเจ้าล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลีย ฝันไปว่าขณะที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ที่ชานบันไดบ้านพัก มีเด็กผู้ชายอายุประมาณสามขวบคนหนึ่งนั่งบนคอช้างมาหา เขาหยุดช้างไว้แล้วปีนลงมาเดินตรงไปกอดขาภรรยาข้าพเจ้าซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ข้าพเจ้าสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงภรรยาปลุกให้ลุกไปช่วยงานครัว ข้าพเจ้าเล่าความฝันให้ภรรยาฟังพร้อมทำนายว่าเราจะได้ลูกชายที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด วาสนาดี ชื่อเสียงโด่งดัง เมื่อเขาเติบโตขึ้นจะมีตำแหน่งใหญ่ในราชการ เมื่อถึงกำหนดคลอด หมอตรวจพบว่าถุงน้ำคล่ำแตกแล้วแต่เจ้าลูกชายยังคงนั่งเฉยอยู่จึงต้องทำการผ่าตัดเป็นการด่วน ข้าพเจ้าขี่รถจักรยานยนต์หาขอเลือดคนที่รู้จักคุ้นเคยจนทั่วหมู่บ้าน ทุกคนกลัวเสียเลือดจึงไม่มีใครกล้าให้ แต่โชคยังพอมีอยู่บ้าง เพราะข้าพเจ้าได้รับความช่วยเหลือจากสองพี่น้องตระกูลคำภูแสน คือท่านอาจารย์ประพิศ และทนายวีระศักดิ์ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลสว่างแดนดิน มีพ่อตาแม่ยายและญาติพี่น้องของภรรยาหลายคนนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัด ทุกคนพร้อมให้เลือดตามที่หมอต้องการ ข้าพเจ้ากล่าวขอบคุณสองพี่น้องตระกูลคำภูแสนอีกครั้งที่กรุณาแม้ว่าจะไม่ได้ให้เลือดตามที่ตั้งใจมาช่วย ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจและจะจดจำไปชั่วชีวิต สักพักหนึ่งเห็นนางพยาบาลอุ้มเด็กมาจากห้องผ่าตัดถามหาคนเป็นพ่อ ข้าพเจ้าแสดงตัวและเดินตามหลังพยาบาลไปที่ห้องน้ำ พยาบาลใช้มือข้างหนึ่งหิ้วเด็กขึ้นห้อยหัวลงตบก้นสามที เด็กร้องไห้จ้า พยาบาลอุ้มเด็กไปล้างน้ำในอ่าง ข้าพเจ้าถามเบา ๆ ว่า”อาการครบสามสิบสองไหมครับคุณหมอ” เธอหัวเราะเบา ๆ ตอบว่า “เด็กสมบูรณ์ดีมากค่ะ” เช็ดตัวเด็กแล้วยกขึ้นวางบนผ้าอ้อมที่เตรียมไว้ ข้าพเจ้าเดินตามพยาบาลไปที่ห้องพิเศษที่จองไว้ ก็พอดีกับบุรุษพยาบาลเข็นรถพาภรรยาข้าพเจ้ามาถึง ช่วยกันยกเธอขึ้นนอนบนเตียงคนไข้และวางลูกชายข้าพเจ้าไว้ข้าง ๆ เธอไม่สามารถให้นมลูกได้เพราะแผลผ่าตัดยาวมาก ข้าพเจ้าลากิจอดหลับอดนอนเฝ้าไข้ภรรยาเป็นเวลาสามวันสามคืน และพอได้หลับได้นอนบ้างอีกเจ็ดวันเจ็ดคืน ต้องคอยฟังเสียงลูกร้องไห้ เปลี่ยนผ้าอ้อม ซักผ้าถุงผ้าอ้อม ชงนมให้ลูก ดูขวดน้ำเกลือ ไปบอกพยาบาลมาเปลี่ยนขวดน้ำเกลือ เอาอุจจาระภรรยาไปทิ้งลงส้วม และช่วยภรรยาทุกเรื่องที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อตากับแม่ยายและลุงพลมาเยี่ยมพอสายหน่อยพ่อกับแม่และญาติพี่น้องฝ่ายข้าพเจ้าซึ่งพอทราบข่าวก็เหมารถมาเยี่ยมจนล้นห้อง ทุกคนต่างดีใจที่มีสมาชิกใหม่เพิ่ม แต่ดูเหมือนว่าพ่อจะดีใจมากเป็นพิเศษที่มีผู้สืบทอดนามสกุลเพิ่มอีกหนึ่งคน เพื่อนครูที่ทราบข่าวต่างก็แวะมาเยี่ยมไม่ขาดสาย และที่แวะมาดูแล เอาข้าวต้มบ้างอาหารปิ่นโตบ้างมาให้ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนคือคุณครูพยอม ทองผา ข้าพเจ้าเฝ้าไข้ดูแลลูกเมียด้วยความเอาใจใส่จนเช้าวันหนึ่งคุณพยาบาลสาวคนสวยมากระซิบเบา ๆว่า “ แฟนของท่านอาจารย์โชคดีจัง” ข้าพเจ้าได้แต่ยิ้มและกล่าวขอบคุณเธอเบา ๆ ข้าพเจ้ากับภรรยาตั้งชื่อลูกชายว่า”วรวิทย์” ท่านอาจารย์สมสมัยเพื่อนครูที่มาเยี่ยมตั้งชื่อเล่นว่า “ทีม” ครบสิบวันคุณหมอให้ออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากข้าพเจ้าและภรรยาต้องทำงานจึงต้องจ้างพี่เลี้ยงมาช่วยดูแล หลังเลิกงานพวกเราก็ได้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก คิดวาดหวังจะเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนดี เป็นคนเก่งและสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจที่ลูกเรียนเก่ง มีความประพฤติดี ตั้งใจเรียนจนจบปริญญาตรีคณะวิทยบริการจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามด้วยทุนรัฐบาล เรียนจบแล้วไปบรรจุเป็นครูรับใช้ทุนที่โรงเรียนบ้านขี้เหล็กเหล่าสมบูรณ์ อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร สองปี ย้ายไปโรงเรียนมัธยมกุดเรือคำ อำเภอวานรนิวาส สองปี ย้ายมาโรงเรียนเจริญศิลป์ศึกษา”โพคำอนุสรณ์”จนถึงปัจจุบัน และเรียนต่อจบปริญญาโทด้านเทคโนโลยีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขาเป็นคนขยันขันแข็งในการทำงานรับราชการครูจนได้รับรางวัลประกวดหนังสั้นโรงเรียนมัธยมศึกษาระดับประเทศจาก สพฐ.ในปี 2556 ถึง 8 รางวัล เส้นทางชีวิตของเขายังอีกยาวไกล ถ้าไม่มีวิบากกรรมมาตัดรอนเขาคงเดินทางไปสู่ความสำเร็จที่ตั้งใจใฝ่ฝันอยากจะมีเป็นได้อย่างแน่นอน พระพุทธเจ้าตรัสว่า กัมมุนา วัตตะตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กัมมัง สัตเต วิภัชชะติ ยะถีทัง หีนัปปะนีตะตายะ กรรมเป็นเครื่องจำแนกมนุษย์สัตว์ให้ไปดีหรือไปร้าย พ่อครูเห็นด้วยกับเพลงของพรศักดิ์ ส่องแสง ที่ชื่อว่า สุดแท้แต่วาสนา
คำสั่งพ่อ
หลังจากพ่อไปเยี่ยมลูกชายข้าพเจ้าที่โรงพยาบาลได้ประมาณสามเดือนก็ได้รับจดหมายจากน้องว่าพ่อป่วยด้วยโรคพยาธิใบไม้ตับ ข้าพเจ้าได้เขียนจดหมายขอคำแนะนำจากพี่สนิทซึ่งทำงานอยู่ที่กองบริการการศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล พี่สนิทได้เขียนจดหมายตอบกลับมาว่า ได้ปรึกษากับผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหิดลแล้วได้รับคำตอบว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มียารักษาโรคพยาธิใบไม้ตับ แต่ท่านได้กรุณาโทร.ฝากพ่อไว้กับคุณหมอพยาธิเขตร้อนที่โรงพยาบาลสกลนครให้แล้ว ซึ่งก็คงรักษาไปตามอาการเท่านั้น แม่กับน้อง ๆ ได้เหมารถพาพ่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลสกลนครเป็นครั้งคราว ในระยะที่พ่อป่วยหนัก ข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลสกลนครหลายครั้ง พ่อถ่ายอุจจาระเองไม่ได้เพราะตับถูกพยาธิชอนไชกินหมดไม่สามารถผลิตน้ำย่อยได้เหมือนเดิม สองสามวันต้องได้ใช้ถุงมือล้วงเอาอุจจาระออกมาหนึ่งครั้ง อุจจาระเป็นก้อนกลม ๆ เท่าลูกมะขามป้อม และแข็งมาก ต่อมาพ่อขอให้ลูก ๆ พาท่านกลับไปรักษาที่บ้าน ซึ่งคุณหมอก็อนุญาตเพราะคนไข้อาการหนักมากแล้ว พ่อนอนติดเสื่อตลอดเวลา ลูก ๆ ต้องผลัดเปลี่ยนเวรเฝ้าไข้ทั้งกลางวันและกลางคืน ร่างกายพ่อที่เคยบึกบึนแข็งแรงและทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อลูก ๆ นั้น บัดนี้กลายเป็นท้องโตแขนขาลีบ เดินไม่ได้ เพราะกินอาหารได้เพียงน้ำต้มข้าวใส่เกลือเท่านั้น และต้องฉีดยาแก้ปวดอย่างแรงเพื่อช่วยไม่ให้ท่านเจ็บปวดทรมานมากเกินไป วาระสุดท้ายพ่อเรียกลูกเมียเข้าไปหาเพื่อสั่งเสีย พ่อสั่งข้าพเจ้าด้วยเสียงแหบพร่าว่า เรื่องที่อยู่ให้ลูกตัดสินใจเองแต่พ่อฝากดูแลแม่และน้อง ๆ ด้วย ซึ่งข้าพเจ้าก็รับคำท่านด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจที่ยากจะบรรยาย รุ่งเช้าของวันใหม่หลังจากลูกหลานและชาวบ้านใส่บาตรทำบุญที่วัดแล้ว พ่อได้จากพวกเราไปอย่างสงบ ทิ้งไว้เพียงความทรงจำที่ดีระหว่างกัน ซึ่งจะไม่มีวันลบเลือนไปจากใจของแม่และลูกทุกคน
วิญญาณ
หลังจากพ่อเสียชีวิตแล้วประมาณสามเดือน พอปิดภาคเรียนแรก ข้าพเจ้าเลือกวันเวลาที่สะดวกพาแม่บ้านและลูกชายเดินทางกลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านด่านม่วงคำ รถโดยสารสองแถวจากตัวเมืองสกลนครพาพวกเราหัวสั่นหัวคลอนไปบนเส้นทางขรุขระด้วยหลุมบ่อ ถึงหมู่บ้านตอนบ่ายใกล้ค่ำ รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอ่อนแรงมาก อาบน้ำทานข้าวด้วยกันแล้วแม่บ้านก็พาลูกชายเข้านอน ส่วนข้าพเจ้านั่งสนทนากับน้อง ๆ และเพื่อนบ้านภายใต้แสงตะเกียงน้ำมันในคืนเดือนดับอย่างสนุกสนานเช่นเคย หลังจากส่งเพื่อนบ้านลงเรือนกลับไปหมดแล้ว ข้าพเจ้าเดินไปปิดประตูทางขึ้นระเบียงบ้าน ล้างหน้าแปรงฟัน ล้างมือล้างเท้า เดินเข้าตัวบ้าน ปิดประตูลงกลอน ตั้งตะเกียงน้ำมันส่องสว่างไว้หน้าห้องนอน ไหว้พระสวดมนต์แล้วจึงล้มตัวลงนอนข้างลูกชายโดยมีแม่บ้านนอนหลับอยู่อีกฟากหนึ่ง ข้าพเจ้าหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงสุนัขเห่าหอนต่อกันมาจากท้ายหมู่บ้านจนถึงใต้ถุนบ้านที่ข้าพเจ้านอนอยู่กลับไปกลับมาหลายเที่ยว ข้าพเจ้าลืมตาเห็นแสงไฟตะเกียงน้ำมันยังส่องสว่างอยู่ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมบรรยากาศตอนนี้จึงเหมือนภาพยนตร์ฉากที่ผีกำลังจะออกมา …หรือว่าผีกำลังมาจริง ๆ ก็ได้ยินเสียงคล้ายคนเดินลากส้นเท้ามาที่หน้าบันได ขึ้นมาเปิดแผงกั้นระเบียงบ้านเสียงดังเอี้ยด แล้วเดินมาหยุดที่หน้าประตูบ้าน ข้าพเจ้าตื่นเต้นตกใจสุดขีดหัวใจเต้นโครมคราม แต่ก็ยังมั่นใจอยู่ว่าได้ปิดประตูลงกลอนด้วยตัวเองคงไม่มีใครเปิดจากข้างนอกเข้ามาได้ สักครู่บานประตูก็เปิดออกพร้อมกับมีร่างชายชราสูงประมาณสองเมตร นุ่งผ้าโจงกระเบนสีขาวไม่ใส่เสื้อ มีแสงสีขาวเรืองรองรอบตัวเดินเข้ามา แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งหน้าห้องส่องสว่างทำให้มองเห็นแขกผู้มาเยือนยามวิกาลอย่างชัดเจน เขาเดินมาหยุดยืนใกล้ศีรษะลูกชายข้าพเจ้าแล้วก้มหน้าส่ายไปมาอย่างช้า ๆ เหมือนกำลังจ้องมองใบหน้าลูกชายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจ้องมองดูหน้าอาคันตุกะชราด้วยใจระทึก ใบหน้าของเขาเรียวยาวเหมือนไข่ มีเส้นสีดำตัดผ่านไปมาเหมือนลูกระเบิดมือ และมีแสงสีขาวเรืองรองพุ่งออกมาโดยรอบ ข้าพเจ้ากำลังจะเอ่ยปากถาม ภาพที่ปรากฏก็หายวับไปพร้อมกับความมืดเข้ามาแทนที่ ข้าพเจ้าลุกขึ้นนั่งตั้งสติถามตัวเองว่า นี่เราฝันไปหรือเปล่า พึมพำเบา ๆ ในความมืดว่า ขอดูอีกครั้งได้ไหม แต่ทุกอย่างเงียบ ข้าพเจ้าจึงนั่งทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น แล้วล้มตัวลงนอนเพื่อขอพบอาคันตุกะอีกครั้งในความฝัน แต่กลับไม่ฝันเลย เช้าวันรุ่งขึ้นจึงไปเล่าให้พระอาจารย์คำผายฟังที่วัดพร้อมสรุปว่า น่าจะเป็นวิญญาณคุณพ่อมาเยี่ยมหลานชายของท่าน พระอาจารย์คำผายหัวเราะหึ ๆ ท่านคงรู้ว่าพ่อของข้าพเจ้าเพิ่งเสียชีวิตไม่นาน วิญญาณยังคงเป็นสัมภเวสีคือยังหาที่เกิดใหม่ไม่ได้ จึงให้ความเห็นเลี่ยงไปเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้าเป็นกังวลว่า คงเป็นผีปู่ตาหรือเจ้าปู่มากกว่า เพราะระยะนี้ผีปู่ตาออกหาเยี่ยมลูกหลานบ้านเราหลายคนแล้ว แต่ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ต้องเป็นวิญญาณคุณพ่อของข้าพเจ้าอย่างแน่นอน จึงตั้งใจทำบุญตักบาตร ให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา พร้อมกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน
พระอาจารย์
ถ้าไม่เล่าถึงพระอาจารย์คำผาย ชีวประวัติข้าพเจ้าคงไม่สมบูรณ์ เพราะท่านเป็นผู้ที่ปั้นข้าพเจ้าต่อจากพ่อแม่และครูอาจารย์ที่โรงเรียนให้เป็นคนดี มีความรู้ความสามารถและอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ หลังจากคุณพ่อข้าพเจ้าเสียชีวิตได้ไม่นานพระอาจารย์คำผาย วชิรญาโณ เจ้าอาวาสวัดบ้านด่านม่วงคำ ก็เริ่มอาพาธและถึงแก่มรณภาพในเวลาต่อมา พระอาจารย์คำผายเป็นผู้หนึ่งที่ดำเนินตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แก่พระอานนท์ก่อนดับขันธ์ปรินิพพานว่า ดูกรอานนท์ ตราบใดที่ยังมีผู้ปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปดประการอยู่ โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ พระอาจารย์คำผายได้ปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปดประการอย่างเคร่งครัดจริงจังมาโดยตลอด รวมทั้งสอนให้ข้าพเจ้ายึดเอาแนวทางนี้ในการใช้ชีวิต ซึ่งกล่าวโดยสรุปคือ ให้ทานเพื่อช่วยเหลือคนอื่นซึ่งจะส่งผลให้จิตของเราเกิดความรู้สึกภูมิใจ แกล้วกล้าอาจหาญ รักษาศีลเพื่อรักษากายวาจาให้เรียบร้อย ไม่เป็นการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน และเจริญภาวนาด้วยการใช้สติคอยกำกับจิตมิให้คิดปรุงแต่งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสและอารมณ์ที่มากระทบกับตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ว่าดี ว่าร้าย น่าปราถนา ไม่น่าปรารถนา ให้จิตทำหน้าที่เพียงการรับรู้เท่านั้น เมื่อจิตไม่วอกแวกวุ่นวาย จิตจะสงบรวมเป็นหนึ่งเดียว มีพลังในการกำหนดรู้ทุกข์คือความไม่สบายกายและความไม่สบายใจ กำหนดละตัณหาคือความทะยานอยากได้นั่น อยากได้นี่ อยากเป็นนั่น อยากเป็นนี่ อยากไม่ได้นั่น อยากไม่ได้นี่ อยากไม่เป็นนั่น อยากไม่เป็นนี่ และทำการบรรลุธรรมให้แจ่มแจ้งกล่าวคือการใช้สติกำกับจิตให้เบิกบานแจ่มใส ว่างเปล่า และเป็นสุขทุกขณะ พระพุทธเจ้าตรัสว่า นิพพานัง ปะระมัง สูญญัง นิพพานว่างอย่างยิ่ง นิพพานัง ปะระมัง สุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ซึ่งถ้าเดินตามทางที่ท่านสอนไว้ได้เราก็อาจถึงนิพพานในชาตินี้ พระอาจารย์คำผายบรรลุอรหันต์หรือไม่ข้าพเจ้าไม่อาจจะทราบได้ เพราะการบรรลุธรรมเป็นเรื่องเฉพาะตัว ขอเพียงปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปดประการก็ถือว่าเป็นพระปฏิบัติดีแล้ว ตรงแล้ว และชอบแล้ว ท่านได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อมีอายุได้หกสิบสองปี คงเหลือแต่คุณความดีที่ท่านได้ทำไว้ประดับโลกและทับไว้ในใจของผู้คนที่เคยได้รับธรรมคำสอนจากท่าน ส่วนข้าพเจ้าได้รับความรู้ ประสบการณ์ชีวิต และความช่วยเหลือจากท่านนานับประการ จึงยังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่ต้องทดแทนอีกมาก
นางไม้
ข้าพเจ้าซื้อที่ดินครึ่งไร่ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสถานีอนามัยใกล้โรงเรียนจากชาวบ้านในราคาสี่พันบาท จ้างช่างไม้มาก่อสร้างบ้านให้ในราคาแปดพันบาท ต้องตัดต้นมะขามขนาดใหญ่ออกสามต้น คงเหลือต้นมะขามใหญ่หลังบ้านอีกหนึ่งต้น หลังจากสร้างบ้านเสร็จ ย่างเข้าปีใหม่ข้าพเจ้าก็พาครอบครัวพ่อแม่ลูกรวมสามคนย้ายจากบ้านพักครูเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่เอาโชคเอาชัยตามประเพณี พอคืนที่สามข้าพเจ้านอนหลับฝันไปว่าเห็นหญิงสาวผมยาวประบ่าหน้าตาสะสวยสองคน แอบนั่งร้องไห้กระซิก ๆ อยู่ที่บันใดบ้าน ข้าพเจ้าเดินไปถามว่าพวกเธอเป็นใคร ทำไมจึงพากันมานั่งร้องไห้อยู่ที่นี่ สองสาวก้มหน้าไม่พูดอะไรเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว ข้าพเจ้าตื่นจากความฝันด้วยความตื่นเต้น จึงลุกขึ้นนั่งตั้งสติ หลังจากนั้นจึงมุดมุ้งออกมา เดินไปที่บันไดบ้านแล้วพูดเบา ๆ คนเดียวในความมืดว่า พี่ให้ช่างตัดต้นมะขามเพื่อสร้างบ้านทำให้น้อง ๆ ได้รับความเดือดร้อน พี่ไม่รู้ว่าน้อง ๆอยู่ที่นี่ พี่ขอโทษ บ้านพี่ก็ออกกว้างขวาง น้อง ๆ เลือกอยู่ตามสบายเลยนะ อยู่ด้วยกันที่บ้านนี่แหละ ตรงไหนก็ได้ จากนั้นจึงกลับเข้านอนต่อ รุ่งเช้าข้าพเจ้าเล่าความฝันให้แม่บ้านฟัง แม่บ้านเอาด้ายสายสิญจน์มาผูกข้อมือข้าพเจ้าไม่ให้ไปไหนตามความเชื่อของเธอ และไปใส่บาตรพระเณรตอนเช้าที่ถนนหลังบ้านพร้อมอุทิศส่วนกุศลไปให้พวกเธอทั้งสองทุกเช้า ถึงเดือนแปดช่วงเข้าพรรษาขณะที่ข้าพเจ้าจ้างช่างต่อเติมหลังบ้านในราคาสองหมื่นบาท ข้าพเจ้าก็ฝันเห็นพวกเธอทั้งสองอีกครั้ง คราวนี้มาแปลก ทั้งสองแต่งตัวสวยงามยิ้มแย้มแจ่มใสยืนชูป้ายที่หน้าบันไดบ้าน คนน้องชูป้ายเลข 4 ส่วนคนพี่ชูป้ายเลข 5 แล้วหายวับไป ข้าพเจ้าสะดุ้งตื่นเล่าความฝันให้แม่บ้านฟัง ก่อนไปโรงเรียนแวะเสี่ยงโชค 45 และ 245 ตอนเย็นคนขายนำเงินสองหมื่นห้าพันบาทมาส่งถึงบ้านเพราะหวยออก 245 ส่วนแม่บ้านถูกสองตัวห้าร้อยบาท หลังจ่ายค่าช่างแล้วยังมีเงินเหลือห้าพันบาทจึงนำไปบริจาคสมทบทุนสร้างศาลาการเปรียญที่วัดป่าสระแก้ววราราม บ้านหนองฮังแหลวและอุทิศส่วนกุศลให้นางไม้ทั้งสอง ข้าพเจ้าคิดว่าพวกเธอคงไปอยู่ที่อื่นหรือไปเกิดใหม่แล้วตามบุญกรรมของพวกเธอจึงลืมเรื่องนางไม้ไปสนิท จนกระทั่งสิบกว่าปีต่อมา คืนนั้นดึกมากแล้ว อากาศค่อนข้างร้อน ข้าพเจ้าจึงกางมุ้งนอนคนเดียวที่หน้าห้องนอน ขณะเคลิ้มหลับก็เห็นนางไม้สองสาวปรากฏกายขื้นข้างที่นอน คนหนึ่งเปลือยกายนอนกับข้าพเจ้า ส่วนอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ หลังจากเสร็จสมอารมณ์ปรารถนาของเธอแล้วเธอก็ลุกขึ้นแต่งตัว ดึงแขนข้าพเจ้าให้ลุกขึ้นไปส่งพวกเธอ แปลกที่ข้าพเจ้าเหมือนถูกมนต์สะกดให้เป็นใบ้ ไม่เอ่ยปากถามพวกเธอเลยสักคำ ข้าพเจ้าเดินตามหลังสองสาวไปส่งถึงหน้าบ้านแล้วสะดุ้งตื่นจากความฝัน นับแต่นั้นมาข้าพเจ้าไม่เคยเห็นนางไม้สองสาวมาเยี่ยมในความฝันอีกเลย
เปิดบ่อน
บ่ายวันหนึ่งคุณสนิท คำภูแสน เจ้าหน้าที่เร่งรัดพัฒนาชนบท ผู้สันทัดกรณีย์เรื่องไก่ชนจัดปาร์ตี้แกงอ่อมเต่านาขึ้นที่บ้าน โดยเชิญเซียนไก่มาร่วมวงจำนวนยี่สิบกว่าคน คุณสนิทได้แจ้งข่าวดีขณะรับประทานแกงอ่อมเต่าว่า บ่อนไก่ของตู้ปั่น ชาวบ้านโคกสีจะขายในราคาสองพันสองร้อยบาท เนื่องจากข้าราชการเป็นเจ้าของบ่อนไก่ไม่ได้ ที่ประชุมจึงมีมติให้ตู้สาเตี้ย เป็นเจ้าของบ่อน ให้ทุกคนหาสุ่มไก่มาไว้ในบ่อนคนละหนึ่งสุ่ม และซื้อไก่ชนมาเลี้ยงไว้รองบ่อนคนละหนึ่งตัวเป็นอย่างน้อย ทุกคนลงขันกันหุ้นละหนึ่งร้อยบาท มีผู้ลงขันถือหุ้นจำนวนยี่สิบสองคนพอดีกับราคาบ่อนไก่ สถานที่ตั้งบ่อนอยู่ใต้ต้นมะขามใหญ่สามต้นหลังบ้านคุณสนิท(ปัจจุบันเป็นตลาด สดเจริญศิลป์ของคุณสนิท) แม้จะรู้ว่ามันเป็นงานบาปแต่ข้าพเจ้าอยากลองแช่น้ำต้มในกะทะทองแดงของยมบาล กับเพื่อน ๆดูสักตั้งว่ามันจะเย็นร้อนขนาดไหน จึงลงขันด้วยหนึ่งหุ้น เช่นเดียวกับข้าราชการครูอีกสองท่านคือ ครูต๋อง (ผอ.ชัยรบ ศรีทิน) กับครูเริง(ผอ.เรืองศิลป์ ศรีจำพลัง) หลังจากไปซื้อบ่อนไก่และโอนให้ตู้สาเตี้ยเป็นเจ้าของบ่อนไก่ได้เรียบร้อยแล้ว ก็ร่วมกันจัดหาไม้ไผ่ ฟางข้าว กระสอบเก่า ๆ เข็มเย็บกระสอบ และฟางสามสี่ม้วน มาสร้างบ่อนไก่ชั่วคราวขึ้น แบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยให้คุณสนิท ครูต๋องและครูเริงเปรียบไก่และแต้มเดือยไก่ที่เปรียบได้คู่แล้ว ตู้สาทางโค้งเป็นกรรมการประจำขันน้ำ ตีระฆังให้สัญญาณเป็นเงินและพักยก คุณสนิทจัดหาน้ำหากระเบื้อง เข็ม ด้าย พลาสเตอร์ปิดเดือยไก่ สีแต้มเดือยไก่ที่เปรียบได้คู่แล้ว หุงข้าวไว้ใบริการไก่หนึ่งหม้อและเป็นกรรมการปิดตอไก่ ปล่อยไก่ แยกไก่ ตัดสินแพ้ชนะเสมอ ตู้สาเตี้ยเก็บเงินพ่อค้าแม่ค้า ตู้พึ้มเป็นมือน้ำไก่รองบ่อน ที่เหลือเป็นกรรมการประชาสัมพันธ์ ทำความสะอาด และดูแลความสงบ ส่วนข้าพเจ้ามีหน้าที่ไปติดต่อขออนุญาตชนไก่ที่อำเภอสว่างแดนดิน เก็บเงินเดิมพัน จัดทำบัญชี เก็บเงินค่าหน้าไก่สิบเปอร์เซ็นของวงเงินเดิมพันทั้งสองฝ่ายรวมกัน และช่วยไกล่เกลี่ยการแบ่งเงินเดิมพันให้เจ้าของไก่ทีมที่ชนะ ซึ่งส่วนใหญ่แบ่งเงินไม่ลงตัวจนเกิดการทุ่มเถียงกันเสียงดังโขมงโฉงเฉงแทบทุกนัด บ่อนมีรายได้จากเงินเปอรฺเซ็นเดิมพันและเก็บจากพ่อค้าแม่ค้า ระยะแรกกิจการบ่อนไก่ไปได้ดีพอสมควร มีเงินเหลือพอได้แบ่งปันกันใช้บ้าง หลายปีต่อมาเจ้าของที่ดินบ่อนไก่จะสร้างบ้านทำสวนโค่นต้นขาม จึงต้องหาที่สร้างบ่อนใหม่ และลงหุ้นเพื่อสร้างบ่อนถาวรในที่ดินข้าพเจ้า ทำให้ทีมงานที่ไม่พร้อมถอนหุ้นไปเกือบหมด คงเหลือครูเริง ครูต๋องและข้าพเจ้าที่รับซื้อหุ้นคนอื่นเท่านั้น พวกเราลงหุ้นกันอีกครั้งด้วยเงินงบราชการลับคนละหนึ่งหมื่นบาทซื้อไม้และไพหญ้า และจ้างคนงานสร้างบ่อนไก่ตามจินตนาการของสถาปนึก เมื่อสร้างเสร็จเป็นบ่อนไก่ที่ใหญ่โตโอ่อ่าพอสมควร ปีแรก ๆเซียนน้อยใหญ่จากหมู่บ้านต่าง ๆนำไก่มาประลองอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ข้าพเจ้าให้แม่บ้านรับขายอาหารและให้เจ้าทีม(ลูกชาย)เอาไข่ต้มใส่ถาดเดินเร่ขายในบ่อน ไก่รองบ่อนที่เลี้ยงไว้ชนะแทบทุกนัด แต่หุ้นส่วนบางท่านปิดบังอำพรางรายได้ไม่ให้แม่บ้านรู้ จึงถูกแม่บ้านจับไก่ชนตัวโปรดทุ่มใส่พื้นจนขาแพลงเดินไม่ได้และสั่งห้ามเล่นไก่ชนโดยเด็ดขาด หุ้นส่วนที่เหลือก็หมดแรงข้าวต้ม ข้าพเจ้าจึงต้องรับซื้อหุ้นทั้งหมดด้วยความจำใจ หลังจากดำเนินงานทำบ่อนไก่มาเป็นเวลาสิบปี บ่ายวันหนึ่งขณะที่ทุกคนกำลังนั่งรอชมไก่คู่สุดท้ายก็ได้ยินเสียงท่านผู้ชมส่งเสียงเชียร์และหัวเราะอย่างสนุกสนาน ข้าพเจ้าจึงเดินไปดูเห็นสุนัขสีขาวหางยาวตัวหนึ่งกำลังไล่งับหางของตัวเองเป็นวงกลมอยู่ที่สนามหญ้าข้าง ๆ บ่อนไก่ประมาณเกือบสิบนาทีจึงมีผู้ชมเอาก้อนหินขว้างทำให้มันวิ่งวนตีวงกว้างออกเรื่อย ๆ และวิ่งหายไปในป่าละเมาะ ข้าพเจ้าเก็บเอาเรื่องนี้มาคิดอยู่หลายวันได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่เห็นเป็นคำเตือนจากยมบาลว่าถ้าเองขืนเปิดบ่อนไก่ต่อไปเสร็จกูแน่ จึงตัดสินใจประกาศปิดบ่อนไก่อย่างถาวรและรื้อบ่อนไก่แบ่งปันไม้กัน ครูเริงเอาไม้ไปทำคอกวัว ครูต๋องเอาไม้ไปทำเล้าเป็ด ส่วนข้าพเจ้าเอาไปทำเล้าไก่ชนเหมือนเดิม เพราะยังนึกรักไก่ชนอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้เลี้ยงชนก็ขอให้ได้เลี้ยงไว้ฟังเสียงขันทุกเช้าเย็นเหมือนคนเลี้ยงนกเขาก็แล้วกัน
ไก่ชน
หลังจากประกาศเลิกบ่อนไก่แล้ว ก็หันมาเพาะเลี้ยงไก่ไปชนตามบ่อนในเมือง ในสมัยนั้นเชื่อกันว่า ถ้าต้องการได้ไก่ชนที่เก่งจะต้องผสมแบบเลือดชิดให้ได้เจ็ดชั่วโคตร ขณะนั้นข้าพเจ้ายังอยู่ที่บ้านพักครูห่างไกลจากชุมชนจึงปล่อยให้ไก่ผสมกันเองจนถึงรุ่นยายผสมกับหลาน ได้ลูกไก่หกตัวเป็นตัวผู้ห้าตัว พอมันโตเป็นไก่หนุ่มมีลักษณะสร้อยและเชิงตีแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กล่าวคือไอ้ด่างเขียวเอาแต่จิกอย่างเดียวไม่ยอมตี ไอ้เขียวคล้องบ่าจิกห้วปีกจิกหลังตีลำตัว ไอ้ด่างเหลืองมุดมัดปีกตีตัวทุบหลังคอ ส่วนไอ้ด่างเหลืองอีกตัวตีแล้ววิ่งล่อให้คู่ต่อสู้ไล่ตามจนเหนื่อยจึงกลับมาตี และไอ้ดู่ที่มีเชิงชนล็อกมุดมัดจิกบ่าตีตัวทุบหลัง แต่ทุกตัวมีลักษณะที่คล้ายกันคือขนหนาขาสั้นและตัวเล็กรอยประมาณสองกิโลครึ่ง ข้าพเจ้าขายตัววิ่งล่อให้ท่านอาจารย์สุพิทย์ จุลราช นำไปเลี้ยงออกชน ปรากฏว่าท่านไปเปรียบชนแบกน้ำหนักสูงใหญ่ ชนห้ายก ผู้ชมหัวเราะสนุกสนานเพราะมันตีไปวิ่งไป ท้ายสุดเจ้าของไก่ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้กลัวแพ้จึงขอเสมอต้นยกสี่ ข้าพเจ้านำตัวสีด่างเหลืองมุดปีกไปชนกับไก่หัวจุกเดือยยาวแหลมยังกะขนเม่นของตู้พึ้ม มันมุดเข้าปีกจิกหลังตีจนคู่ต่อสู้แหกปากร้องยอมแพ้ปลายยกที่สอง ตัวที่มีสร้อยสีประดู่สวยและหุ่นดีข้าพเจ้าขายให้เซียนไก่จังหวัดอุดรธานี ส่วนไอ้เขียวกัดอย่างเดียวไม่ยอมตีและไก่ตัวเมียขาสั้นหางยาวก็ถอนขนให้แม่บ้านแกงอ่อม ไอ้เขียวกัดหลังตีอย่างเดียวขายให้เพื่อนครูอำเภอวาริชภูมิซึ่งเทียวมาสอนในโรงเรียนเจริญศิลป์วิทยาด้วยกันในราคาสองร้อยบาท ต่อมาท่านนำมาขายคืนในราคาสองร้อยห้าสิบบาท ข้าพเจ้าจึงเลี้ยงและนำมันไปเปรียบชนในบ่อนป่า ได้คู่ชนเป็นไก่สีเทาของตู้ฮมบ้านโคกศิลา ไอ้เขียวแบกน้ำหนักและส่วนสูง ข้าพเจ้าจึงขอชนแค่สามยก ปรากฏว่ายกสุดท้ายไอ้เขียวกัดหลังถอนขนตีไก่ตู้ฮมลงไปนอนกองกับพื้นจนลุกไม่ได้แต่ระฆังช่วยไว้ทันจึงเสมอกัน ข้าพเจ้านำไอ้เขียวมาขังไว้ใต้ถุนบ้านตามเดิม ท่านอาจารย์ชัยรบ ศรีทิน ผู้ช่วยครูใหญ่เทียวมาขอซื้อเช้าเย็นแทบทุกวัน ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านคงอยากได้จนนอนไม่หลับเป็นแน่ จึงตัดสินใจขายไอ้เขียวกัดหลังให้ท่านไปในราคาสี่ร้อยบาท หลังจากนั้นไม่นานท่านได้ชักชวนเพื่อน ๆขี่รถมอเตอร์ไซด์ขบวนใหญ่ ข้าพเจ้าอุ้มไอ้เขียวน้อยสะพายถุงอุปกรณ์ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์อาจารย์ชัยรบไปเปรียบชนที่สนามชนไก่ในตัวเมืองสว่างแดนดินได้คู่กับไอ้เทานรกจากอำเภอชัยวาน จังหวัดอุดรธานี ไอ้เขียวน้อยเสียเปรียบด้านรูปร่างประมาณห้าสี่ แต่เราได้อายุกว่า ตกลงชนกันหกยก เดิมพันข้างละสามพันบาท ข้าพเจ้าลงเดิมพันด้วยหนึ่งพันบาท กลางยกที่หนึ่งไอ้เขียวน้อยโดนแทงตาบอดเป็นรองอยู่ห้าต่อสอง เราก็รองกันไว้คนละนิดละหน่อย พักยกมือน้ำของฝ่ายเราต้องเย็บผนึกตาข้างที่บอดไว้ ยกต่อ ๆมาไอ้เขียวน้อยทะยอยกัดหลังถอนขนตีแทงอัดลำตัวคู่ต่อสู้จนขนหลังไม่เหลือ เดินกระโผลกกระเผลกวิ่งหนีร้องจ้ากยอมแพ้ในต้นยกที่ห้า ขัาพเจ้าไปรับเงินเดิมพันจากนายบ่อนมาแบ่งกัน เมื่อกลับถึงบ้านอาจารย์ชัยรบคืนไอ้เขียวน้อยให้ข้าพเจ้านำไปรักษาเอาเอง ข้าพเจ้ารักษาดูแลมันอย่างดี และปล่อยให้ผสมพันธ์กับยายทวดของมันต่อไป แต่ทั้งคู่ตายด้วยโรคห่าในเวลาไม่นานนัก จึงยังไม่รู้ว่าลูกของมันจะเป็นอย่างไร พอสรุปได้ว่าการผสมไก่แบบเลือดชิดจะได้ลูกไก่ตัวเล็กขาสั้นลงเรื่อย ๆ และมีเชิงชนที่แตกต่างหลากหลาย จุดเด่นคือขนดกหนา
พลิกล็อก
ใกล้ออกพรรษาทุกปี เซียนไก่ทั้งหลายจะหาซื้อไก่ชนวัยรุ่นมาขังสุ่มเลี้ยงเพื่อเตรียมตัวออกชนตามบ่อนไก่ทั่วไป ราคาไก่ชนจะขึ้นเป็นสองสามเท่าของราคาปกติ ข้าพเจ้าไปขอซื้อไก่ชนจากท่านอาจารย์สุพิทย์ จุลราช ได้มาในราคามิตรภาพสองตัวห้าร้อยบาท ขังสุ่มไว้ใต้ถุนบ้านพักครู ตัวที่หนึ่งสีด่างจึงตั้งชื่อให้มันว่าไอ้ด่าง ตัวที่สองสร้อยสีประดู่แดงจึงตั้งชื่อให้มันว่าไอ้แดงน้อย ทะนุถนอมกล่อมเลี้ยงมันอย่างดี เรียกลูกพ่อทุกคำเหมือนเซียนไก่ทั้งหลายเขาเรียกกัน อาบน้ำลงขมิ้นล้างตีนเช็ดหน้านวดแข้งนวดขาให้ทุกเช้าเย็น ตื่นนอนตอนดึกก็ทำทีลงไปปัสสาวะทั้งที่ความจริงหนีแม่บ้านย่องลงไปส่องดูไอ้โต้งว่ามันทั้งสองนั่งหลับหรือนอนหลับ ตอนเช้าตรวจดูอุจจาระของมันว่าถ่ายเป็นกองหรือถ่ายเรี่ยราดเพื่อจะได้คาดคะเนดูว่าสุขภาพดีหรือไม่ ตีสี่ตีห้าลุกจากที่นอนช่วยงานแม่บ้านแล้วไปล่อไก่ประมาณหนึ่งชั่วโมง เริ่มต้นเลี้ยงเจ้าด่างออกชนก่อน โดยอุ้มไอ้แดงน้อยหลอกล่อให้ไอ้ด่างวิ่งไล่ ล่อให้บินห้าร้อยครั้ง ล่อวนหนึ่งร้อยรอบ ล่อวิ่งวนแบบเลขแปดหนึ่งร้อยรอบ เช็ดหน้าเช็ดตาไก่ทั้งคู่แล้วขังสุ่มไว้ใต้ถุนบ้านพักครู ให้น้ำให้อาหารแล้วอาบน้ำทานข้าวไปโรงเรียน กลับจากโรงเรียนตอนเย็นก็ทำเหมือนเดิม พอครบสิบห้าวันก็นำมันขายให้องบาลเซียนไก่ในเมืองสว่างแดนดินในราคาเจ็ดร้อยบาท ได้กำไรสี่ร้อยห้าสิบบาท เปรียบได้คู่กับไก่รองบ่อน เสี่ยบู้ไล่ต่อถึงสามต่อสองตั้งแต่ยังไม่เข้าสนาม ไอ้ด่างตีไปขนปีกขนหางหล่นไป จึงตกเป็นรองถึงสามต่อหนึ่ง คนต่อคนรองกันวุ่นวาย ข้าพเจ้ารองไว้สองร้อยบาท สุดท้ายไอ้ด่างกำลังดีตีไม่หยุดชนะไปในยกที่ห้า ข้าพเจ้าได้เงินหนึ่งพันสามร้อยบาท กลับบ้านไปซื้อไก่ล่อตัวหนึ่งราคาเก้าสิบบาท เลี้ยงเจ้าแดงน้อยออกชนบ้าง แต่เพิ่มการล่อให้บินเป็นเช้าแปดร้อย เย็นสองร้อย พอครบสิบห้าวันก็ขายให้ช่างธงในเมืองสว่างแดนดินในราคาแปดร้อยบาท ช่างธงนำไปลงนวมปล้ำดูแล้วเป็นที่พออกพอใจมากจึงส่งข่าวและนัดหมายให้ข้าพเจ้าเข้าไปเล่นเดิมพันด้วย ถึงวันนัดหมายข้าพเจ้าเดินทางไปถึงบ่อนไก่สว่าง พบช่างธงยืนเฝ้าสุ่มขังเจ้าแดงน้อยรออยู่ บอกว่าเปรียบได้คู่กับไอ้พนมไพรซึ่งเป็นไก่ของเสี่ยบู้ ตกลงชนกันในราคาฝ่ายละสามพันบาท เข้าชนเป็นคู่แรก ออกเดิมพันคนละครึ่ง เซียนไก่เอาไอ้พนมไพรไล่ต่อราคาถึงห้าต่อสามตั้งแต่ยังไม่นำไก่เข้าสู่สังเวียน ข้าพเจ้าก็รองไว้จนหมดเงินที่ได้จากการขายไอ้แดงน้อย หมดยกที่หนึ่งไอ้แดงน้อยถูกตีตัวหักปีกห้อย เป็นรองถึงสามต่อหนึ่ง คนเชียร์ไอ้พนมไพรพูดจาเยาะเย้ยถากถาง โดยบอกให้ช่างธงเอาไอ้แดงน้อยใส่ถุงกอบแกบ(ถุงพลาสติก)กลับบ้านด้วย ช่างธงโมโหจนหนวดกระดิก ยกสองยกสามยกสี่เป็นรองถึงห้าต่อหนึ่งทั้ง ๆที่ไอ้แดงน้อยตีได้มากกว่า แต่อย่างว่าเซียนต่อมองอนาคตแต่เซียนรองมองตามสายตาที่เห็น ต้นยกที่ห้าไอ้แดงน้อยแรงยังดีบินตีไม่หยุด ใช้เดือยแทงเข้าท้ายทอยไอ้พนมไพรเลือดไหลเป็นทางแหกปากร้องวิ่งกระโดดออกจากสังเวียนแพ้ไปในต้นยกที่ห้านี้เอง ช่างธงกระโดดลงไปนอนกลิ้งในสังเวียนด้วยความสะใจ เซียนรองตะโกนโหวกเหวกเต้นแร้งเต้นกาหาเก็บเงินจากเซียนต่อด้วยความดีใจ ส่วนเซียนต่อบ่นอุบว่าถ้ามีอย่างนี้อีกคู่กูตายแน่ เข้าทำนองเซียนอยู่รูหมูอยู่ตึก กว่าจะเคลียร์กันเสร็จชุลมุนวุ่นวายเกือบครึ่งชั่วโมง
ลูกชายคนเล็ก
ขณะลูกชายคนโตอายุได้สิบปีและกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่สี่ ภรรยาตั้งครรภ์ได้ประมาณสามเดือนก็ฝันว่าได้ต่างหูทองคำ คืนต่อมาข้าพเจ้ากลับฝันไปว่า มีสุนัขตัวใหญ่มาก ๆ ตัวหนึ่งวิ่งเข้าไปอยู่ใต้เตียงนอน ข้าพเจ้าตื่นเต้นตกใจตื่นขึ้นกลางดึก นั่งนึกทบทวนความฝันของตัวเอง ปลุกภรรยาขึ้นมาฟังความฝันและคำทำนาย ข้าพเจ้าทำนายว่า จะได้ลูกชายที่รักผูกพันซื่อสัตย์มั่นคงเหมือนสุนัขรักเจ้าของ เขาจะอยู่ดูแลแม่ในวันข้างหน้าเช่นเดียวกับลูกชายคนแรก เขาจะมีสติปัญญาปานกลางเท่านั้น เราจะต้องอบรมเลี้ยงดูเขาอย่างเอาใจใส่จึงจะช่วยให้เขาสามารถเลี้ยงตัวเองได้ เมื่อถึงกำหนดคลอด คุณหมอที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดินทำคลอดให้ด้วยการผ่าตัดเหมือนลูกชายคนแรก เราช่วยกันตั้งชื่อให้ลูกชายคนนี้ว่ากิตติชัย ชื่อเล่นภรรยาตั้งเองว่าแตงไทย เขาตัวเล็กกว่าคนอื่นในชั้นเรียนเพราะเกิดปลายปี ความสามารถทางการเรียนพอปานกลาง ตามใจเพื่อนและติดเกมส์ขณะเรียนชั้นมัธยมศึกษา กลับบ้านดึกดื่นตีหนึ่งตีสองแทบทุกคืน บางคืนสว่างคาร้านเกมส์ ภรรยตีโพยตีพายหาว่าข้าพเจ้าไม่สอนลูก ข้าพเจ้าได้แต่หัวเราะเพราะไม่รู้จะสอนลูกอย่างไรเขาจึงจะเลิกเล่นเกมส์ได้ มันก็คงเหมือนกับที่ข้าพเจ้าติดการพนันชนไก่นั่นแหละ ข้าพเจ้าแก้ปัญหาเรื่องลูกติดเกมส์ด้วยการพูดคุยโน้มน้าวให้ลูกมีความฝัน สร้างสนามแบดมินตันพร้อมชักชวนเพื่อน ๆ ของลูกไปเล่นแบดมินตันที่บ้านทุกเย็น หลังเลิกเล่นแล้วบางครั้งก็หาเรื่องมาพูดคุยกับพวกเขาเพื่อสร้างฝัน ปล่อยให้ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเพื่อฝึกการตัดสินใจ ตอนที่ลูกกลับจากเล่นเกมส์ตอนดึกข้าพเจ้าก็จะลุกขึ้นมานั่งอบรมขณะเจ้าลูกชายนั่งในมุ้งเตรียมจะนอนว่า พ่อกับแม่นับวันจะแก่เฒ่า จะมีชีวิตยืนยาวถึงวันที่ลูกเรียนจบปริญญาตรีมีงานทำหรือไม่ยังไม่รู้ ลูกต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่วันนั้นจะมาถึง พ่อกับแม่ช่วยลูกได้เพียงส่งเสียให้ลูกได้ศึกษาเล่าเรียนเท่านั้น การเรียนจบมีงานที่ดีทำเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวของลูกเมื่อถึงวัยอันควรเป็นภาระหน้าที่ของลูกที่ต้องทำเอง สำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับความขยันหมั่นเพียรมานะอดทนของลูกทั้งสิ้น ถ้าลูกเล่นเกมส์จนไม่มีเวลาพักผ่อนหลับนอนอย่างนี้ ไม่นานร่างกายก็จะอ่อนแอ โรคภัยไข้เจ็บก็จะตามมา สมองก็จะอ่อนล้า การเรียนอ่อนเรียนไม่จบก็จะตามมา คนที่จะประสบความสำเร็จในการเรียนนั้นต้องแบ่งเวลาในแต่ละวันให้พอเหมาะเช่น นอนแปดชั่วโมง เรียนแปดชั่วโมง ที่เหลืออีกแปดชั่วโมงเป็นการใช้ชีวิตประจำวันเช่นอาบน้ำ ทานอาหาร ออกกำลังกายประจำวันเป็นต้น แต่ดูเหมือนว่าคำสอนของข้าพเจ้าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเพราะเขายังคงกลับดึกเหมือนเดิม จึงปล่อยให้เขาเล่นเกมส์ต่อไป เพราะมนุษย์ไม่ใช่หุ่นกระบอก แม้แต่พระเจ้าก็ยังไม่สามารถบังคับให้มนุษย์ทุกคนเชื่อถือพระองค์ได้ ข้าพเจ้าเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นจะทำอะไรได้ ชีวิตของเขาก็ต้องเป็นของเขา เราเปลี่ยนแปลงเขาไม่ได้นอกจากเขาจะเปลี่ยนแปลงเอง พอเรียนจบมัธยมปลาย เขาเล่นเกมส์จนลืมไปสมัครสอบเอ็นทรานซ์ ข้าพเจ้าถามว่าอยากเรียนอะไร เขาตอบว่าแล้วแต่พ่อ จึงต้องให้ครูทีมพี่ชายของเขาซึ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ขับรถพากันไปส่งเข้าห้องสอบคณะนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามรอบพิเศษด้วยความคิดว่า เมื่อเรียนจบคงหางานทำได้ง่ายกว่าเรียนอย่างอื่น ปล่อยให้เขาเรียนหนึ่งปีได้เกรดหนึ่งบ้างศูนย์บ้างทุกวิชาเพราะมัวแต่ขับรถมอร์เตอร์ไซด์พารุ่นพี่ไปทัวร์เล่นพนันบั้งไฟแทบทุกวัน จึงพากันไปตามกลับมาสอบเข้าเรียนคอมพิวเตอร์ศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ผลการเรียนระดับ 2.68 และดีขึ้นตามลำดับ เพราะเขามีความฝันอยากเป็นครู เขาบอกเจ้าทีมพี่ชายของเขาว่า ที่เขาไปเรียนนิติศาสตร์นั้นเขาเรียนตามความฝันพ่อ ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจมากที่ลูกมีความฝันเองแล้ว แม้จะช้าไปบ้างก็คงยังไม่สายที่จะก้าวเดิน เพราะเส้นทางสายชีวิตสำหรับเขายังอีกยาวไกล
สงครามเย็น
1.ได้ล่างเสียบน
ข้าพเจ้าย้ายไปเป็นครูใหญ่โรงเรียนแห่งใหม่เมื่อปี 2521 ตั้งใจว่าจะอยู่อย่างสงบไม่รบกับใคร แต่พอถึงฤดูกาลขอความดีความชอบให้ลูกน้องในโรงเรียนก็ลำบาก ถึงกับนอนไม่ค่อบหลับ เพราะกฏระเบียบเขียนไว้ว่า ครูเจ็ดคนได้สองขั้นหนึ่งคนเท่านั้น แต่ที่โรงเรียนมีครูน้อยเพียงห้าคน หลายปีที่ผ่านมาครูน้อยโรงเรียนเล็กเป็นครูมาสิบปียังไม่เคยได้สองขั้น ในขณะที่ครูน้อยโรงเรียนใหญ่ได้สองขั้นบ่อย เพราะผู้บริหารโรงเรียนใหญ่เขามีบารมี สามารถสรรหาคำพูดมาชี้แจงแสดงเหตุผลช่วยลูกน้องได้เก่งกว่า ต่อมาทางราชการให้ตั้งกลุ่มโรงเรียนขึ้นกลุ่มละเจ็ดถึงเก้าโรงเรียนต่อหนึ่งกลุ่ม ผู้บริหารโรงเรียนเล็กรวมทั้งข้าพเจ้าด้วยได้ประชุมปรึกษาหารือกันว่าต่อไปนี้เราจะต้องรวมกลุ่มเพื่อช่วยเหลือกันในทุกเรื่องของการแข่งขัน สำหรับเรื่องสองขั้นจะต้องเอาครูโรงเรียนเล็กทุกคนมารวมกันเพื่อช่วยแบ่งสองขั้นให้กันตามกฏระเบียบ ถ้าเหลือเศษมากน้อยแค่ไหนจะต้องส่งตัวบุคลที่อายุราชการนานเจ็ดปีขึ้นไปลงแข่งขันกับครูโรงเรียนใหญ่แล้วช่วยกันยกมือสนับสนุน ปีแรกที่รวมกลุ่มกันเป็นโรงเรียนข้าพเจ้าที่ต้องส่งครูน้อยลงแข่งขันด้วยโคว์ต้าโรงเรียนเล็กเพียง 0.05 เมื่อถึงวันประชุมพิจารณาความดีความชอบ ผู้บริหารโรงเรียนใหญ่ซึ่งเป็นประธานกลุ่มก็ออกไปเขียนรายละเอียดข้าราชการครูแต่ละโรงเรียนบนกระดานดำหน้าห้องประชุม ยกโคว์ต้าเศษเหลือของทุกโรงเรียนขึ้นมาพูดแล้วสรุปว่า แม้โรงเรียนเล็กจะรวมกันแต่โรงเรียนของท่านมีโคว์ต้า 1.95 จึงสมควรได้สองขั้นตัวจริง 1 คนและสำรองอีก 1 คนห้ามเถียง ทุกคนทำท่าว่าจะเห็นดีเห็นงามด้วย ข้าพเจ้าจึงจำเป็นต้องยกมือขออภิปรายด้วยความจำใจว่า ที่ท่านบอกว่าโรงเรียนของท่านมีครูน้อยได้สองขั้นเป็นตัวจริง 1 คนนั้นทุกคนรวมทั้งกระผมเห็นด้วยและไม่มีใครเถียงอย่างแน่นอน ซึ่งกระผมก็ขอแสดงความยินดีด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่ที่ท่านบอกว่ามีโคว์ต้าเหลือมากถึง 0.95 แล้วต้องได้สองขั้นเพิ่มอีกหนึ่งคนนั้นกระผมไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะการบริหารงานบุคคลนั้นสลับซับซ้อน จะใช้ศาสตร์อย่างเดียวก็ไม่ได้ใจเพื่อนร่วมงาน จะใช้ศิลป์อย่างเดียวงานก็ไม่เดิน ทางราชการจึงต้องออกกฏระเบียบให้มีกลุ่มโรงเรียนโดยมีผู้บริหารทุกคนในกลุ่มเป็นคณะกรรมการดูแลครูทุกคนในกลุ่มโรงเรียน รวมทั้งให้ความดีความชอบโดยเท่าเทียม โรงเรียนของกระผมมีโคว์ต้าเพียง 0.05 ก็จริงแต่มีค่าไม่แตกต่างไปจากโคว์ต้าของโรงเรียนท่านพี่ที่มีโคว์ต้าเหลือถึง 0.95 เพราะถ้าทั้งสองโรงเรียนไม่ยินยอมรวมโคว์ต้ากันก็จะไม่มีใครได้สองขั้นในเรื่องนี้ ในตอนนี้โคว์ต้า 0.95 ของโรงเรียนท่านพี่กับโคว์ต้า 0.05 ของโรงเรียนกระผมมีจึงค่าเป็น 0 เท่ากันทุกประการ การพิจารณาความดีความชอบสองขั้นของกลุ่มโรงเรียนของเราต่อจากนี้ควรเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการทุกคนว่าสมควรจะให้แก่ครูโรงเรียนไหน ต่อจากนั้นเพื่อนผู้บริหารโรงเรียนเล็กก็ช่วยกันรุมกินโต๊ะท่านประธานด้วยเหตุผลนานับประการ และที่สำคัญให้ผู้บริหารคู่แข่งทั้งสองโรงเรียนเสนอชื่อครูน้อยที่จะลงแข่งขันกันเพื่อรับการพิจารณาจากที่ประชุม ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบผลงาน อายุราชการ ความถี่ห่างที่เคยได้สองขั้น วันลา เป็นต้นแล้วก็เสนอให้ลงมติลับ ผลปรากฏว่าลูกน้องของข้าพเจ้าได้สองขั้นในปีนั้นตามที่วางแผนกันไว้ ท่านประธานกลุ่มซึ่งก็คือผู้มีพระคุณของข้าพเจ้านั้นเอง ท่านพี่เสียใจมากถึงขนาดหอบกระเป๋าเอกสารเดินเหม่อลอยออกจากห้องประชุมบ่นพึมพำด้วยความมึนงงว่า ทำไม 0.95 จึงมีค่าเท่ากับ 0.05 และประกาศว่าจะไม่เผาผีกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกทั้งดีใจและเสียใจกับชัยชนะที่ได้มา ผู้สันทัดกรณีย์เรื่องชีวิตกล่าวไว้ว่า บางครั้งชีวิตของคนเราก็ได้อย่างเสียอย่าง เหมือนผู้หญิงนุ่งผ้าขาวม้า ได้บนก็เสียล่าง ถ้าได้ล่างก็เสียบน
สงครามเย็น
2. ฟลุ๊ก
เมื่อถึงฤดูกาลแข่งขันกีฬากลุ่ม โรงเรียนของเราซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีนักเรียนเพียง 60 กว่าคนที่ข้าพเจ้าทำงานเป็นครูใหญ่ ต้องส่งนักเรียนไปร่วมการแข่งขันกีฬากลุ่มทุกประเภทกีฬา การเอาชนะโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีนักเรียนห้าหกร้อยคน จึงเป็นเรื่องยากพอ ๆ กับเข็นครกขึ้นเขา เพราะเพียงแค่การส่งนักกีฬาฟุตบอลให้ครบทีมก็ต้องคัดเอานักเรียนชายตั้งแต่ชั้น ป. 2 ถึงชั้น ป.6 มารวมกัน คงจะสู้กับนักกีฬาชั้น ป. 6 ล้วน ๆ ของโรงเรียนใหญ่ไม่ได้ แต่ข้าพเจ้าก็ฝันว่าถ้าลองได้เป็นแชมป์สักครั้งหนึ่งคงได้คุยไปตลอดชีวิต จึงทดลองเป็นโค้ชตระกร้อและฟุตบอลทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเล่นกีฬาประเภทนี้เลยในชีวิต ข้าพเจ้าฝึกซ้อมโดยมอบลูกตระกร้อและลูกฟุตบอลให้นักเรียนชายไปหัดเดาะหัดเล่น และฝึกซ้อมการเลี้ยงเดี่ยวยิงประตูทุกวัน และเพื่อสร้างแรงจูงใจจึงตั้งรางวัลการแข่งขันแทบทุกวัน เช่นแข่งขันการเดาะลูกฟุตบอล ลูกตระกร้อ ทั้งเดาะคู่ เดาะเดี่ยว โหม่งลูกไกล และโหม่งลูกเข้าประตู วันละสองบาทบ้างสามบาทบ้างตามโอกาส ส่วนนักกีฬาวอลเล่ย์บอลหญิงก็มอบหมายให้คุณครูฝึกซ้อมทุกวันทำการ ด้วยการทำงานแบบเอาจริงเอาจัง อีกสี่ปีต่อมานักเรียนชั้น ป. 6 ซึ่งมีทั้งสิ้น 7 คน เป็นนักเรียนชาย 3 คน ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาฟุตบอลและนักกีฬาตระกร้อ นักเรียนหญิง 4 คนได้รับคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลโดยไม่มีข้อยกเว้น เมื่อถึงวันแข่งขันทีมฟุตบอล วอลเล่ย์บอลและตระกร้อของโรงเรียนเราได้รับชัยชนะทุกครั้งจนถึงรอบชิงชนะเลิศ คืนก่อนวันแข่งขันชิงชนะเลิศข้าพเจ้านอนหลับและฝันไปว่าตัวเองได้ลงวิ่งแข่งขันในสนามแข่งขันท่ามกลางสายลมที่พัดกระหน่ำอย่างรุนแรง แต่ข้าพเจ้าวิ่งแซงชนะทุกคน เมื่อถึงเวลาลงแข่งขันฟุตบอลกับทีมโรงเรียนคู่แข่งท่ามกลางสายลมพัดเหมือนความฝัน ข้าพเจ้าวางแผนการเล่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมากล่าวคือแบ่งนักเรียนชั้น ป. 6 ให้เล่นกองหน้า 1 คน กองกลาง 1 คน และกองหลัง 1 คน นอกนั้นให้นักเรียนชั้นอื่น ๆ กำกับติดตามนักกีฬาคู่ต่อสู้ตัวต่อตัวและรีบเข้าซ้อนสองหรือสามทันทีที่คู่ต่อสู้ได้ลูก ให้กองหน้าถือโอกาสเลี้ยงลูกหลุดเดี่ยวเข้ายิงประตูให้ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนเพราะกองหน้าทีมเราเลี้ยงลูกหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงประตูได้อย่างสวยงาม จากนั้นก็สั่งให้ทั้งศูนย์หน้าและกองกลางกลับลงมาช่วยกองหลังอุดประตูอย่างเดียว สั่งให้ผู้เล่นคนอื่นขึ้นไปเล่นกองกลางและกองหน้าแทน ครึ่งหลังลมพัดกระโชกแรงมาทางทีมเรา และทีมเราถูกบุกยิงฝ่ายเดียวร่วมยี่สิบกว่าครั้ง แต่ลมกลับช่วยพัดลูกฟุตบอลให้ชนคานบ้างหลุดออกข้างบ้าง เหินฟ้าบ้าง ประตูเรารับได้บ้างจนหมดเวลาของการแข่งขัน ทีมเราเป็นฝ่ายชนะ 1 ประตูต่อ 0 ทีมตระกร้อและวอลเล่ย์บอลก็ชนะเลิศเช่นเตียวกัน ทราบในภายหลังว่าโค้ชทีมฟุตบอลคู่แข่งถึงกับหลั่งน้ำตากับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ผู้สันทัดกรณีย์กล่าวว่า อย่างนี้เขาเรียกว่าฟลุ๊ก
สงครามเย็น
3. ความลับชั้นที่สุด
ปีแรกที่ข้าพเจ้าย้ายไปเป็นครูใหญ่ เมื่อฤดูกาลสอบชิงทุนการศึกษาใกล้จะถึง ทุกโรงเรียนต้องส่งเงินเข้ากลุ่มเพื่อตั้งเป็นทุนการศึกษาสำหรับนักเรียน ข้าพเจ้าเรียกประชุมเพื่อนครูเพื่อปรึกษาหารือเรื่องติวและส่งรายชื่อนักเรียนเข้าสอบชิงทุนการศึกษาประจำปีของกลุ่มโรงเรียน คุณครูท่านหนึ่งแนะนำว่าโรงเรียนของเรามีครูสอนไม่ครบชั้นและเด็กของเราส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่พ่อแม่เรียนอ่อนซึ่งมีผลมาถึงลูกหลานพลอยเรียนอ่อนตามไปด้วย เรามีตัวเลือกไม่มากเพราะนักเรียนเราน้อย และที่สำคัญความรู้ของเด็กเราไม่แน่นพอที่จะสอบได้ที่หนึ่ง ที่สอง หรือแม้แต่ที่สาม แน่นอนว่าครูทุกคนต้องเตรียมนักเรียนอย่างเต็มที่อยู่แล้วแต่คงสู้ไม่ได้เหมือนทุกปีที่ผ่านมา สมัยครูใหญ่คนก่อน เราส่งรายชื่อนักเรียนเข้าสอบสลับชั้นกันเช่น จัดให้นักเรียนชั้น ป. 2 หนึ่งคนลงมาสอบร่วมกับนักเรียนชั้น ป. 1 ชั้น ป. 2 ก็จัดให้นักเรียนชั้น ป.3 ลงมาสอบร่วมหนึ่งคน ชั้นอื่น ๆ ก็จัดในลักษณะเดียวกัน ที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อให้นักเรียนของเราทุกชั้นสอบได้คะแนนดีไม่เป็นที่สุดท้ายของกลุ่ม ข้าพเจ้าต้องคิดหนักว่าจะตัดสินใจอย่างไร จะเอาที่สุดท้ายของกลุ่มทุกชั้นหรือจะทำตามครูใหญ่คนก่อน สุดท้ายข้าพเจ้าตัดสินใจมอบหมายให้ครูประจำชั้นตัดสินใจกันเอง ทำให้ผลคะแนนสอบออกมาตรงตามที่คุณครูประจำชั้นแนะนำทุกประการ เราสู้เขาไม่ได้จริง ๆ ปีต่อมาข้าพเจ้าจัดประชุมครูในโรงเรียนเพื่อปรึกษาหารือเรื่องการสอบชิงทุนการศึกษาว่า ปีนี้เราน่าจะเอาทุนการศึกษาที่เราเสียให้กลุ่มทุกปีคืนมาบ้างจึงอยากจะขอฟังความคิดเห็นจากเพื่อนครูว่าควรจะทำอย่างไร มีเพื่อนครูไอเดียกระฉูดท่านหนึ่งเสนอว่า ผมจะจัดการให้เองแต่ขอให้เพื่อนครูทุกคนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับชั้นที่สุด หลังการสอบแข่งขันชิงทุนการศึกษาสิ้นสุดผลปรากฏว่า นักเรียนชั้น ป. 2 ของโรงเรียนเราสอบได้อันดับที่ 1 ได้ทุนการศึกษาเป็นปีแรกนับตั้งแต่ตั้งโรงเรียนมา เช้าวันรุ่งขึ้นโรงเรียนทำอาหารกลางวันเลี้ยงฉลองความสำเร็จ ข้าพเจ้าแอบกระซิบถามคุณครูผู้ไอเดียกระฉูดด้วยความสงสัยว่า ชื่อเป็นนักเรียนชั้น ป. 2 แต่ทำไมคนสอบเป็นนักเรียนชั้น ป. 4 คุณครูท่านนั้นหัวเราะพร้อมกระซิบกลับมาว่า ก็ผมบอกแล้วไงว่า มันเป็นความลับชั้นที่สุด
สงครามเย็น
4. มาเหนือเมฆ
กาลครั้งหนึ่งโรงเรียนในอำเภอได้รับจัดสรรนักการภารโรง ในจำนวนนี้มีโรงเรียนข้าพเจ้าได้นักการภารโรงหนึ่งตำแหน่งด้วย ผู้มีอำนาจได้ดำเนินการประชุมผู้บริหารโรงเรียนที่ได้นักการภารโรงเพื่อแจ้งให้ทราบก่อนดำเนินการสอบคัดเลือก หลังจากเข้าร่วมประชุมที่อำเภอแล้ว ข้าพเจ้าเห็นว่าลูกเขยพี่เจริญคนในหมู่บ้านน่าจะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้จึงนำ ข่าวไปบอกให้เขานำหลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาใบประกาศนียบัตร ม. 3 ไปสมัครสอบที่สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ พอถึงวันสอบเขาไปสอบข้อเขียนแค่วันเดียวแล้วไม่ยอมไปสอบสัมภาษณ์เพราะไปทราบจากเพื่อนที่มาสอบด้วยกันว่ามีผู้สอบได้แล้วตั้งแต่ยังไม่ได้สอบ ข้าพเจ้าถูกพี่เจริญต่อว่ามากมายโดยกล่าวหาว่าข้าพเจ้ารู้ว่ามีการวิ่งเต้น แต่ไม่ยอมบอกแกเพื่อจะได้วิ่งเต้นกับคนอื่นบ้าง ข้าพเจ้ามึนงงอยู่หลายวันเพราะข้าพเจ้ากับผู้บริหารโรงเรียนที่ได้นักการภารโรงไปนอนออกข้อสอบที่สำนักงานทั้งคืน ส่งข้อสอบให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ พิมพ์เสร็จก็นำไปแจกให้ผู้เข้าสอบ เขาขายเฉลยข้อสอบไปก่อนออกข้อสอบตั้งหนึ่งอาทิตย์จึงเป็นเรื่องเหลือเชื่อ จนกระทั้งนักการภารโรงใหม่มารายงานตัว จึงถามเขาว่าเป็นความจริงหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่องจริง พวกผมได้ซื้อเฉลยข้อสอบแแบบปรนัยไปก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ส่วนข้อสอบภายหลังเป็นอย่างไรไม่รู้ พวกผมมีหน้าที่กากบาทให้ตรงกับเฉลยที่ซื้อไปเท่านั้น ข้าพเจ้าถึงบางอ้อเมื่อผู้สันทัดกรณีย์อธิบายว่า เขาโกงข้อสอบตอนพิมพ์ โดยพิมพ์สลับข้อถูกให้ตรงกับเฉลยที่ขายไปก่อนหน้านี้นั่นเอง โธ่ ! มาเหนือเมฆก็ไม่บอก
สารพันปัญหา
1. ไม่มีสิทธิเลือก
ในระบบราชการนั้น นายไม่มีสิทธิเลือกลูกน้อง และลูกน้องก็ไม่มีสิทธิเลือกนาย หน้าที่ของนายคือหาวิธีทำให้ลูกน้องทำงานตามภารกิจให้ได้อย่างดีที่สุด โดยมุ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ โรงเรียนเปิดขยายถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 คุณครูรุ่นบุกเบิกโรงเรียนมาด้วยกันย้ายไปเป็นครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ และผู้อำนวยการโรงเรียนหลายคน ทิ้งให้ข้าพเจ้าอยู่เผชิญปัญหาใหม่ที่กำลังตามมา โรงเรียนได้คุณครูใหม่มาแทนและเพิ่มจนครบชั้น บางคนขยันขันแข็งมาทำงานแต่เช้าทุกวัน บางคนมีปัญหาส่วนตัวที่กระทบมาถึงโรงเรียน เช่นเงินเดือนติดลบ เป็นนักเที่ยวกลางคืน มาโรงเรียนสายและกลับก่อนเวลา นอนหลับในห้องเรียนขณะทำการสอนแทบทุกวัน จับกลุ่มคุยกันไม่ยอมเข้าสอนตามเวลา และที่หนักสุดคือแอบไปสูบกัญชาแล้วเป็นบ้าเป็นบอ บางวันเมาหนักถึงกับเดินหน้าสามก้าวถอยหลังสองก้าว และนุ่งกางเกงในตัวเดียวใส่หน้ากากอินทรีแดงมาโรงเรียน แต่เมื่อถึงฤดูกาลพิจารณาความดีความชอบทุกคนอยากจะได้สองขั้นเหมือนกันหมด ไม่เว้นแม้แต่คุณครูที่เมากัญชา เพราะเห็นท่านลงทุนลงแรงปีนขึ้นไปตัดแต่งกิ่งต้นมะขามหน้าอาคารเรียนเป็นสองยอดเพื่อเตือนให้ครูใหญ่คิดถึงท่านบ้าง ผู้ปกครองก็แสดงความไม่พอใจที่ข้าพเจ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ บางคืนข้าพเจ้าต้องตื่นขึ้นมานั่งพิจารณาตัวเอง ไล่เลียงดูปัญหาและค้นหาวิธีแก้ กลางวันก็ไปแก้ปัญหาที่คิดว่าพอจะแก้ได้ในทันทีเช่น ปัญหาคุณครูจับกลุ่มคุยกันไม่ยอมเข้าสอนตามเวลา ส่วนปัญหาคุณครูนอนหลับในห้องเรียนขณะทำการสอนแก้ยากเพราะเป็นปัญหามาจากเงินเดือนติดลบและเที่ยวกลางคืน ข้าพเจ้าไม่มีเงินเดือนเหลือพอจะเผื่อแผ่แบ่งปันให้ได้ เพราะทุกคนก็ทำงานรับจ้างเป็นครูสอนนักเรียนหาเงินมาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวเหมือนกัน ก็ได้แต่ให้คำแนะนำตักเตือนเหมือนพี่เหมือนน้องว่า ให้เพลา ๆ การเที่ยวกลางคืนลงบ้าง เวลาเข้าสอนนักเรียนถ้ารู้สึกง่วงก็ให้ดื่มน้ำมาก ๆ จะได้ปวดเยี่ยวและไปห้องน้ำบ่อย ๆ แต่ถ้าจำเป็นต้องง่วงหรือหลับก็ให้แอบ ๆ หน่อย อย่าให้คนอื่นเห็นเพราะอาจถูกร้องเรียนเป็นต้น ส่วนปัญหาคุณครูแอบไปสูบกัญชาต้องใช้เวลาเพราะเป็นปัญหาใหญ่ ต้องค่อยแก้ไขไปทีละอย่าง ถ้าใช้ศาสตร์ในการแก้ปัญหาคือรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วไล่ออกก็เป็นเรื่องง่าย แต่ข้าพเจ้าไม่อาจทำอย่างนั้นได้เพราะใจคอยคิดว่าผู้สูบกัญชาคือผู้ป่วยที่ควรจะได้รับโอกาสในการรักษาให้หายขาดและกลับมามีชีวิตเหมือนคนปกติในสังคมได้ จึงให้โอกาสญาติพี่น้องพาไปรักษาทั้งที่โรงพยาบาลศรีมหาโพธิ์ ถ้ำกระบอก ศรีธัญญา และจิตเวช เมื่ออาการดีขึ้นแล้วจึงอนุญาตให้ลาอุปสมบทเป็นเวลาสามเดือน พอสึกออกมาก็ช่วยกันหาภรรยาให้ โชคดีมีคุณครูสาวท่านหนึ่งยินดีรับแต่งด้วย แต่วันที่เป็นเฒ่าแก่ไปสู่ขอ พ่อเจ้าสาวทำท่ายึกยักจะไม่ยอมให้ท่าเดียวเพราะเจ้าบ่าวหัวโล้นจึงสงสัยว่าจะเป็นคนขี้คุก ต้องเจรจาเกลี้ยกล่อมตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงบ่ายสามโมง หิวข้าวหิวน้ำจนตาลาย ปัจจุบันเลิกอบายมุขทุกชนิดได้แล้ว เป็นคุณครูที่ดี เพื่อนฝูงรัก ใคร่ชาวบ้านเคารพนับถือ มีลูกสาวเป็นหมอเป็นพยาบาลและมีครอบครัวที่อบอุ่นมั่นคง
สารพันปัญหา
2. ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
หลังฤดูเก็บเกี่ยวลมหนาวเริ่มพัดโบยโบก เช้าวันนั้นอากาศค่อนข้างหนาวและลมพัดกระโชกแรง เป็นครั้งคราว ข้าพเจ้าไปถึงโรงเรียนก่อนเพื่อนครูทุกคน จึงพานักเรียนช่วยกันเก็บกวาดใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นบริเวณด้านหลังอาคารเรียนเพื่อนำมากองแล้วเผาผิงไฟเอาไออุ่น ขณะที่ทุกคนล้อมวงผิงไฟอย่างสบายอารมณ์อยู่นั้นได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ลมได้พัดกระโชกเอาใบไม้ติดไฟปลิวว่อนขึ้นไปบนหลังคาอาคารเรียนชั่วคราวซึ่งมุงด้วยฟางและลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ข้าพเจ้ากับนักเรียนช่วยกันถอยโต๊ะเเก้าอี้และม้านั่งยาวออกมาได้ประมาณครึ่งหนึ่ง สักพักเพื่อนครูและผู้ปกครองก็มาถึงแต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงยืนมองและเอาใจช่วยห่าง ๆ แต่แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นเปลวไฟที่กำลังลุกโชนนั้นถูกลมพัดเกือบราบไปกับพื้นดินในทิศทางตรงข้ามกับอาคารไม้หลังเก่าที่ตั้งอยู่ห่างเพียงสี่เมตร อาคารเรียนชั่วคราวมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านเหลือเพียงเสาไม้ยืนต้นดำโด่เด่อยู่สิบสองต้น ไม่นานนักลมก็สงบลงอย่างน่าอัศจรรย์ ข้าพเจ้าเห็นผู้ใหญ่บ้านที่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ เดินไปเด็ดยอดหญ้าสาบสือสองยอดไปวางไว้ที่โพนต้นค้อหลังอาคารเรียนชั่วคราว นั่งยอง ๆ ทำปากขมุบขมิบแล้วเดินออกมา ข้าพเจ้าถามว่าเมื่อสักครู่ท่านพี่ทำอะไร พี่ผู้ใหญ่ตอบว่าก็ขอบคุณท่านผีโพนค้อที่ช่วยให้รอดไงครับ ข้าพเจ้าจึงต้องทำตามบ้างด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจ แม้เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็ไม่ได้ลบหลู่
สารพันปัญหา
3. ไม่เต็มบาท
เช้าวันหนึ่งข้าพเจ้าไปถึงโรงเรียนเช้าก่อนเพื่อนครูทุกคน นักเรียนที่เป็นเจ้าหน้าที่ร้านสหการโรงเรียนวิ่งกระหืดกระหอบมารายงานว่าสินค้าในร้านหายเกือบหมด นักเรียนที่ทำหน้าที่เวรประจำวันก็มาแจ้งว่ามีคนถ่ายอุจจาระใส่ถังน้ำดื่มของโรงเรียน ข้าพเจ้าไปสำรวจดูร้านสหการโรงเรียนพบกระจกฝ้าข้างฝาผนังห้องหายไปหนึ่งแผ่น มีรอยเท้าปีนขึ้นลงข้างฝาผนังตรงทีกระจกฝ้าหาย ส่วนกองอุจจาระบนถังน้ำดื่มมีบางส่วนหล่นลงในถังเรียบร้อย นักเรียนที่ดื่มน้ำในถังพากันอ้วกแตกหลายคน เดชบุญข้าพเจ้ายังไม่ได้ดื่มเพราะยังเช้าอยู่ จึงเรียกนักเรียนทั้งโรงเรียนมาเข้าแถวเพื่อสอบถาม ทุกคนก้มหน้าไม่มีใครปริปากพูด ข้าพเจ้ารู้ทันทีว่าต้องเป็นนักเรียนชายชั้น ป.6 อย่างแน่นอน เพราะทุกคนกลัวจนไม่กล้าบอกครู แต่จะเป็นใครยังไม่รู้ ข้าพเจ้าจึงอบรมว่า หากไม่มีใครรู้ก็แสดงว่าเป็นความรับผิดชอบของนักเรียนทุกคนที่จะต้องช่วยกัน ครูมีวิธีให้นักเรียนเลือก 2 อย่างคือ 1. ทุกคนไปหาไม้เรียวยาวประมาณสองศอกมาคนละอันแล้วเข้าแถวไปที่กองอุจจาระเอาไม้ที่เตรียมมาทิ่มกองอุจจาระแล้วแบกไปทิ้งจนอุจจาระหมดทั้งกอง หรือ 2. เข้าแถวเอามือหยิบอุจจาระไปทิ้งจนหมดทั้งกอง พวกเราจะเลือกข้อไหน นักเรียนพากันหัวเราะบอกว่าไม่เอาสักข้อ ข้าพเจ้าจึงว่า ครูรู้นะว่าพวกเรารู้ทั้งสองเหตุการณ์แต่ไม่มีใครกล้าบอกครูเพราะถูกข่มขู่ พวกเธอรู้ไหมว่าในโรงเรียนนี้ใครใหญ่ที่สุด นักเรียนพากันตอบพร้อมกันว่าครูใหญ่ ถ้างั้นพวกเธอก็บอกครูใหญ่พร้อมกันทั้งโรงเรียนเลยสิ เพราะมันคงไม่กล้าทำร้ายทุกคนหรอกน่า มันมีแค่สองมือสองตีน แต่พวกเราทั้งโรงเรียนรวมทั้งครูใหญ่ด้วย มีมือมีตีนรวมกันเป็นร้อยต้องใหญ่กว่ามันแน่นอน บอกชื่อมาเลยครูใหญ่จะจัดการมันเองแถมจะไปเตะก้นพ่อมันที่บ้านด้วย ใครที่รู้ตัวว่าทำผิดเดินออกมาสารภาพซะดี ๆ ซึ่งจะได้รับโทษเพียงโดนครูใหญ่ทำพิธีขับไล่ตัวจัญไรที่ก้นสามทีเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและไปล้างขี้ของตัวเองเท่านั้น สักพักหนึ่งก็มีนักเรียนชั้นป.6 เดินยืดอกออกมาสามคน แถมกวักมือเรียกเพื่อนร่วมแก๊งออกมาร่วมสิบคน ตามด้วยคนขี้ใส่ถังน้ำโรงเรียนซึ่งเดินเก้ ๆ กัง ๆ ออกมาด้วย นึกแล้วต้องเป็นมัน เจ้าสนลูกชายเพื่อนข้าพเจ้านั่นเอง มันไม่ค่อยจะเต็มบาทสักเท่าไร ผู้สันทัดกรณีย์กล่าวว่า ถ้าผัวเมียไม่เว้นวันโกนวันพระมักจะได้ลูกไม่เต็มบาท
เส้นทางหายนะ
1. การพนัน
ออกพรรษาแล้วข้าพเจ้าเดินทางกลับเยี่ยมญาติพี่น้องที่บ้านเกิด น้องเขยคนเล็กให้ไก่ชนมาตัวหนึ่ง มันชื่อเจ้าหนองหญ้าม้า เป็นไก่สีประดู่หางดำรอยประมาณ 2.8 กก. ได้รับการบอกเล่าจากน้องเขยว่ามันเคยชนชนะในบ่อนมาหนึ่งเที่ยว ซื้อมาในราคาห้าร้อยบาท เชิงชนล็อกคอ มุดหว่างขา มัดปีก ตีตัวตีหลัง ชนะมาแล้วหนึ่งเที่ยว ข้าพเจ้าจ่ายค่าไก่ให้น้องสาวห้าร้อยบาทพร้อมสัญญาว่าหากชนได้ชัยชนะจะนำเงินกำไรมาให้อีกห้าร้อยบาท ข้าพเจ้านำมันกลับไปเลี้ยงที่บ้านแล้วนำไปประลองกับไก่ชนของเพื่อนข้างบ้านติดเดิมพัน 500 บาท เจ้าหนองหญ้าม้าใช้ชั้นเชิงที่เหนือกว่าตีตัวเดียวม้วนเดียวจบ ข้าพเจ้าดีใจจนแทบนอนไม่หลับ คิดวาดฝันว่าจะต้องนำมันไปชนแพงในบ่อนให้เซียนไก่เห็นและอยากได้จนน้ำลายหกแล้วจะขายให้พวกเขาในราคาแสนแพง จึงตัดสินใจเลี้ยงเจ้าหนองหญ้าม้าออกชนตามที่วาดหวังไว้ พอใกล้ถึงวันนำเจ้าหนองหญ้าม้าออกเปรียบชนในบ่อน ข้าพเจ้าไปกู้เงินดอกร้อยละห้าต่อเดือนได้มาหนึ่งหมื่นบาท รวมกับเงินที่เก็บเล็กผสมน้อยจากการไปเล่นไก่นัดที่ผ่านมาเป็นเงินทั้งสิ้นหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน ถึงวันอาทิตย์นัดออกชนข้าพเจ้าดื่นแด่ตีสี่ จับเจ้าหนองหญ้าม้าออกมาจากสุ่ม เช็ดหน้าเช็ดตัว ป้อนข้าวกรอกน้ำแล้วยัดเข้าสุ่มไว้ตามเดิม ตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับเข้าน้ำไก่ระหว่างพักยกเช่นผ้าเข้าน้ำ กระเบื้อง ตั่ง เข็ม ด้าย มีดเหลาดินสอ ยาทัมใจ ข้าวสวย ตะไคร่ กาต้มน้ำ หลังทานเมื้อเช้าแล้วจึงขับรถไปรับเจ้าชัยมือน้ำท้ายหมู่บ้านออกเดินทางถึงบ่อนไก่บ้านหนองพะเนาว์ประมาณสิบโมงเช้า เจ้าชัยนำไก่ไปเปรียบได้คู่กับไก่บ้านหนองหลวง ตกลงเดิมพันที่ฝ่ายละสามพันบาท ไก่ข้าพเจ้าสูงใหญ่และเดือยแหลมคมและยาวประมาณ 2 ซม.ตกลงให้ปิดพลาสเตอร์ห้าชั้น ส่วนไก่คู่ต่อสู้เดือยเป็นตุ่มเล็ก ๆ และไม่แหลมข้าพเจ้าจึงต่อให้ไม่ต้องปิด ข้าพเจ้ารู้สึกมั่นใจมากจึงประกาศให้ผู้ที่ต้องการเล่นเสมอนอกเข้าแถวมาเลย สิ้นเสียงประกาศมีชาวบ้านหนองหลวงที่เหมารถสองแถวตามมาเล่นเข้าแถวประมาณยี่สิบกว่าคน ข้าพเจ้ายืนจดชื่อคนเล่นจนหมดหน้ากระดาษเพราะเล่นกันคนละร้อยสองร้อยห้าร้อยเป็นเงินรวมกันทั้งสิ้นสองหมื่นกว่าบาท มือน้ำรับไปเก้าพันบาทข้าพเจ้าเหลือเงินไว้เติมน้ำมันสองร้อยบาท ยกที่หนึ่งเจ้าหนองหญ้าม้าเป็นรองถึง 10 ต่อ 1 หมดยกข้าพเจ้าอุ้มเจ้าหนองหญ้าม้าออกมาและช่วยมือน้ำเย็บแผลแตกบนหัวเจ้าหนองหญ้าม้ารวม 12 แผล กลางยกที่สองเจ้าหนองหญ้าม้าถูกคู่ต่อสู้เตะขมับลงไปนอนชักกระตุกจึงถูกคู่ต่อสู้ตามเตะล้มลุกคลุกคลานร้องจ้ากไปรอบสังเวียน กรรมการจึงจับให้คู่ต่อสู้เป็นฝ่ายชนะ ขณะข้าพเจ้ายืนจ่ายเงินเหงื่อเท่าเม็ดข้าวโพดไหลออกมาเต็มหน้าผากโดยไม่รู้ตัว ขากลับพยายามหาเรื่องตลกมาคุยเพื่อผ่อนคลาย และปลอบใจตัวเองกับมือน้ำว่า เงินไปเที่ยวเดี๋ยวเดียวก็กลับ
เส้นทางหายนะ
2. เซียนกระดาษ
หลังจากพ่อแม่เงินไปเที่ยวหลายวันแล้วยังไม่กลับมา ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นกังวลมาก เพราะมันเป็นเงินกู้ติดดอกปลายเดือนคงบานสะพรั่ง นอนนั่งก็ไม่เป็นสุข เวลาเดินไปไหนมาไหนได้ยินแต่เสียงลูกเงินในกระเป๋ากางเกงร้องไห้หาพ่อแม่เสียงดังกรุ๊งกริ๊ง ๆ จึงนั่งคิดนอนตรองว่า เราคงต้องหาทางไปตามพ่อแม่เงินคืนมาให้ได้ เพราะปรัชญาการค้ากล่าวไว้ว่า การขายสินค้าต่ำกว่าราคาต้นทุนยังสรุปไม่ได้ว่าขายขาดทุน ถ้าตราบใดที่ยังไม่เลิกขาย ซึ่งปรัชญาการพนันก็น่าจะเป็นไปในทำนองเดียวกันว่า การเล่นเสียก็ยังสรุปไม่ได้ว่าเล่นเสียตราบใดที่ยังไม่เลิกเล่น นั่งนึกนอนคิดถึงการเล่นพนันที่ตัวเองถนัด เริ่มตั้งแต่การเล่นพนันมวยตู้ เราก็สู้นักมวยล้มกับกรรมการตัดสินไม่ได้ เล่นโบกเล่นไฮโลว์ก็หูไม่ดีเล่นทีไรเจ้ามือกินเกลี้ยง เล่นไพ่ก็กลายเป็นหมูในวง เล่นหวยผีที่มาเข้าฝันก็ไม่เคยไปกองสลากเลยบอกส่งเดช อาศัยหวยจากคนอื่นก็หลายตัวจนไม่มีเงินซื้อ เป็นเจ้ามือทีไรลูกขารุมกินโต๊ะเหลือแต่ตีน มีอย่างเดียวที่พอเล่นได้มากกว่าเสียคือเล่นไก่นี้แหละ เซียนทองดีผู้เล่นพนันชนไก่เป็นอาชีพหลัก รับเหมาก่อสร้างเป็นอาชีพรองอธิบายสรุปว่า การเล่นพนันชนไก่น่าเล่นกว่าการพนันอย่างอื่นเพราะเราได้เห็นไก่สองตัวตีกันในสังเวียนจะ ๆ เราเพียงแค่ทายให้ถูกว่าตัวไหนน่าจะชนะ หรือน่าจะเสมอ เล่นผิดยังมีเวลาในการออกตัวยกละยี่สิบนาทีทุกยก ถ้าไม่โลภมาก เพียงออกตัวกันทุนไว้ก็จะมีรายได้มากน้อยแล้วแต่จำนวนเงินที่เล่น ปรัชญาการเล่นของเซียนกระดาษคือ วันนี้จะต้องหาทางเล่นให้ได้เงินกลับบ้านอย่างน้อยเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ แต่การเล่นพนันไก่ชนทุกครั้งจะต้องมีเงินไปเล่นอย่างน้อยหนึ่งหมื่นบาทเพื่อสะดวกในการเล่นต่อรอง ข้าพเจ้านั่งนึกนอนคิดอยู่หลายวัน จนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์จึงตัดสินใจไปกู้เงินดอกมาหนึ่งหมื่นบาท ซ่อนไว้ในกระโปงรถเก๋งเพราะกลัวแม่บ้านรู้ นั่งนอนรอวันอาทิตย์อย่างใจจดใจจ่อ ข้าพเจ้าไปตามเงินในบ่อนประมาณสามสี่ครั้งก็ได้เงินไปใช้หนี้เงินกู้ทั้งหมด ทำให้เกิดความฮึกเหิมเดินถลำลึกไปบนเส้นทางแห่งหายนะ กลายร่างเป็นเซียนกระดาษอย่างเต็มตัวในเวลาต่อมา
เส้นทางหายนะ
3. บ่อนวิ่ง
วันเสาร์และวันอาทิตย์ใช้ชีวิตทั้งวันอยู่ในบ่อนไก่ ทั้งบ่อนที่มีใบอนุญาตถูกต้องและบ่อนวิ่ง บ่อนวิ่งคือบ่อนไม่ได้รับอนุญาตส่วนมากจะตั้งอยู่กลางป่าตามหัวไร่ปลายนาห่างไกลหมู่บ้าน หากใครเห็นตำรวจมาก็ตะโกนบอกกันแล้ววิ่งหนีให้เร็วที่สุด การไปเล่นบ่อนวิ่งทุกครั้งต้องสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการวิ่ง เพราะเป็นข้าราชการเล่นการพนันมีความผิดสองชั้น กล่าวคือผิดกฎหมายต้องถูกขังถูกปรับแล้วยังผิดวินัยต้องถูกปลดออกจากราชการอีกด้วย ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปเล่นพนันในบ่อนวิ่งกับเพื่อน ๆ แต่วันนั้นข้าพเจ้าใส่รองเท้าแตะไปเพราะเป็นฤดูฝน ด้านหลังบ่อนไก่มีคลองน้ำกว้างประมาณสามเมตร เลยออกไปเป็นป่าไผ่และทุ่งนาที่มีน้ำเจิ่งนอง ต้นข้าวกำลังเขียวขจีทั่วท้องทุ่ง ขณะทุกคนกำลังนั่งบ้างยืนบ้าง ส่งเสียงเชียร์ไก่อย่างสนั่นหวั่นไหวได้อารมณ์ ก็ได้ยินเสียงตะโกนว่าตำรวจมา วงไก่แตกฮือยังกะผึ้งแตกรัง ข้าพเจ้าวิ่งเร็วที่สุดในชีวิต กระโดดข้ามคลอง วิ่งตามหลังเพื่อนลุยน้ำครึ่งแข้งไปยืนแอบดูเหตุการณ์หลังกอไผ่ด้วยใจระทึก เห็นมีตำรวจห้าคน แต่พวกเขาคงไม่ได้เตรียมตัวมาวิ่งลุยน้ำอย่างแน่นอน เพราะเห็นใส่รองเท้าหนังทุกคน และพวกเขากำลังเจรจากับเจ้าของบ่อนก็ค่อยสบายใจ ข้าพเจ้ายืนรอดูเหตุการณ์ไม่นานก็เห็นปลิงควายสองตัวกำลังว่ายน้ำวนมาหาจึงจำใจต้องค่อย ๆ ย่องเดินลุยน้ำออกจากหลังกอไผ่อย่างยากลำบาก เพราะกลัวเหยียบหนามไผ่ใต้น้ำ ข้าพเจ้าเดินขึ้นจากน้ำตามเพื่อนไปยืนรวมกลุ่มกันที่ห้างนาโดยมีปลิงเข็มเกาะระหว่างนิ้วเท้าหนึ่งตัว กว่าจะแกะออกได้ก็ทุลักทุเล เลือดไหลเป็นทางตรงรอยเขี้ยวปลิง ได้ทราบข่าวร้ายว่ากลุ่มเพื่อนที่วิ่งนำหน้าชนกันตอนแซงขึ้นคันนาแขนหักคนหนึ่ง ทราบภายหลังว่าเป็นเพื่อนรุ่นน้องซึ่งทำงานอยู่ที่แขวงการทาง หลังจากเจ้าของบ่อนวิ่งเคลียร์กับตำรวจด้วยการไปตามลูกเมียและญาติพี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียงมาเป็นแพะห้าคน ตำรวจก็ยกสุ่มไก่ เตา กระเบื้อง และอุ้มเอาไก่ชนสองตัวที่กำลังชนกันอยู่ในบ่อนอย่างเอาเป็นเอาตายไปขึ้นรถกลับที่ทำงาน ข้าพเจ้าก็กลับมาหารองเท้าของตัวเองแต่ไม่เจอ จึงเลือกสวมเอาคู่ที่ใกล้เคียงที่สุดที่ทิ้งระเกะระกะอยู่ริมคลอง รีบวิ่งไปขึ้นรถชวนกันไปเยี่ยมเพื่อนที่แขนหักซึ่งนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในเมือง
ผู้สันทัดกรณีย์เรื่องการวิ่งหนีตำรวจกล่าวว่า ถ้าเห็นคนใส่เสื้อขาวคอกลมสวมรองเท้าผ้าใบเข้ามาในบ่อนไก่ให้ตะโกนบอกกันพร้อมวิ่ง หนีทันที แต่ต้องมองดูข้างหน้าด้วยว่ามีตำรวจดักอยู่หรือไม่ ตำรวจจะจับกุมทุกคนในวงพนันและในรัศมี 10 เมตร ในข้อหาร่วมกันเล่นการพนัน ถ้าไม่อยากถูกจับกุมในการไปเล่นไก่ในบ่อนป่า ต้องซ้อมวิ่งทุกวัน อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมงเพื่อจะได้มีเรี่ยวแรงวิ่งหนีตำรวจได้ทัน แต่ถ้าเห็นว่าจวนตัววิ่งหนีไม่รอดแน่แล้วให้วิ่งเข้าหาที่กำบังตั้งค่ายกล บังตาทันที ด้วยการนอนหงายราบลงกับพื้น เอาฝ่ามือซ้ายปิดตาทั้งสองข้าง เอานิ้วชี้กับนิ้วกลางของมือขวาครีบธนบัตรสีม่วงชูขึ้น ตำรวจที่วิ่งไล่ตามมาทันจะมองไม่เห็นเราเลย แต่จะมองเห็นเพียงธนบัตรสีม่วงเท่านั้น
เส้นทางหายนะ
4. บ่อนพนัน
ย่างเข้าฤดูฝนชาวนากำลังหว่านดำ บ่อนวิ่งหยุดหมด บ่อนไก่ส่วนใหญ่ก็หยุดตาม เพราะชาวบ้านที่เลี้ยงไก่ชนไปทำนากันหมด คงเหลือบ่อนไก่ในเมืองเพียงไม่กี่แห่งที่ยืนหยัดอยู่ได้เนื่องยังมีกลุ่มข้าราชการและพ่อค้าในเมืองเลี้ยงไก่ชนกันอยู่ ข้าพเจ้ายังคงขี่รถจักรยานยนต์ตระเวณไปเล่นพนันชนไก่ตามบ่อนต่าง ๆ ในวันหยุดเช่นเคย บางครั้งกลับถึงบ้านตีหนึ่งตีสอง แม่บ้านก็ใจดีเพราะบ่นจนเหนื่อยแล้วก็เลิกบ่นไปเองโดยอัตโนมัติ กาลครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปเล่นไก่ที่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ระยะทางไกลประมาณสี่สิบกิโลเมตร ไก่คู่สุดท้ายระหว่างซุ้มพยัฆภูธร อำเภอเจริญศิลป์กับซุ้มจงอางดง อำเภอบ้านดุง เสมอกันยกที่แปดในเวลาหกทุ่มพอดี คณะที่ไปจากอำเภอเจริญศิลป์ขึ้นรถปิกอัพเดินทางกลับหมดแล้ว ผู้ที่ขี่รถจักรยายนยนต์ไปก็พากันเดินทางกลับทางถนนใหญ่ทิ้งข้าพเจ้าไว้คนเดียว ข้าพเจ้าตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์คุรุสภาสีขาวคู่ชีพกลับทางลัดคนเดียวบนเส้นทางลูกรังขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อมีน้ำขังเฉอะแฉะ กบเขียดร้องระงมสองข้างทางท่ามกลางท้องฟ้ามืดมัวหม่นฝนตกปรอย ๆ ผ่านทุ่งนาป่าดงและหมู่บ้านต่าง ๆ ตามรายทาง ถูกสุนัขนอนถนนห้าหกตัวที่หมู่บ้านหนองบัวแพลุกขึ้นรุมไล่กัด ทำให้ตกใจจนหลงทางไปถึงบ้านคำเจริญระยะทางประมาณ 3 กม. กว่าจะวกกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาตีสองพอดี เหนื่อยแต่สนุกตื่นเต้นกับการผจญภัย เสียอย่างเดียวไม่มีผีหลอกปรากฏร่างให้เห็น รุ่งขึ้นเป็นวันจันทร์ทั้งวัน ข้าพเจ้าไปโรงเรียนแต่เช้าได้ทราบข่าวจากเพื่อนครูว่า ท่านอาจารย์ประชาเซียนไก่บ้านโคกสีไปเล่นไก่ชนที่อำเภอบ้านดุงถูกรถยนต์เฉี่ยวชนตายข้างถนนใหญ่กลางทุ่งนาขณะเดินทางกลับด้วยรถจักรยานยนต์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปมาโท มัจจุโน ปะทัง ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย ผู้สันทัดกรณีย์กล่าวเป็นกลอนสอนใจว่า
ยังไม่ถึง คราวตาย วายชีวาตม์ ใครพิฆาต เข่นฆ่า ไม่อาสัญ
แต่ถ้าถึง คราวตาย วายชีวัน ไม้จิ้มฟัน ทิ่มเหงือก ก็เสือกตาย
เส้นทางหายนะ
5. ทำบุญไม่มีวัด
ระยะนั้นครูเงินเดือนน้อย ครูส่วนหนึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้ชาวบ้าน ดอกเบี้ยร้อยละห้าบาทต่อเดือนเป็นอย่างต่ำ บางรายมีเจ้าหนี้มานั่งรอรับเงินเดือนแทน คณะกรรมการกลุ่มประชุมกันหลายครั้ง ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าควรจัดตั้งกองทุนสวัสดิการกลุ่มขึ้นเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การระดมหุ้นหักจากเงินเดือนครูทุกคนในกลุ่มตามความสมัครใจ และเพื่อนครูบางท่านที่พอมีเครดิตไปกู้เงินจากธนาคารนำเงินมาจ่ายโดยคณะกรรมการกลุ่มเป็นผู้เซ็นกู้หรือเซ็นค้ำประกันให้ทุกราย ทางกลุ่มเก็บดอกเบี้ยร้อยละสามบาท เจ้าของเงินรับไปร้อยละสองบาทห้าสิบสตางค์ ส่วนอีกห้าสิบสตางค์ผลักเข้ากองทุนเพื่อใช้จ่ายในกิจการของกลุ่ม ท่านประธานกองทุนกลุ่มคือท่านพี่ของข้าพเจ้าหาเงินมาให้ครูกู้ยืมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทุกครั้งที่ไปกู้ยืมเงินมาต้องให้คณะกรรมการกลุ่มสามคนเซ็นกู้สามคนเซ็นค้ำประกัน ซึ่งข้าพเจ้าและเพื่อน ๆ แม้จะไม่เห็นดีด้วยแต่ไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นเพราะเกรงใจท่านประธาน จึงจำต้องเซ็นกู้บ้างเซ็นค้ำประกันบ้างเรื่อยมา โดยมีข้อตกลงว่าให้ผู้บริหารรับผิดชอบเฉพาะครูที่เป็นลูกหนี้ในโรงเรียนของตนเท่านั้น การดำเนินการในระยะห้าปีแรกได้ผลดี กองทุนมีเงินหมุนเวียนสองล้านกว่าบาท มีเงินมาใช้จ่ายในกิจการงานกลุ่มอย่างฟู่ฟ่า ครูมีปัญหาด้านการเงินได้รับการแก้ไขทุกเรื่อง แม้แต่ค่าเซ็นของในร้าน ค่าสินสอดและงานแต่งงานครู ท่านพี่ประธานกลุ่มก็ไปหาเงินมาจัดให้กู้ยืมเป็นกรณีย์พิเศษเสมอ ท่านประธานได้หน้าครูผู้กู้เริงร่าสดใส แต่ข้าพเจ้ากับเพื่อนผู้บริหารหลายคนได้แต่ปรับทุกข์กันและรอรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น บางคืนข้าพเจ้าถึงกับนอนสะดุ้ง ต้องลุกขึ้นมานั่งทำใจ ข้าพเจ้าไม่กล้าบอกเรื่องนี้ให้ภรรยาทราบทั้งหมดเพราะกลัวเธอจะทำใจไม่ได้ แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงโอนที่ดินซึ่งมีหุ้นส่วนอยู่กับพี่น้องให้น้องชายถือครองไว้ ต่อมาผู้กู้รายใหญ่ในโรงเรียนท่านพี่ประธานกลุ่มไปกู้เงินจากสหกรณ์และธนาคารเพิ่มมากขึ้นทำให้เงินเดือนติดลบทั้งโรงเรียน ทราบว่าท่านพี่ประธานต้องรอรับเงินเดือนถึงกลางเดือน ทำให้ไม่สามารถหักเงินเข้ากองทุนได้ครบ เจ้าหนี้รุมขอเงินคืนแต่คณะกรรมการกองทุนกลุ่มไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ เจ้าหนี้จึงรุมฟ้อง คณะกรรมการกองทุนกล่มไปจ้างทนายต่อสู้เพื่อประวิงเวลาให้ยืดยาวออกไปพอได้แก้ปัญหาบ้าง แต่เหตุการณ์เลวร้ายมากขึ้นไปอีกเมื่อผู้กู้รายใหญ่โรงเรียนอื่นบางโรงทำตามบ้าง ส่วนโรงเรียนที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบมีผู้กู้เพียงรายเดียวและจำนวนเงินกู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สุดท้ายลูกหนี้ทั้งหมดพากันไม่ยินยอมให้หักเงินอีกต่อไป คณะกรรมการกลุ่มพากันแก้ปัญหาด้วยการสละที่ดินของตัวเองให้เจ้าหนี้ไปคนละแปลง เหลือเจ้าหนี้เพียงรายเดียวที่ฟ้องร้องด้วยมูลฟ้องทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแปดแสนบาท คณะกรรมการกลุ่มสองคนเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้มารับรู้รับใช้เมื่อกลุ่มแพ้คดีความในศาลสุดท้าย ซึ่งใช้เวลาในการต่อสู้คดีนานสิบเก้าปี เมื่อแพ้คดีความแล้วเหลือครูแก่พิการบำนาญน้อยที่ยังมีชีวิตอยู่เพียงสี่คนที่ต้องเสียทั้งเงินและที่ดินร่วมกันอีกครั้ง ครั้งนี้ท่านพี่ประธานเสียที่ดินแปลงใหญ่หน้าโรงพยาบาล แต่มีเจ้าหนี้รายใหญ่เพียงสองรายในโรงเรียนท่านพี่ประธานร่วมทำบุญไม่มีวัดครั้งนี้โดยมิได้ตั้งใจ ข้าพเจ้ารู้สึกทราบซึ้งในน้ำใจ อนุโมทนาบุญและภาวนาอวยพรให้ท่านทั้งสองพร้อมครอบครัวเจริญรุ่งเรืองร่ำรวยและมีความสุขยิ่งขึ้น มั่นใจว่าท่านทั้งสองคงไม่ฟ้องร้องอีกเนื่องจากสัญญากู้ยืมหมดอายุความนานมากแล้ว
เส้นทางหายนะ
6. ปล่อยเงินกู้
ผู้สันทัดกรณีย์ชี้แนะว่า มีเงินลงทุนหนึ่งร้อยบาทให้คนอื่นกู้คิดดอกเบี้ยร้อยละห้าบาทต่อเดือน ถ้าบริหารจัดการได้ตามเป้าหมาย ห้าปีจะมีเงินหนึ่งพันบาท สิบปีจะมีเงินหนึ่งหมื่นบาท สิบห้าปีจะมีเงินหนึ่งแสนบาท ยี่สิบปีจะมีเงินรวมหนึ่งล้านกว่าบาท ข้าพเจ้าลองคำนวณดูแล้วเป็นความจริงทุกประการ มิน่าเจ้าหนี้เงินกู้บางรายถึงได้ร่ำรวยอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเจ้าหนี้เงินกู้ที่จ่ายดอกเบี้ยร้อยละยี่สิบบาทต่อวันในตลาด ทำให้เกิดความคิดว่าเราน่าจะลงทุนโดยเริ่มต้นที่หนึ่งพันบาทก่อน ถ้ามันยังขาดทุนก็ถือเสียว่าซื้อประสบการณ์ แต่เราจะจ่ายเงินให้ใครดี ผู้สันทัดกรณีย์ชี้แนะว่า เราไม่ควรจ่ายเงินกู้ให้กับบุคคลต่อไปนี้คือ หนึ่งคนที่ไม่มีหลักทรัพย์หรือไม่มีบุคคลที่มีหลักฐานมั่นคงค้ำประกัน ถึงคนที่มีหลักทรัพย์มาค้ำประกันก็ต้องระวังเพราะบางคนนำหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมาค้ำประกันแล้วหายหน้าไปเลย ดอกเบี้ยก็ไม่ยอมส่ง เงินต้นก็ไม่ยอมชดใช้ ใบโฉนดที่ดินก็ไม่ยอมมาเอาคืน เราจะโอนเอาเป็นของเราก็ไม่ได้เพราะไม่ได้ทำสัญญาขายฝากไว้ ส่วนสัญญาที่มีบุคคลค้ำประกันก็ต้องระมัดระวังเพราะผู้ค้ำมักจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ผู้กู้ แถมยังแนะนำเราให้ไปฟ้องผู้กู้ ถ้าผู้กู้ล้มหายตายจากหรือล้มละลายไม่มีเงินชดใช้ศาลจึงจะบังคับเอาจากผู้ค้ำประกัน เราจะฟ้องร้องตามคำแนะนำของผู้ค้ำประกันก็ไม่คุ้มค่าวางศาลและค่าทนายความเพราะเงินกู้จำนวนน้อย สองคนที่มีประวัติเหนียวหนี้ คนพวกนี้มีเงินแต่ไม่ยอมใช้หนี้ ไปทวงถามทีไรก็ผลัดไปเดือนหน้าเรื่อย บางรายดีหน่อยจ่่ายดอกกระปริบกระปรอย ทวงบ่อยเข้าก็ต่อรองขอผ่อนชำระคืนแต่เฉพาะเงินต้น สามคนที่เป็นนักกู้มืออาชีพ คนพวกนี้ถือคติว่ากู้ได้เท่ากับขอได้ ส่วนมากมักจะไปเช่าห้องเปิดร้านทำการค้า ในชุมชน แต่พยายามสืบเสาะหาเจ้าหนี้เงินกู้ทุกคนในชุมชน กู้เงินโดยใช้โฉนดที่ดินปลอมค้ำประกัน หรือหลอกให้คนที่น่าเชื่อถือในชุมชนไปค้ำประกันให้ ดอกเบี้ยแพงแค่ไหนก็ไม่เกี่ยง เพราะกู้ได้เท่ากับขอได้ คนพวกนี้จะออกหาล่าเงินกู้จนครบแทบทุกคนที่ปล่อยเงินกู้ในชุมชน พอกู้ได้เกือบครบทุกรายแล้วก็ปิดร้านหอบของขึ้นรถหนีกลางดึก การปล่อยเงินกู้จึงขึ้นอยู่ดวงชะตาวาสนาว่าเราจะได้ลูกหนี้ประเภทไหน ข้าพเจ้าปรึกษาเรื่องนี้กับภรรยาหลายครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจร่วมกันเสี่ยงดวงโดยไปกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสกลนครมาปล่อยกู้ โดยเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่นบาท ให้กู้ในวงเงินไม้เกินรายละสองพันบาทโดยคิดดอกเบี้ยร้อยละห้าบาทต่อเดือน และเพิ่มขึ้นถึงรายละหมื่นบาทในเวลาต่อมา แต่สำหรับผู้ที่กู้เงินไปทำงานต่างประเทศรายละสองสามแสนบาทลดดอกเบี้ยให้ร้อยละสามบาทต่อเดือน สิบปีผ่านไปผู้กู้บางรายเริ่มผันตัวเองเป็นผู้กู้มืออาชีพ ดอกเบี้ยก็หดหายเงินต้นก็ไม่ได้คืน บางรายดีหน่อยขอผ่อนชำระเฉพาะเงินต้น ผู้สันทัดกรณีย์ชี้แนะหลังจากเจ๊งไปแล้วว่า คุณสมบัติของคนที่ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ต้องเป็นคนปากร้ายใจหิน ขยันทวง ขยันขู่ จ้างทนายความทวงถามหรือฟ้องร้อง ถ้าขาดคุณสมบัติข้อนี้มีแต่เจ๊ากับเจ๊ง ตลกถามตอบกันอย่างติดตลกว่า …..มันอะไรเอ่ยน่ากลัวที่สุด ? ตอบ….มันจะมายืมเงิน ถาม…มันอะไรเอ่ยน่ากลัวกว่ามันจะมายืมเงิน ? ตอบ….มันยืมเงินได้แล้ว มันไม่ยอมคืน
เส้นทางหายนะ
7. เซ็นกระดาษเปล่า
ขณะที่ข้าพเจ้ารับราชการ เป็นครูใหญ่โรงเรียนบ้านหนองฮังแหลว หลังเหตุการณ์คอมมิวนิสต์สงบลงไม่นาน ท่านอาจารย์ชัยรบ หรือสหายสกลซึ่งถูกสั่งย้ายด่วนไปช่วยราชการที่โรงเรียนบ้านต้าย อำเภอสว่างแดนดิน ด้วยข้อหาคอมมิวนิสต์ก็ได้รับแต่งตั้งย้ายกลับมาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่โรงเรียนเจริญศิลป์วิทยา ในระยะเดียวกันนั้นคุณพ่อของท่านได้เสียชีวิตลง ท่านกับน้องสาวได้รับมรดกเป็นที่นาซึ่งอยู่บริเวณใกล้ถนนก่อนถึงตัวเมืองสกลนครประมาณ 1 ก.ม. เป็นที่นาคนละ 7 ไร่ ท่านเคยขับรถพาข้าพเจ้าไปเดินชมหลายครั้ง ต่อมาท่านได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเจริญศิลป์วิทยาที่ท่านทำงานอยู่แทนตำแหน่งที่ว่าง เช้าวันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้ายืนคุยกับ ผอ.ชัยรบข้างถนนกลางหมู่บ้าน ก็เห็น ดร.สุดใจ ซึ่งทำงานเป็นหัวหน้าสาธารณสุขจังหวัดสกลนครในขณะนั้นขับรถเก๋งสีแดงมาหา เขาลงมายืนคุยกันข้าง ๆ ข้าพเจ้า เขาบอกว่าการสร้างบ้านจัดสรรมีปัญหาเรื่องการแบ่งแยกที่ดิน ขณะนี้บ้านหลังแรกสร้างเสร็จแล้ว ผู้ซื้อมีแล้ว แต่ติดขัดเรื่องที่ดินยังไม่ได้แบ่งแยก จึงไม่สามารถนำเงินมาแบ่งกันได้ เขาถามว่า ชัยรบสะดวกอย่างไหน ระหว่างเซ็นมอบอำนาจ กับไปดำเนินการแบ่งแยกที่ดินด้วยกันในวันนี้ ผอ.ชัยรบนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกให้นำแบบฟอร์มมอบอำนาจมาให้เซ็น ดร.สุดใจบอกว่าไม่ได้นำแบบฟอร์มมอบอำนาจมา เขานำกระดาษเปล่ามาให้เซ็นชื่อหลายแผ่น หลังจาก ดร.สุดใจกลับไปแล้ว ข้าพเจ้าถามผอ.ชัยรบว่า ไม่กลัวเพื่อนโกงหรือ เพราะการเซ็นกระดาษเปล่าเขาอาจจะพิมพ์หรือเขียนข้อความโอนเอาที่ดินก็ได้ ผอ.ชัยรบหัวเราะพร้อมบอกว่า ท่านอาจารย์คงไม่รู้ว่าผมกับ ดร.สุดใจ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก หลายเดือนต่อมาผอ.ชัยรบได้ขับรถไปหาข้าพเจ้าที่โรงเรียน ขอร้องให้ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนไปทวงเงินค่าที่ดินจาก ดร.สุดใจ ข้าพเจ้าต้องจำใจเป็นเพื่อน ผอ.ชัยรบไปทวงถามเงินค่าที่ดินจาก ดร.สุดใจทั้งที่บ้านและที่ทำงานประมาณสิบกว่าครั้งแต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จึงพากันไปสอบถามเรื่องที่ดินแปลงดังกล่าวจากที่ดินจังหวัดสกลนคร หัวหน้าที่ดินจังหวัดแจ้งว่า ดร.สุดใจได้ดำเนินการโอนที่ดินของท่านผอ.ชัยรบและน้องสาวรวมกัน 14 ไร่ไปเป็นของลูกเมียของเขาเรียบร้อยแล้ว ผอ.ชัยรบถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจ ข้าพเจ้าเสนอแนะให้จ้างทนายฟ้องแต่ท่านผอ.ชัยรบไม่ทำ สองสามปีต่อมาได้ทราบข่าวว่า ดร.สุดใจเส้นโลหิตในสมองแตกเสียชีวิตขณะควบคุมการก่อสร้างบ้านจัดสรรที่จังหวัดอุบลราชธานี ถูกหามขึ้นท้ายรถปิ้กอัพกลับมาเผาที่วัดสะพานคำ พุทธทาสภิกขุเทศน์เป็นคำกลอนสอนใจว่า เจ้าเกิดมามีอะไรมากับเจ้า ไยมัวเมาโลภลาภทำบาปใหญ่ เมื่อเจ้าตายเจ้าไม่ได้อะไรไป เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา พระพุทธเจ้าตรัสว่า การคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นหนทางแห่งหายนะ
ลมช่วย
แบดมินตันเป็นกีฬาชนิดเดียวที่ข้าพเจ้าเล่นแบดแทบทุกวันตั้งแต่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต บางนา กรุงเทพฯ เมื่อปี 2517 แต่ตอนไปเรียนที่วิทยาลัยครูสกลนครได้เกรด บี คงเป็นเพราะไม่ได้เป็นแกนนำในการรวบรวมเงินจากเพื่อน ๆ ทุกคนในชั้นเรียนเพื่อซื้อของไปเยี่ยมอาจารย์ขณะที่ท่านนอนป่วยอยู่ที่บ้าน พวกเพื่อน ๆ ได้เกรด เอ เกือบทั้งห้อง แต่ข้าพเจ้าก็พอใจเพราะไม่มีโอกาสได้แสดงตัวให้ท่านรู้ ซึ่งเข้าข่ายปิดทองหลังพระหรือทำบุญไม่ตีฆ้อง หรือคมในฝักไม่ชักออกมาแล้วใครจะรู้ว่าคม หลังจากเรียนจบได้ไม่นาน ท่านอาจารย์อุ๋ยรุ่นน้องเจ็ดปีแชมป์ประจำรุ่นจากวิทยาลัยครูสกลนครขณะนั้นสร้างสนามแบดไว้ที่หน้าบ้านตัวเอง ท้าเดิมพันเป็นขวดกับข้าพเจ้า ตอนแรกข้าพเจ้าก็แกล้งแพ้ ทำให้ท่านดีใจคุยโขมงโฉงเฉงท้าทายว่า ให้โอกาสข้าพเจ้าไปฝึกอีกสิบปีค่อยมาสู้กันใหม่แต่ก็คงสู้ท่านไม่ได้ วันต่อมาข้าพเจ้าจึงเอาจริงบ้างทำให้ท่านพ่ายแพ้ต่อหน้าลูกน้องกองเชียร์อย่างหมดรูป ซึ่งทำให้ท่านเลิกเล่นแบดมินตันอย่างน่าเสียดาย ถ้ารู้ว่าท่านจะใจน้อยถึงขนาดแพ้ไม่ได้ก็จะไม่ยอมชนะท่านเลยเพื่อรักษาคนชอบเล่นแบดมินตันด้วยกันเอาไว้ ส่วนข้าพเจ้ายังหลงไหลกีฬาประเภทนี้ถึงกับลงทุนสร้างสนามกีฬาแบดมินตันไว้ที่หน้าบ้าน จัดหาอุปกรณ์การเล่นไว้และเปิดประตูหน้าบ้านให้ผู้คนที่ชื่นชอบมาร่วมเล่นได้ทั้งกลางวันกลางคืน ตีสี่ครึ่งถึงหกโมงเช้าข้าพเจ้าเล่นแบดกับแม่บ้าน บ่ายห้าโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มเล่นแบดกับคนหนุ่มสาว เช้าวันหนึ่งหน้าหนาวลมแรง เซียนนัยหนุ่มน้อยรุ่นลูกหลานซึ่งทำงานเป็นช่างโยธา นักตระกร้อพนันประจำถิ่น ได้ทราบข่าวว่าข้าพเจ้าสร้างสนามแบดมินตันจึงพาลูกน้องจากวิทยาลัยเทคนิคฯสองคนและลูกน้องกองเชียร์ห้าหกคนมาท้าเดิมพันเล่นแบดมินตัน ข้าพเจ้าเห็นว่าสนามกลางแจ้งและมีลมพัดแรงอย่างนี้คงยากที่นักแบดมินตันทั่วไปจะคอนโทรลลูกแบดมินตันไต้ ส่วนข้าพเจ้าคุ้นชินกับสนามและการเล่นแบดมินตันในทุกสภาพอากาศ มั่นใจว่าเอาชนะพวกเขาได้แน่นอน จึงตัดสินใจรับคำท้า ตกลงเดิมพันเซ็ทละหนึ่งพันบาทและเพื่อป้องกันการเบี้ยวเดิมพัน ให้แต่ละฝ่ายนำเงินมาประกบกันให้กรรมการกลางถือไว้ แข่งจบแต่ละเซ็ทให้ผู้ชนะรับเงินไปแบ่งกันได้ การแข่งขันจบลงด้วยชัยชนะเป็นของข้าพเจ้าทั้งสี่เซ็ททั้ง ๆ ที่พวกเขาผัดเปลี่ยนกันลงแข่งกับข้าพเจ้าเพียงคนเดียว ชนะแต่ละเซ็ทกองเชียร์ฝ่ายข้าพเจ้ากระโดดโลดเต้นแบ่งเงินเดิมพันกันอย่างสนุกสนาน ปรมาจารย์ซุนหวู่ กุนซือนักรบผู้ยิ่งใหญ่ของจีนในอดีตกล่าวไว้ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
วิทยากร
ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้ไปรับการอบรมโครงการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เพื่อกลับมาเป็นวิทยากรอบรมชาวบ้านทุกหมู่บ้านในเขตอำเภอเจริญศิลป์ ในส่วนฆราวาสที่ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปเข้ารับการอบรมครั้งนี้ต่างก็มีอบายมุขคนละข้อสองข้อ บางท่านอาการหนักเพราะมีอบายมุขครบทั้งหกข้อกล่าวคือ เสพของมึนเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร และเกียจคร้านทำการงาน ส่วนข้าพเจ้ามีอบายมุขการพนันชนไก่ แม้จะรู้ตัวดีว่าไม่เหมาะสมและไม่อยากจะไป แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เพราะเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โล่งใจอยู่บ้างเพราะมีพระสงฆ์หนึ่งรูป นายอำเภอ ปลัดอำเภอ พัฒนาการอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และข้าราชการครูสามคน ระยะเวลาในการอบรมห้าวันห้าคืน ข้าพเจ้าหมายใจว่าจะพยายามแอบหลับอยู่ข้างหลังบังเสาเอาเบี้ยเลี้ยงและค่าพาหนะเดินทางเท่านั้น วันสุดท้ายของการอบรมวิทยากรจัดกิจกรรมหาพ่อบุญธรรมให้แก่นักศึกษากำพร้าที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ข้าพเจ้าจับคู่ได้ลูกสาวที่กำลังเรียนพยาบาล หลังเสร็จสิ้นการอบรมลูกบุญธรรมส่งพ่อบุญธรรมขึ้นรถกลับบ้าน แม้เวลาจะล่วงเลยมานานหลายสิบปี แต่ข้าพเจ้าไม่เคยลืมใบหน้าแววตาและรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ของสาวอุบลลูกสาวบุญธรรมของข้าพเจ้าคนนั้น กลับจากอบรมได้ไม่นานก็มีคำสั่งและงบประมาณตามมาให้ดำเนินการอบรมชาวบ้านในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ ข้าพเจ้าหมายใจว่าจะขอเป็นคนตีฉิ่งตีกลองร้องเพลงที่ตัวเองถนัด แต่ทีมงานกลับมอบหมายให้วิเคราะห์มนุษย์ ข้าพเจ้าได้วิเคราะห์มนุษย์ตามหลักของพระพุทธศาสนาซึ่งแตกต่างจากที่ไปรับการอบรมจากวิทยากรที่บรรยายเรื่องความต้องการของมนุษย์ห้าขั้นของแมสโลว์ ข้าพเจ้าอธิบายว่า มนุษย์ในชุมชนเรามีอยู่ห้าจำพวกคือ มะนุสสะนิระยะโก คือมนุษย์นรก ได้แก่พวกที่ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ ขี้เหล้าเมายา ฆ่าผู้มีพระคุณ สอง มนุสสะเปโต คือมนุษย์เปรต ได้แก่มนุษย์ที่พื่งพาตัวเองไม่ได้ ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น สาม มะนุสสะติรัจฉาโน มนุษย์สัตว์เดรัจฉาน สมสู่ไม่เลือก สี่มะนุสสะมนุสโส ได้แก่มนุษย์ธรรมดา รักษาศีลห้าเป็นปกติ และห้ามะนุสสะเทโว มนุษย์เทวดา รักษาศีลแปดได้เป็นปกติ ถ้าเรายังไม่สิ้นกิเลสและไม่รักษาศีลปฏิบัติธรรมก็มีโอกาสเป็นมนุษย์ได้ทั้งห้าจำพวกเป็นครั้งคราว เพราะจิตคิดปรุงแต่ง อารมณ์พาเป็น ตัณหาพาไป และกิเลสพาป่วง และบรรยายภาพสไลด์ชีวิตของเด็กหญิงวัลลีซึ่งผอ.สุพิทย์ จุลราชยืมมา ข้าพเจ้าจึงต้องเขียนสคริปต์คำบรรยายเพราะห่างเหินการเทศน์มานาน แต่ทุกอย่างก็ไปได้ดีโดยเฉพาะเรื่องของวัลลีซึ่งข้าพเจ้าพากย์อยู่หลังฉากทำให้ผู้เข้ารับการอบรมหลั่งน้ำตาด้วยความสงสาร ทีมงานบอกว่าสุ้มเสียงข้าพเจ้าฟังดูเศร้า ๆ พอบรรยายเรื่องเศร้าจึงทำให้ผู้ฟังหลั่งน้าตาได้ง่าย ข้าพเจ้าต้องไปราชการเป็นวิทยากรโครงการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองปีละหลายหมู่บ้าน ๆ ละหลายวัน ทำให้ผู้บังคับบัญชาเรียกไปคุยด้วย ท่านบอกว่าเราเป็นครูหน้าที่หลักของเราคือสอนนักเรียน การอบรมชาวบ้านเป็นหน้าที่หลักของพัฒนาชุมชน ถ้าถอนตัวได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านอาจารย์เองคือไม่ต้องเหนื่อยมากและเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนอย่างมากด้วย ข้าพเจ้าฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าท่านเตือนสติถูกต้องแล้ว เราไม่ใช่พระนารายณ์ ควรให้ผู้ที่มีหน้ารับผิดชอบโดยตรงได้ทำหน้าที่ของเขาบ้าง จึงเลิกลาตั้งแต่บัดนั้น
เลื่อนตำแหน่ง
เป็นครูใหญ่ระดับหกมานานปีเพราะต้องการความสบายไปมาสะดวกจึงสมัครใจอยู่โรงเรียนขนาดเล็กใกล้บ้าน แม้ว่าปริมาณงานโรงเรียนขนาดเล็กจะไม่เพียงพอปรับปรุงเป็นตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ ก็ไม่สนใจ เพราะดื่มด่ำในสันโดษคือความพอใจในสิ่งตนเองมีเป็นอยู่ เห็นน้อง ๆ ที่ย้ายจากไปเป็นอาจารย์ก็ได้แต่ดีใจและอนุโมทนาด้วย ตั้งใจว่าจะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนบ้านหนองฮังแหลวแห่งนี้ ต่อมาทางราชการได้กำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ให้ทุกโรงเรียนสามารถปรับเป็นโรงเรียนอาจารย์ใหญ่ได้ ซื่งเมื่อโรงเรียนเป็นโรงเรียนอาจารย์ใหญ่แล้ว ครูใหญ่ก็สามารถปรับเข้าสู่ตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ได้ในภายหลัง แต่มันเป็นงานหินสำหรับข้าพเจ้า เพราะความไม่พร้อมด้านอาคารเรียนและอาคารประกอบเช่นดียวกับโรงเรียนขนาดเล็กทั่วไป แต่ด้วยพลังแห่งความรักความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเพื่อนครู นักเรียน นักการภารโรงและชาวบ้านหนองฮังแหลว ตลอดถึงเพื่อนผู้บริหารและผู้บังคับบัญชาที่กรุณาติชมแนะนำดูแลให้กำลังใจ ทำให้สามารถเนรมิตรให้โรงเรียนครูใหญ่กลายเป็นโรงเรียนอาจารย์ใหญ่ได้ในเวลาเพียงปีเดียว ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าได้เป็นอาจารย์ใหญ่ในที่สุด ข้าพเจ้าไม่มีสิ่งใดตอบแทนนอกจากขอบใจ ขอบคุณ ขอบพระคุณ และอวยพรให้ทุกคนพร้อมครอบครัวจงประสบแต่ความสุขความเจริญยิ่งขึ้น การงานให้ก้าวหน้า ร่ำรวยไม่เลิกลา สุขสันต์หรรษาตลอดไป
คะแนนประทับใจ
ทางราชการมีหนังสือแจ้งให้โรงเรียนแจ้งเพื่อนครูที่ประสงค์จะสมัครเป็น อกค.จังหวัดและ อกค.กรมไปสมัครที่สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอที่ตนเองสังกัด ข้าพเจ้าเกิดนึกสนุกขึ้นมาจึงไปสมัครบ้าง โดยเลือกสมัครเป็น อกค.กรม เพราะมีคู่แข่งเพียงคนเดียวคือศึกษานิเทศน์วิวัฒน์ หลังจากสมัครก็ใช้เวลาว่างตอนบ่ายออกหาเสียงแนะนำตัวตามโรงเรียนต่าง ๆ จนครบทุกโรงเรียน เพื่อนครูส่วนใหญ่ไม่เคยรู้จักข้าพเจ้าเพราะไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักคุ้นเคยเหมือนศึกษานิเทศก์ที่ออกนิเทศน์โรงเรียนบ่อย ๆ ข้าพเจ้ารู้สึกกว่าตัวเองเป็นรองมากจึงต้องขยันแนะนำตัวเป็นสองเท่า ยอมเสียเหล้าเสียเบียร์เพื่อเอาใจในบางที่บางโรงเรียน แต่ก็ได้เปรียบศึกษานิเทศก์ตรงที่มีผู้บริหารโรงเรียนเป็นเพื่อนคอยให้การสนับสนุน วันเลือกตั้งข้าพเจ้าชนะคู่แข่งเพียงสองคะแนน หลังจากนั้นก็ได้เป็นตัวแทนของอำเภอไปคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของจังหวัดไปคัดเลือกในระดับกรมเป็นขั้นสุดท้าย เส้นทางยังอีกยาวไกล และข้าพเจ้าคงไปไม่ถึงเพราะขาดปัจจัยที่สำคัญหลายอย่างเช่นเงินเดือนน้อย เป็นครูใหญ่โรงเรียนเล็กซึ่งต้องทั้งสอนและบริหาร จะเอาเวลาที่ไหนไปทำงานเพื่อส่วนรวมทั้งประเทศได้ แต่เมื่อหลวมตัวสมัครจนได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนแล้วก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไปถึงแค่ไหนก็แค่นั้นแหละ เมื่อไปถึงจังหวัดตัวแทนแต่ละอำเภอต่างถอนตัวไม่ยอมแข่งขันกับ ผอ.ชาญชัย ซึ่งเป็น ผอ.โรงเรียนขนาดใหญ่ที่มากบารมีในขณะนั้น ก็คงเหลือข้าพเจ้าเพียงคนเดียวที่ยังสมัครใจแข่งขันต่อ ท่านผอ.ชาญชัย ซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าหันกลับมามองหน้าข้าพเจ้าเหมือนไม่พอใจ ข้าพเจ้าจึงขอโอกาสหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอเมืองสกลนคร นายพิชิต บาลตำบล ประธานที่ประชุมเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ก่อนลงคะแนนว่า กระผมนายวิทิต ไชยวงศ์คต ตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนบ้านหนองฮังแหลว ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของครูอำเภอเจริญศิลป์ ที่กระผมไม่สละสิทธิ์เพราะเพื่อนครูอำเภอเจริญศิลป์เลือกกระผมให้มาแข่งขัน จะแพ้หรือชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือขอให้กระผมได้แข่งขัน เพื่อจะได้กลับไปเล่าเหตุการณ์วันนี้ให้เพื่อนครูที่เลือกกระผมมาได้รับฟัง แม้ว่ากระผมเป็นเพียงครูใหญ่โรงเรียนเล็กในบ้านนอก แต่ถ้าได้รับเลือกก็สู้ขาดใจครับ ขอบคุณครับ ผลการลงมติ ข้าพเจ้าได้ 2 คะแนน คือข้าพเจ้ายกมือให้ตัวเอง 1 คะแนน และหัวหน้าพิชิต บาลตำบล ยกมือให้อีก 1 คะแนน มันเป็น 1 คะแนนที่ข้าพเจ้าประทับใจอย่างไม่มีวันลืม ต่อมาได้ทราบข่าวว่า ผอ.ชาญชัย ก็ไปแพ้ในระดับกรม ผู้สันทัดกรณีย์กล่าวว่า ไม่ควรแสวงหาประสบการณ์ที่ไม่คุ้มกับการลงทุน แต่ควรเก็บเงินไว้เพื่อสร้างครอบครัวให้มั่นคงจะดีกว่า เพราะชื่อเสียงเกียรติยศเป็นเพียงภาพลวงตาเหมือนพยับแดด ข้าราชการที่ชาญฉลาดจะต้องไม่อยู่บ้านพักไปตลอดชีวิต
รอดหวุดหวิด
ก่อนเกษียณอายุราชการสี่ปี ข้าพเจ้าตัดสินใจขอย้ายไปเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนบ้านทุ่งมนธาตุวิทยาแทนท่านพี่ลำพูนที่เกษียณอายุราชการก่อนกำหนด เพราะโรงเรียนบ้านทุ่งมนธาตุวิทยาเป็นโรงเรียนขนาดกลางตั้งอยู่คนละฟากหนองทุ่งมน ซึ่งใกล้บ้านกว่าและสะดวกสบายกว่าด้วยประการทั้งปวง ตั้งใจว่าหากได้รับอนุมัติให้ย้ายก็จะไปเกษียณที่โรงเรียนแห่งนี้ เมื่อได้รับคำสั่งย้ายเพื่อนร่วมงานก็จัดงานเลี้ยงส่งให้ใต้ต้นมะขามริมสนามหน้าอาคารเรียน มีพิธีบายศรีสู่ขวัญโดยพราหมณ์เฒ่ามัคคนายกวัดบ้านหนองฮังแหลว แต่เนื่องจากพราหมณ์ท่องบทสู่ขวัญไม่ได้ ต้องนำหนังสือสู่ขวัญมาอ่านท่องบ่น โดยมี ผอ.สุพิทย์ จุลราช ถือเทียนเอามือป้องส่องให้เพราะลมพัดแรงทำให้แสงเทียนวับ ๆ แวม ๆ และบังเอิญพราหมณ์ลืมแว่นตาจึงอ่านตะกุกตะกัก กระท่อนกระแท่น ผิด ๆ ถูก ๆ อ่านกลับไปกลับมา ผู้ร่วมพิธีหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง ผอ.สุพิทย์เห็นว่าพราหมณ์คงไปไม่รอดแน่จึงจบให้ด้วยคำว่า……สาธุ. ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างครืันเครงของผู้ร่วมพิธี หลังพิธีวันนั้นแล้วข้าพเจ้าก็อดคิดไม่ได้ว่าโรงเรียนแห่งใหม่คงมีปัญหาอุปสรรคมากมายรออยู่อย่างแน่นอน เช้าวันอำลาเพื่อนร่วมงานข้าพเจ้าไปกราบลาพระอาจารย์เลื่อม เจ้าอาวาสวัดป่าสระแก้ววรารามซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล ตอนบ่ายเพื่อนครูไปส่งที่โรงเรียนแห่งใหม่โดยมีเพื่อนครูจัดเลี้ยงรับที่ห้องพักครู ข้าพเจ้ากล่าวขอบคุณเพื่อนครูที่มาส่งและเพื่อนครูที่จัดเลี้ยงรับ ไม่นานนักข้าพเจ้าก็สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานในโรงเรียนแห่งใหม่และชุมชนแห่งใหม่ได้อย่างกลมกลืน ข้าพเจ้าทำงานสบายเพราะมีผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ที่ทำงานเก่งและทำให้ทั้งหมด มีหน้าที่เซ็นอย่างเดียวจึงเอาเวลาที่เหลือไปช่วยนักการภารโรง เช่นตัดแต่งไม่ดอกไม้ประดับ ทาสี เขียนป้าย ฯลฯ ปีต่อมา ผอ.ปจ.สกลนคร ส่งลูกน้องมาสั่งให้ตัดแต่งต้นสนหน้าอาคารเรียน ทำบันไดอาคารไม้ทั้งสองหลัง ประดับตกแต่งและทาสีส้วมซึ่งทรุดโทรมให้สะอาดจนสามารถนอนได้ ส่วนงบประมาณให้หาเอง ถ้าทำไม่ได้จะย้ายไปอยู่โรงเรียนกันดารบนหุบเขาภูพาน ไม่รู้ว่าลูกพี่หยองเอ่นไปกินรังแตนมาจากไหนถึงได้คาดคั้นเอากับข้าพเจ้ามากมายถึงปานนี้ เพราะวันแรกที่แกย้ายมาก็ยังเคยไปต้อนรับนักข่าวช่องห้าออกอากาศรายการทอผ้าไหมของโรงเรียนบ้านทุ่งมนธาตุวิทยาด้วยกัน ท่านคงเข้าใจไปเองหรือมีผู้ให้ข้อมูลว่าข้าพเจ้าเป็นลูกพี่อาจารย์วิเศษ มูลสุวรรณ ครูโรงเรียนเจริญศิลป์ซึ่งกำลังมีเรื่องมีราวฟ้องร้องเงินค่าอาหารกลางวันกับผู้อำนวยการโรงเรียนเจริญศิลป์อยู่ ท่านคงอยากเชือดข้าพเจ้าให้อาจารย์วิศษดูเป็นตัวอย่างทั้ง ๆ ที่ความจริงข้าพเจ้าไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย ข้าพเจ้าได้แต่ทำใจและพยายามปฏิบัติตามคำสั่งนั้นด้วยการตัดแต่งต้นสน จนทำให้ต้นสนตายทุกต้น ใช้เงินส่วนตัวซื้อดินลูกรังมาถมที่ต่ำน้ำท่วมถึงบางแห่ง ซื้อวัสดุมาทำ ซื้อสีซื้อแปรงมาทาและเขียนรายชื่อผู้บริจาคไว้บนกำแพงรั้วโรงเรียนที่ได้จากผ้าป่าลูกศิษย์เก่าสร้างให้ เป็นลูกน้องภารโรง ทำงานตากแดดเหงื่อท่วมตัวทั้งวัน บางวันทำคนเดียวเพราะลูกพี่ภารโรงเมาจนทำงานไม่ได้ คืนหนึ่งข้าพเจ้าฝันไปว่าตัวเองบวชเป็นพระหลวงตาไปธุดงค์บริเวณป่าไผ่ริมหนองหารเมืองสกลนคร ได้พบกับผอ.ปจ.หยองเอ่น ซึ่งบวชเป็นพระผู้ใหญ่พาคณะพระสงฆ์จำนวนมากไปเยี่ยมข้าพเจ้า รุ่งเช้าข้าพเจ้าตัดสินใจเขียนจดหมายไปเล่าความฝันให้ท่านฟัง หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็คลี่คลายไปในทางที่ดี ข้าพเจ้ารอดถูกย้ายอย่างหวุดหวิด แต่อาจารย์วิเศษ มูลสุวรรณ ถูกย้ายไปโรงเรียนบ้านคำภูทอง ซึ่งเป็นโรงเรียนกันดารในอำเภอบ้านม่วง ต่อมาอาจารย์วิเศษจ้างทนายฟ้องผอ.ปจ.หยองเอ่นต่อศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งและชดใช้ค่าเสียหาย เรื่องจบลงเมื่อ ผอปจ.หยองเอ่นแพ้คดี ต้องขอเจรจาต่อรองขอจ่ายสองแสนบาทและหาทางย้ายอาจารย์วิเศษกลับ ผู้สันทัดกรณีย์เรื่องรับราชการบอกว่า การรับราชการเป็นการประกอบอาชีพที่สุจริตเพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวเหมือนอาชีพอื่น จงอย่ายึดติดกับตำแหน่งหรือหัวโขนที่สวมอยู่ และที่สำคัญต้องถอดหัวโขนออกทันทีหลังเลิกงาน แล้วท่านจะทำงานราชการอย่างมีความสุข
หลวงพ่อองค์แสน
หลวงพ่อองค์แสนเป็นพระพุทธ รูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสกลนคร วันหนึ่งนายประยุทธ รัชตวรรณ นายอำเภอเจริญศิลป์ในขณะนั้น ไปเที่ยวจังหวัดหนองคายได้นำพระใสองค์เล็ก ๆ มาให้ข้าพเจ้าไว้บูชา ต่อมาท่านได้รับคำสั่งย้ายไปเป็นนายอำเภอบ้านไร่ จังหวัดหนองคาย ก่อนถึงวันเลี้ยงส่งสามวันข้าพเจ้าได้เดินทางกลับไปเยี่ยมคุณแม่ที่บ้านด่าน ม่วงคำ อำเภอโคกศรีสุพรรณ และได้แวะนมัสการพระธาตุเชิงชุมในตัวเมืองสกลนคร ได้เช่าบูชาหลวงพ่อองค์แสนองเล็ก ๆ ในราคา 300 บาท ตั้งใจจะนำไปมอบให้ท่านนายอำเภอประยุทธในวันย้ายเป็นการตอบแทน ข้าพเจ้าตั้งหลวงพ่อองค์แสนจำลองไว้บนหิ้งพระ ก่อนนอนก็ไหว้พระทุกคืนตามปกติ พอคืนที่สามเวลาประมาณตีสอง ขณะกำลังนอนหลับสนิทก็เห็นประกายแสงสีแดงเรืองรองเหมือนพลุดอกไม้ไฟพุ่ง กระจายออกจากองค์พระทีละน้อยและมากขึ้น ๆ จนเต็มห้อง ข้าพเจ้าตกใจสุดขีดนึกว่าไฟกำลังจะไหม้ห้องนอนจึงผุดลุกขึ้นนั่งและตื่นจาก ภวัง พอรู้ว่าเป็นเพียงความฝันก็ปลุกแม่บ้านเล่าความฝันให้ฟัง แม่บ้านอยากได้หลวงพ่อองค์แสนนี้ไว้ แต่ข้าพเจ้าบอกเธอว่ายังมีหลวงพ่อองค์แสนที่วัดพระธาตุเชิงชุมอีกหลายองค์ เมื่อถึงงานเลี้ยงส่งนายอำเภอประยุทธ รัชตะวรรณ ข้าพเจ้าได้นำหลวงพ่อองค์แสนน้อยนั้นมอบให้ท่านไป หลายปีต่อมานายอำเภอกำธร ตุ้งสวัสดิ์ ที่ย้ายมาอยู่อำเภอเจริญศิลป์ ท่านได้ร่วมหุ้นทำธุรกิจซื้อขายที่ดินด้วยกันจนสนิทสนมคุ้นเคย ต่อมาท่านได้รับคำสั่งย้ายโดยมิได้เขียนคำร้องขอย้าย จึงเชิญหุ้นส่วนธุรกิจที่ดินไปเลี้ยงที่บ้านพัก บ่นระบายด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่างานกำลังเดินไปด้วยดี แต่มีคนลั่นแกล้งย้ายท่าน พวกเราก็ได้แต่ปลอบใจและรับจะพยายามสืบให้ ต่อมาอีกสองวันท่านเรียกหุ้นส่วนไปเลี้ยงที่บ้านพักอีก และแจ้งว่าท่านสืบทราบแล้วว่าคุณนายของท่านเป็นคนเขียนคำร้องขอย้ายให้ เนื่องจากที่ท่านแอบไปมีเมียน้อยนั้นล่วงรู้ไปถึงหูคุณนายเข้า แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเปิดเผยความลับนี้ ข้าพเจ้าหัวเราะบอกว่า คราวก่อนท่านพูดเองมิใช่หรือว่าความลับไม่มีในโลก และบอกอีกว่า ผู้หญิงเป็นคนมีเซ้นจ์ มีลางสังหรณ์ ช่างสังเกต และมักรู้อะไรล่วงหน้ากว่าผู้ชาย มีหรือเรื่องง่าย ๆ อย่างนี้คุณนายท่านจะไม่รู้ ท่านนายอำเภอหัวเราะลั่นจนน้ำหูน้ำตาไหลบอกว่าเออจริงของพี่ผมลืมไป แม่บ้านของผมเขาเป็นคนฉลาดในเรื่องอย่างนี้เสียด้วย ก่อนถึงวันเลี้ยงส่งสามวันข้าพเจ้าได้กลับไปเยี่ยมคุณแม่ ขากลับแวะนมัสการหลวงพ่อองค์แสนตามปกติ และได้เช่าบูชาหลวงพ่อองค์แสนจำลองเพื่อนำไปมอบให้เป็นที่ระลึก เมื่อกลับถึงบ้านก็ให้แม่บ้านแต่งขันธ์ห้านำหลวงพ่อองค์แสนขึ้นไว้บนหิ้ง พระ คืนแรกและคืนที่สองเหตุการณ์เป็นปกติ แต่พอคืนที่สามประมาณสองยามกว่า ๆ ก็ฝันไปว่า ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนได้เห็นชายวัยกลางคน นุ่งโจงกระเบน ไม่นุ่งเสื้อ ใบหน้าเหมือนขอมโบราณ ไม่มีตาไม่มีจมูก ไม่มีปาก เปิดประตูห้องถือมีดสั้นลักษณะเหมือนเงินฮาง(เงินไทยสมัยโบราณ)เดินตรงเข้า มาหาข้าพเจ้า พอใกล้จะถึงตัวข้าพเจ้าก็นั่งคุกเข่าลง ใช้มือทั้งสองข้างยกมีดยื่นให้ ข้าพเจ้ามองไปด้านหลังของเขาเห็นคนลักษณะเดียวกันนั่งคุกเข่าเป็นแถวเรียง หนึ่งยาวไกลออกไปทางพระธาตุเชิงชุมตั้งอยู่จนสุดขอบฟ้า ยังไม่ทันได้รับมีดก็ตื่นจากฝัน ถึงวันเลี้ยงส่งข้าพเจ้าได้นำหลวงพ่อองค์แสนน้อยดังกล่าวไปมอบให้ท่านนาย อำเภอเป็นที่ระลึกดั่งที่ตั้งใจไว้ เดือนต่อมาข้าพเจ้าบอกแม่บ้านว่า จะไปนิมนต์หลวงองค์แสนของเรามาไว้บูชาที่บ้าน หลังจากที่ข้าพเจ้าและครอบครัวเดินทางไปเยี่ยมคุณแม่ที่บ้านด่านม่วงคำแล้ว ขากลับได้ แวะนมัสการหลวงพ่อองค์แสนและเช่าบูชาหลวงพ่อองค์แสนน้อยเป็นเงิน 300 บาท มาไว้บูชาที่บ้าน คืนที่สามก็ฝันว่ามีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่สูงประมาณยี่สิบเมตรจำนวนเก้าต้นแผ่ กิ่งก้านคลุมเงาปกคลุมทั่วบริเวณบ้าน ข้าพเจ้าเดินนับต้นโพธิ์ด้วยความดีใจ วาดฝันว่าถ้าสร้างเป็นสวนอาหารน่าจะเจริญรุ่งเรือง เมื่อนับต้นโพธิ์มาถึงต้นสุดท้ายที่หน้าบันไดตรงที่ข้าพเจ้าขังสุ่มไก่ชนตัว เก่งไว้ก็ต้องแปลกใจที่เห็นต้นโพธิ์ยอดด้วน ขณะที่ข้าพเจ้ายืนแหงนมองต้นโพธิ์ยอดด้วนด้วยความแปลกใจก็ตื่นจากฝัน ลุกขึ้นนั่งทบทวนความฝันด้วยความปิติ แต่เป็นกังวลอยู่บ้างเรื่องต้นโพธิ์ยอดด้วน ซึ่งหลวงพ่อท่านคงตักเตือนเรื่องการเล่นพนันชนไก่อันเป็นปากทางแห่งความ เสื่อม ข้าพเจ้าจึงตั้งอธิษฐานว่าจะพยายามลดการเล่นพนันให้น้อยลง ถ้าตัดใจได้เมื่อใดก็จะเลิกทันที เช้าวันรุ่งขึ้นจึงเล่าเรื่องความฝันให้แม่บ้านฟังบางส่วนพร้อมคำทำนาย ไม่เล่าเรื่องต้นโพธิ์ยอดด้วนเพราะยังไม่สามารถเลิกเล่นการพนันได้ ข้าพเจ้าคิดว่าพระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อองค์แสนเป็นศูนย์รวมแห่งพลังจิต วิญญาณอันยิ่งใหญ่ของชาวพุทธทั้งที่ล้มหายตายจากและที่ยังมีชีวิตอยู่ซึ่ง แผ่ขยายครอบคลุมปกป้องคุ้มครองผู้คนทั่วโลกที่ยึดถือ ศรัทธาและมีไว้ซึ่งหลวงพ่อองค์แสนน้อย เปรียบเสมือนสถานีโทรทัศน์กำลังส่งสูงที่ส่งคลื่นเสียงและรูปภาพครอบคลุม พื้นที่ทั้งโลก หากผู้ใดมีโทรทัศน์และเปิดเครื่องรับก็จะได้เห็นทั้งรูปและได้ฟังทั้งเสียง ที่ทางสถานีโทรทัศน์ส่งไป ข้าพเจ้าเชื่อว่าครอบครัวของข้าพเจ้าจะได้รับความคุ้มครองจากหลวงพ่อองค์แสน น้อยซึ่งเป็นตัวแทนแห่งพลังอำนาจจิตวิญญาณตามความฝันอย่างแน่นอน
อ่านแล้วคิดถึงบรรพบุรุษ
I like this weblog very much so much wonderful info.
From: Ogrodzenia I am a extended time ago I read your blog and possesses long been declaring that you are a fantastic author
เขียนได้ดีค่ะ อ่านแล้วสนุกเข้าใจง่าย คงไม่ได้โม้
ดีใจที่ชอบ ขอบคุณที่ชม
โม้บ้างคลายขื่นขม ให้เหมาะสมแก่เรื่องราว อะฮ้า ๆ
พ่อครูคะ ชื่นชมในผลงานนะคะ ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความรู้และประสบการณ์ทางภาษาที่นำไปปรับใช้ได้นะคะ
คุณครูอ้อยครับ
ขอบคุณที่ชื่นชมผลงานครับ ความรู้และประสบการณ์ทางภาษาของพ่อครูพองู ๆ ปลา ๆ จึงควรปรับแต่งอย่างน้อยสามเที่ยวก่อนนำไปใช้ทุกครั้งนะครับ
ดิฉันเป็นศิษย์เก่าของ รร.พุทธศาสนาวันอาิทิตย์ มหาจุฬาฯ ใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่ที่นั่น16ปี สนใจการโต้วาที บรรยายธรรม พุทธศาสนสุภาษิต แต่งกลอน อื่่น ๆ อีกมากมาย เคยเข้าชมนิทรรศการของพระนิสิตชาวอีสานที่จัดในงานครบรอบวันสถาปนามหาจุฬาฯ ได้อ่านประวัติของคุณพ่อแล้วชอบมาก ทำให้นึกถึงอดิตที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขค่ะ ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นพิธีกรในงานต่าง ๆบ้างเป็นครั้งคราว พึ่งเข้าชมเว็บของคุณพ่อเป็นครั้งแรก และคิดว่าจะเข้ามาเยี่ยมชมบ่อย ๆ ค่ะ ขอบคุณที่เก็บสิ่งดีดี มีสาระไว้ในเว็บนี้มากมาย และขออนุญาตนำสิ่งดีเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ
คุณ ta ครับ
รู้สึกดีใจมากที่มีลูกศิษย์เก่าโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์มหาจุฬาฯ เข้ามาเยี่ยมชม พ่อครูเคยเป็นครูสอนที่โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์มหาจุฬาฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕-๒๕๑๖ ยังรักและคิดถึงพี่น้องชาวกรุงเทพฯเสมอ โดยเฉพาะพี่น้องชาวมักกะสัน ประตูน้ำ และพี่น้องที่ส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์มหาจุฬาฯ พ่อครูมีวันนี้ได้ก็เพราะส่วนหนึ่งพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ทำบุญใส่บาตรให้ ไม่มีโอกาสได้ตอบแทนด้วยวัตถุสิ่งของ เพราะถึงวันนี้พ่อครูก็ยังเป็นโรคทรัพย์จางเหมือนเดิม พ่อครูมีเพียงความรักความคิดถึงและความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขียนไว้ในเว็บไซด์พ่อครูดอทคอมฝากลูกหลานชาวกรุงเทพฯ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมเท่านั้น แต่ถ้าไปเยี่ยมถึงบ้านก็ยินต้อนรับเสมอครับ พ่อครูขออนุโมทนาบุญด้วยครับที่ได้รับเชิญให้เป็นพิธีกรในงานต่าง ๆ ขอบคุณล่วงหน้าที่คิดว่าจะเข้ามาเยี่ยมชมบ่อย ๆ ให้เลือกเก็บแต่สิ่งที่ดี ๆ ไปเผยแพร่นะครับ ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ