เขียนตามเรื่องราวสวรรค์ชั้นกามาพจรทั้งหกชั้น เพื่อใช้ในงานประเพณีทำบุญตักบาตรเทโวโรหะนะวันออกพรรษาของวัดเจริญศิลป์ ซึ่งตำราสวรรค์ได้พรรณาเรื่องสวรรค์ไว้ว่า สวรรค์มี 6 ชั้นได้แก่
1. สวรรค์ชั้นจาตุม สวรรค์ชั้นนี้ตั้งอยู่บริเวณรอบเขาพระสุเมรุ(เขาหิมาลัย)มีอาณาเขตเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่ของโลกมนุษย์ แบ่งการปกครองออกเป็น 4 เมืองได้แก่ 1. ฐะตะรัฏฐะนคร มีท้าวฐะตะรัฏฐะ เป็นเจ้าเมืองปกครองเทวดาตั้งแต่ยอดเขาพระสุเมรุ(ยอดเขาหิมาลัย)ลงมาถึงเทวดาบนต้นไม้ ภูเขา พื้นดิน พื้นน้ำห้วยหนองคลองบึงทะเลและมหาสมุทร 2. วิรุฬหะนคร มีท้าววิรุฬเป็นเจ้าเมือง ปกครองนาคและสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์น้ำทุกชนิดตั้งแต่ยอดเขาพระสุเมรุลงมาถึงพื้นดินพื้นน้ำห้วยหนองคลองบึงทะเลและมหาสมุทร 3. วิรูปักขะนคร มีท้าววิรูปักษ์เป็นเจ้าเมือง ปกครองสัตว์มีปีกทุกชนิดตั้งแต่ยอดเขาพระสุเมรุลงมาถึงพื้นดินพื้นน้ำห้วยหนองคลองบึงทะเลและมหาสมุทร 4. กุเวรนคร มีท้าวกุเวรเป็นเจ้าเมือง ปกครองยักษ์และภูติผีปีศาจตั้งแต่ยอดเขาพระสุเมรุลงมาถึงพื้นดินพื้นน้ำห้วยหนองคลองบึงทะเลและมหาสมุทร
เนื่องจากสวรรค์ชั้นนี้มีพื้นที่ทับซ้อนกับโลกมนุษย์ เหล่าบริวารของเทวดาชั้นนี้เช่นคนธรรพ์ นางไม้ นาค ยักษ์ ภูติผีปีศาจ สัตว์ปีกเช่นนก สัตว์เลื้อยคลานเช่นงู เป็นต้น ซึ่งจะอยู่ปะปนกับมนุษย์จึงมักมีปฏิสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับมนุษย์ตลอดมาเช่น เข้าทรง เข้าสิงร่าง เข้าฝัน ส่วนมนุษย์ก็สร้างศาลพระภูมิให้เทวดาอยู่ สร้างศาลให้เทพเจ้าอาศัย บนบาน บวงสรวงให้ช่วยทำนั้นทำนี่ บางคนนำบริวารของพญานาคและพญาครุฑมาเป็นอาหาร เอาหนังไปทำกระเป๋ารองเท้า เข็มขัด เอาขนไปทำไม้กวาด ทำพัด เป็นต้น
2. สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตั้งอยู่เหนือยอดเขาพระสุเมรุขึ้นไป มีพระอินทร์ตัวเขียวเป็นเจ้าเมือง ปกครองเทวดาชั้นดาวดึงส์ทั้งหมดและคอยสอดส่องดูแลช่วยเหลือพวกมนุษย์บนโลกที่ได้รับความลำบากเดือดร้อน
3. สวรรค์ชั้นยามา ตั้งอยู่เหนือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไป มีท้าวยามาเป็นเจ้าเมืองปกครองเทวดาชั้นยามาทั้งหมด ไม่มีประวัติว่าเคยลงมาช่วยเหลือมนุษย์
4. สวรรค์ชั้นดุสิต ตั้งอยู่เหนือสวรรค์ชั้นยามา มีท้าวตุสิตาหรือท้าวดุสิตเป็นเจ้าเมืองปกครองเทวดาชั้นดุสิตทั้งหมด ไม่มีประวัติว่าเคยลงมาช่วยเหลือมนุษย์
5. สวรรค์ชั้นนิมมานรดี ตั้งอยู่เหนือสวรรค์ชั้นดุสิตขึ้นไป มีท้าวนิมมานรดีเป็นเจ้าเมืองปกครองเทวดาชั้นนิมมานรดีทั้งหมด ไม่มีประวัติว่าเคยช่วยเหลือมนุษย์
6. สวรรค์ชั้นปะระนิมมิตะวะสวัสดี ตั้งอยู่เหนือสวรรค์ชั้นนิมมานรดี เป็นสวรรค์ชั้นที่สูงที่สุด มีท้าวปะระนิมตะวะสวัสดีเป็นเจ้าเมืองปกครองเทวดาชั้นปะระนิมมิตะวะสวัสดีทั้งหมดไม่มีประวัติว่าเคยลงมาช่วยเหลือมนุษย์
ปัจจุบันพิธีกรรมต่าง ๆที่ชาวพุทธนำมาปฏิบัติล้วนแต่เป็นพิธีกรรมของศาสนาพรามณ์ทีชาวพุทธนำมาประยุกต์ใช้ แม้แต่เรื่องความเชื่อเกี่ยวกับผีสางเทวดา เวทย์มนต์กลคาถา ล้วนมาจากศาสนาพราหมณ์ทั้งสิ้น
การกราบไหว้พระและการกราบไหว้เทวดาหรือแม้แต่การกราบไหว้ต้นไม้ เสาไฟฟ้า กองขี้หมาแห้ง เป็นต้นล้วนแต่เป็นกุศโลบายทำให้คนเรามีจิตใจอ่อนโยน มีเมตตา และเคารพนอบน้อมผู้อื่นทั้งสิ้น งมงายหรือไม่แล้วแต่มุมมอง
ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าตรัสว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน พระองค์ไม่แบ่งชนชั้นคนตามเผ่าพันธ์ุ ชาติกำเหนิดหรือสถานะทางสังคม คนจน คนรวย เมื่อบวชเป็นพระต้องละทิ้งชนชั้นวรรณะและยศถาบรรดาศักดิ์ทั้งหมด และให้เคารพกันตามลำดับบวชก่อนบวชหลังเท่านั้น เช่นใครบวชทีหลังต้องเคารพกราบไหว้คนที่บวชก่อน ศาสนาพุทธแบ่งชนชั้นดังนี้
1. แบ่งตามระดับสติปัญญาเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ 1. พวกดอกบัวพ้นน้ำ คือคนจำพวกที่มีสติปัญญาดีมาก เพียงได้ฟังธรรมนิดหน่อยก็บรรลุธรรมได้ทันที 2. พวกดอกบัวกลางน้ำ คือพวกที่มีสติปัญญาดี ได้ฟังธรรมแล้วนำไปปฏิบัติคิดพิจารณาไตร่ตรองไม่นานก็บรรลุธรรมได้ 3. พวกดอกบัวเหนือตม คือคนที่มีสติปัญญาปานกลาง ถ้าพวกเขาได้รับการฝึกฝนอบรมที่ดี ปฏิบัติชอบนานหลายปีก็มีโอกาสบรรลุธรรมได้เช่นเดียวกัน และ 4. พวกดอกบัวใต้ตม คือคนที่โง่เขลาเบาปัญญา แม้จะได้รับการฝึกฝนอบรมที่ดีเพียงใดก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้
2. แบ่งตามความสามารถในการละกิเลสเป็น 5 ระดับคือ 1. ปุถุชน คือบุคคลจำพวกมีกิเลสหนา กล่าวคือยังมีความโลภความโกรธและความหลงเต็มที่ ไม่สามารถละกิเลสได้เลยสักข้อ 2. โสดาบัน คือบุคคลจำพวกที่มีความโลภความโกรธและความหลงเบาบาง 3. สกิทาคา คือบุคคลจำพวกที่สามารถละความโลภความโกรธและความหลงได้แล้ว แต่ไม่สามารถสละการครองเรือนได้เด็ดขาด บวชแล้วก็ยังสึก 4. อนาคา คือบุคคลจำพวกที่สามารถละกิเลสได้เกือบหมดแล้ว และออกบวชเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้นโดยไม่กลับมาครองเรือนอีกเลย 5. อรหันต์ คือคนจำพวกที่สามารถสละการครองเรือน ออกบวชและสามารถละกิเลสได้โดยสิ้นเชิง
สัมผัสในและสัมผัสนอกในบทกลอนไม่สละสวยนัก จึงขอให้ท่านผู้อ่านและผู้นำไปใช้ตัดต่อแต่งเติมเสริมตามที่เห็นสมควรเทอญ
…………………………………………..
กลอนสุภาพหรือกลอนแปด
………………………………………….
ข้าพเจ้า ทั้งหลาย ทั้งชายหญิง ศรัทธายิ่ง ในหลักธรรม คำสั่งสอน
น้อมวันทา กราบก้ม ประนมกร กราบวิงวอน คุณพระ รัตนตรัย
ขอได้โปรด คุ้มครอง ปกป้องให้ โยมปลอดภัย มีสุข ทุกข์เหือดหาย
ชีวิตต่อ แต่นี้ ไม่มีภัย อันตราย ใดใด ไม่แผ้วพาน
ขอกราบก้ม ประนมกร อภิวาท เทวราช แห่งแคว้น แดนสวรรค์
ชั้นจาตุม ทั้งสี่ท่าน พร้อมบริวาร ที่ทำการ คุ้มครองเรา แต่นานมา
ได้แก่ท่าน ท้าวพระยา ฐะตะรัฏ เป็นยอดฉัตร เทวดา ฐะตะรัฏฐา
ท้าววิรุฬ ปกครอง เหล่านาคา ท้าวกุเวรา ปกครองยักษ์ ภูติผีพราย
ท้าววิรูปักษ์ ปกครอง พวกสัตว์ปีก ที่หลบหลีก บินไปมา บนฟ้าใส
ทั้งสี่ท่าน คุ้มครองโลก ที่กว้างไกล เอาใจใส่ ดูแล แผ่พระคุณ
กราบพระอินทร์ เจ้าสวรรค์ ชั้นดาวดึง กราบไปถึง ท้าวยามา ผู้นำหนุน
ชั้นที่สี่ ท้าวตุสิตา ผู้มีคุณ แสนอบอุ่น ท้าวนิมมา ผู้เบิกบาน
ปะระนิมมิตา คือสวรรค์ ชั้นที่หก ที่หยิบยก มากล่าว เล่าไขขาน
เพื่อเชิดชู เทพผู้ใหญ่ ในจักรวาล กล่าวบนบาน ขอพรชัย ให้ช่วยดล
จึงกราบก้ม ประนมกร วิงวอนท่าน เทพเทวา ทั้งหกชั้น บนสวรรค์
ขอได้โปรด อำนวยผล ดลบันดาล ให้ปวงข้า พ้นผ่าน ภยันตราย
ให้อยู่ดี มีสุข ไม่ทุกร้อน นั่งกินนอน สุขสม อารมณ์หมาย
ได้มีเป็น เช่นที่หวัง ทุกอย่างไป ถึงคราตาย มารับเรา ถึงบ้านเรือน
พาไปสู่ สรวงสวรรค์ บนชั้นฟ้า เป็นเทวา สุขสดใส หาใดเหมือน
ขอกุศล ที่ทำไว้ ไม่แชเชือน ไปเป็นเพื่อน บนสวรรค์ อันอำไพ
หากมาเกิด เป็นมนุษย์ ในโลกนี้ ได้เกิดที่ ร่ำรวย หล่อสวยใส
ได้มีเป็น เช่นที่หวัง ทุกอย่างไป ศรัทธาใน พุทธศาสน์ ไม่คลาดคลา
ได้ถึงทาง พ้นทุกข์ มีสุขยิ่ง จิตแอบอิง พระนิพาน ดังปรารถนา
ขอกุศล ผลบุญ หนุนนำพา ให้ปวงข้า สุขสมหวัง ดั่งใจเทอญ
สาธุ
……………………………….