สำหรับคนเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นลมหน้ามืด
………………………………………………………………………………….
ข้าพเจ้าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะมาประมาณสิบกว่าปี โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะกำเริบเป็นระยะเรื่อยมา และทุกครั้งที่โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะกำเริบลูกเมียต้องพาไปเข้าห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลเจริญศิลป์ คุณหมอคุณพยาบาลก็จะถามและเตือนสติด้วยความเป็นห่วงทุกครั้งว่า โรคหัวใจกำเริบมานานหรือยัง ถ้าโรคใจหัวกำเริบต้องรีบมาโรงพยาบาลทันที มาช้าอาจไม่ทันการณ์ และทุกครั้งที่เข้าห้องฉุกเฉินทั้งคุณหมอและคุณพยาบาลจะระดมช่วยกันเข็นอุปกรณ์การแพทย์มาประชิดเตียงที่ข้าพเจ้านอนหายใจพะงาบ ๆ อยู่พร้อมกับติดอุปกรณ์วัดการเต้นของหัวใจ เข้าน้ำเกลือ ฉีดยาสามทางโดยสามคุณพยาบาลแทงเข็มเตรียมพร้อม หนึ่งคุณหมอเป็นคนนับจังหวะ หนึ่ง สอง สาม คุณพยาบาลจะดันน้ำยาเข้าแขนข้าพเจ้าพร้อมกัน ถอดเข็มออกแล้วยกแขนข้าพเจ้าขึ้นสูง ข้าพเจ้ารู้สึกเจ็บแปลบปลาบวูบวาบที่หัวใจและทรวงอกเหมือนตกจากที่สูง การเต้นของหัวใจเริ่มกลับมาปกติอีกครั้ง คุณหมอบอกว่า โรคที่คุณตาเป็นอยู่นี่อันตรายมาก คุณตาต้องนอนโรงพยาบาลรอดูอาการสองคืนนะ พร้อมสั่งให้บุรุษพยาบาลเข็นเตียงข้าพเจ้าไปห้องคนไข้รวมซึ่งร้อนมากเพราะไม่มีแอร์ ข้าพเจ้าและลูกเมียที่เฝ้าไข้ต้องนอนทนทรมานในห้องคนไข้สองคืนทุกครั้ง แต่บางครั้งอาการหนักโรงพยาบาลต้นทางเอาไม่อยู่ต้องส่งต่อโรงพยาบาลประจำจังหวัด และศูนย์หัวใจสิริกิติ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้าพเจ้าได้รับการรักษาจากสถานพยาบาลทุกแห่งด้วยดีตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา ต้องสวนหัวใจและกินยาของศูนย์หัวใจสิริกิติ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือวันละครึ่งเม็ด
หมอหมี เม้าท์มอย ให้ความรู้ว่า ไขมันเลว (LDL)ที่ไปอุดตันหลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมอง เกิดจากการกินเนื้อติดมัน ไข่แดง และอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานเช่น อาหารทอด ขนมกรุบกรอบเป็นต้น คนเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะให้กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นยา กินกล้วยน้ำว้าบ้าง เดินทางวันละห้าพันก้าว คึกคักเหมือนหนุ่มสาวทุกวัน และกล่าวทิ้งท้ายว่า อย่าฝากชีวิตทั้งหมดไว้กับหมอเพราะหมอไม่ใช่พระเจ้า
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะรอบใหม่
ในช่วงเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน ของทุกปี ข้าพเจ้าสังเกตว่ามักจะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นจนแทบเอาชีวิตไม่รอด จึงพยายามใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน ถ้าจำเป็นต้องออกไปทำธุระนอกบ้านก็ระมัดระวังตัวขั้นสูงสุด แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมของตัวเองได้ เช้าวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ขณะที่ข้าพเจ้ายืนก้ม ๆ เงย ๆ ถอนวัชพืชบริเวณหน้าบ้านได้ประมาณครึ่งชั่วโมง พอเงยหน้ายืนขึ้นจะนำวัชพืชที่ถอนได้ไปกองรวมกัน ข้าพเจ้าเกิดอาการหน้ามืดกะทันหัน หงายหลังล้มทั้งยืน ศีรษะกระแทกกำแพงฝาห้องเครื่องสูบน้ำบาดาลเสียงดังโครม เดชบุญยังถึงคราวตายเพราะไม่ฟาดลงบนเหลี่ยมเสารั้วที่วางอยู่ข้างฝาห้อง รู้สึกปวดหนึบที่กลางกระหม่อมและข้อมือด้านซ้าย ดวงตาพร่ามัวมองเห็นแสงหิ่งห้อยเท่าค้างคาวแม่ไก่บินว่อนไปมาอยู่เต็มหน้า โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะกลับมากำเริบอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้หัวใจเต้นเร็วและแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา รู้สึกเจ็บและแน่นหน้าอกเหมือนจะเป็นลมหน้ามืดอีกครั้ง จึงรวบรวมกำลังชูแขนสองข้างขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่แล้วกลั้นไว้ลดมือสองข้างลงมาแทบหน้าอกพร้อมกับเบ่งเพื่อขับไล่ไขมันที่อุดตันหลอดเลือดที่ฉีดโลหิตไปเลี้ยงหัวใจและสมองประมาณหนึ่งนาทีแล้วพ่นลมหายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ พร้อมกับเอามือลงแนบลำตัวตามคำแนะนำของผีกองกอย ทำอยู่อย่างนี้ถึง ห้าครั้งหัวใจจึงกลับมาเต้นเป็นปกติ ข้าพเจ้านอนหงายอยู่บนพื้นหญ้าไม่นานนัก แม่บ้านที่นั่งดายหญ้าอีกฟากหนึ่งได้ยินเสียงโครมครามรีบเดินมาดู เห็นข้าพเจ้านอนคลุกดินอยู่บนพื้นหญ้า จึงรีบไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ พร้อมสอบถามอาการว่ามีแตกหักตรงไหนบ้าง ? ข้าพเจ้าตอบแม่บ้านไปว่า ไม่แตก ไม่หัก และไม่โน แต่ได้แผลถลอกสองแห่งคือที่กลางกระหม่อมกับที่ข้อมือซ้าย เธอถามต่อว่า จะไปโรงพยาบาลไหม ? ข้าพเจ้าตอบทันทีว่า ไม่ไปครับ แม่บ้านหัวเราะด้วยความขบขัน ข้าพเจ้าพยายามขยับตัวชูคอขึ้นมองไปข้างหน้า ใช้ข้อศอกสองข้างดันพื้นเพื่อพยุงตัวลุกขึ้นนั่งแต่ไม่สามารถลุกขึ้นได้ ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงหายไปไหนหมด แม่บ้านจึงช่วยดึงมือข้าพเจ้าให้ลุกขึ้นนั่งและช่วยพยุงข้าพเจ้าไปนอนราบบนแคร่หน้าบ้านพร้อมเปิดพัดลมเสริมเย็นเพื่อผ่อนคลายความร้อน นำพลาสเตอร์ตราเสือสองแผ่นมาปิดทับแผลที่ข้อมือด้านซ้าย ส่วนแผลถลอกบนกลางกระหม่อมแม่บ้านเอายาป้ายตา ( ยาป้ายตาทุกยี่ห้อเป็นยาทาสมานแผลสดให้หายเร็วที่สุดเท่าที่เคยใช้ในการรักหน้าไก่ชนที่นำไปแข่งขันมา เมื่อนำยานี้มาใช้ทาแผลสดในคนก็ได้ผลเฉียบขาดเช่นเดียวกัน )ทาให้พร้อมอธิบายว่า แผลนี้ไม่ต้องปิดก็ได้เพราะมีผมหงอกขึ้นหร็อมแหร็มปิดบังอยู่
มหาหิงส์ นารีสนั่น ให้ทัศนะว่า ถึงแม้ผีกองกอยจะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่แกเป็นผีช่างสังเกต ประสบการณ์เรื่องการเอาชีวิตรอดของแกเยอะมากจึงทำให้แกมีอายุยืนยาวถึงสองพันล้านปี ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
ห้าวันต่อมาแผลถลอกบนศีรษะและข้อมือยังไม่หายดี ข้าพเจ้าเดินผ่านหน้าแม่บ้านที่กำลังถูพื้น ทำให้ลื้นล้มขาชี้ฟ้าศีรษะฟาดลงพื้นกระเบื้องเสียงดังโป๊ก วิชาตัวเบาเก็บคองอเข่าที่อุตส่าห์เล่าเรียนมาจากจอมยุทธิ์ไร้พ่ายแห่งภูเขาเทียนซานใช้ไม่ทัน เลือดสด ๆ กระเซ็นเต็มพื้น ข้าพเจ้ารู้สึกหน้ามืดโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะกำเริบอีกครั้ง แม่บ้านรีบเอาผ้าขนหนูมาโปะให้ สั่งให้ขาพเจ้าใช้สองมืดกดแผลไว้ไม่ให้เลือดไหลมากนัก พร้อมเอายาดมมาแหย่จมูกไว้ ข้าพเจ้านอนหงายเอาสองมือกุมศีรษะ พยายามหายใจลึก ๆ กลั้นไว้พร้อมกับเบ่งจนหน้าอกนูนแล้วปล่อยลมหายใจออกค่อย ๆ ทำอยู่สามสี่ครั้งหัวใจก็กลับมาเต้นเป็นปกติ แม่บ้านรีบขับรถพาข้าพเจ้าไปโรงพยาบาล คุณหมอห้องฉุกเฉินตรวจแล้วบอกว่าศีรษะคุณตาแตกเป็นกากบาทตรงกลางกระหม่อมพอดี ต้องเย็บสามเข็ม หลังเย็บแผล ทายาและฉีดยาป้องกันเชื้อบาทยักหนึ่งเข็ม คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ ข้าพเจ้าลงจากกเตียงคนไข้ไปรับใบสั่งให้กลับมาล้างแผลทุกเช้าเป็นเวลาเจ็ดวันก่อนตัดไหม และไปรับยาแก้ปวดที่ห้องยาก่อนกลับบ้าน
เฉพาะปี พ.ศ. 2566 โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะกำเริบหลายครั้งดังนี้ เดือนมิถุนายน 9 ครั้ง เดือนกรกฎาคม 4 ครั้ง สิงหาคม 3 ครั้ง เดือนกันยายน 2 ครั้ง เดือนตุลาคม 1 ครั้ง ทั้ง ๆที่กินยาตามหมอหัวใจศูนย์สิริกิติ์สั่งวันละครึ่งเม็ดอย่างเคร่งครัด ข้าพเจ้ารู้สึกเบื่อหน่ายการไปหาหมอและนอนโรงพยาบาลมาก จึงคิดค้นหาวิธีรักษาเมื่อโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะกำเริบด้วยตัวเองจนสำเร็จดังนี้
1. นอนหงายราบลงกับพื้น
2. หายใจเข้าลึก ๆ กะว่าให้เต็มปอด
3. กลั้นลมหายไว้พร้อมเบ่งลมประมาณ10 วินาที
4. หายใจออกช้า ๆ ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ จนกว่าหัวใจจะกลับมาเต้นเป็นปกติ
ข้าพเจ้าพยายามฝึกหายใจอย่างนี้ขณะนอนและตื่นนอนทุกวันเพื่อสยบโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
มหาหิงส์ นารีสนั่น ให้ทัศนะว่า หัวแตกดีกว่าหำแตก
ลมหายใจก็ช่วยไม่ได้
หลังสวนหัวใจและกินยาศูนย์หัวใจศูนย์หัวใจสิริกิติ์ได้ประมาณสิบกว่าปี คุณหมอแจ้งว่าข้าพเจ้าได้โรคใหม่เพิ่มคือโรคหัวใจรั่ว ซึ่งทำให้ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะกลับมาอีกครั้งและบ่อยครั้งขึ้นเรื่อย ๆ บางวันเต้นผิดจังหวะถึงสาม สี่ครั้ง กว่าจะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะกลับมาเป็นปกติได้ต้องใช้เวลานานขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องเข้าโรงพยาบาลใกล้บ้านให้หมอช่วย ข้าพเจ้าตัดสินใจจะกลับไปพบหมอศูนย์หัวใจสิกิติ์ก่อนกำหนดนัด จึงขอร้องให้เพื่อนที่อยู่ในตัวเมืองขอนแก่นช่วยสอบถามให้ ได้ความว่าทางศูนย์หัวใจสิริกิติ์เปิดพรีเมี่ยมในว้นราชการยกเว้นวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 12.00 น. จึงตระเตรียมสัมภาระเผื่อคุณหมอให้นอนโรงพยาบาล เราสามคนพ่อแม่ลูกออกเดินทางในคืนวันอาทิตย์เวลาตี 3 ถึงศูนย์หัวใจ 7 โมงเช้า พบเพื่อนทั้งสองยืนยิ้มรอส่งข่าวหน้าศูนย์หัวใจว่าวันนี้ศูนย์หัวใจปิดทำการ ที่ไม่ส่งข่าวเพราะเกรงว่าเพื่อนจะไม่มา เรารู้จักคลินิกของอาจารย์หมอพรีเมี่ยมดี ชื่อคลินิกหมอนิทัศน์อยู่ใกล้บ้านเรา แต่ไปพักบ้านเราก่อนนะ คลินิกเปิดทำการ 10 โมงเช้า
ที่ห้องตรวจ อาจารย์หมอถามว่า เป็นอะไรมา ข้าพเจ้าตอบว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะและโรคหัวใจรั่ว อาจารย์หมอถามว่า ใครบอกว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะและหัวใจรั่ว ข้าพเจ้าตอบว่าคุณหมอศูนย์หัวใจสิริกิติ์ อาจารย์หมอถามต่อว่า หัวใจเต้นผืดจังหวะได้กินยาอะไรไหม ข้าพเจ้าตอบว่า กินยาไอซ็อบตินมากว่าสิบปีแล้ว ส่วนหัวใจรั่วคุณหมอเพิ่งตรวจเจอ อาจารย์หมอจึงเอาหูฟังมาจิ้มที่หน้าอกข้าพเจ้าแล้วบอกว่า หัวใจอาจจะรั่วเล็กน้อยจนหูฟังไม่ได้ยิน อาจารย์หมอถามต่อว่า อยากจะให้ช่วยอะไร ข้าพเจ้าตอบว่า อยากจะให้ช่วยรักษาทั้งโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะและหัวใจรั่ว อาจารย์หมอหัวเราะแล้วอธิบายด้วยเสียงอันดังจนได้ยินไปถึงนอกห้องว่า คนไข้หลายคนที่มาหาหมอมักเป็นโรควิตกกังวล คิดไปเองว่าเป็นโรคนั้นโรคนี้ คุณลุงกลับไปกินยาเดิมก็แล้วกัน หมอไม่ให้ยาเพิ่มนะ คิดค่าตรวจอย่างเดียว ข้าพเจ้าเดินออกมาจากห้องตรวจอย่างงง ๆ แม่บ้านบอกว่าจ่ายค่าตรวจแล้ว 400 บาท คิดในใจว่าเราไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่อาจารย์หมอบอกจริง ๆ หรือ ข้าพเจ้า ภรรยาและลูกชายขอบคุณและร่ำลาเพื่อนทั้งสองเดินทางกลับบ้านอย่างงงมึน เช้าวันรุ่งขึ้นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะกลับมากำเริบหนักกว่าเดิมและถี่กว่าเดิมถึงสามครั้งติดกัน แม่บ้านกับลูกชายคนเล็กช่วยกันพยุงข้าพเจ้าไปนอนเอามือกุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวบนแคร่หน้าบ้านคิดในใจว่าเราคงไม่รอดแน่ เพื่อนบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันมามุงเยี่ยม แนะนำให้ไปศูนย์หัวใจขอนแก่น ข้าพเจ้าคิดในใจว่า ระยะทางไกลเกินเอื้อม เราคงต้องตายระหว่างทางอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจให้แม่บ้านโทร.เรียกรถรีเฟอร์ของโรงพยาบาลเจริญศิลป์มารับ คุณหมอและพยาบาลช่วยให้หัวใจของข้าพเจ้ากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สาวพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างเตียงแนะนำว่า หนูเองก็เคยเป็นโรคนี้และเคยไปจี้หัวใจที่ศูนย์หัวใจสกลนครแล้วถึงสองครั้ง ตอนนี้หายเป็นปกติแล้วโดยไม่ต้องกินยา ข้าพเจ้าเริ่มมีความหวังเรืองรองขึ้นมาอีกครั้ง คุณหมอที่รักษาไข้บอกว่าได้โทร.ปรึกษากับคุณหมอศูนย์หัวใจโรงพยาบาลสกลนครแล้ว คุณหมอสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำหนังสือส่งตัวและเรียกรถรีเฟอร์พร้อมด้วยพยาบาลหนึ่งคนช่วยดูแลข้าพเจ้าระหว่างเดินทางโดยมีแม่บ้านข้าพเจ้านั่งข้างคนขับไปด้วย ส่วนลูกชายคนเล็กข้าพเจ้าขับรถส่วนตัวตามไป พอรถถึงที่จอดหน้าศูนย์หัวใจสกลนคร มีเจ้าหน้าที่ศูนย์หัวใจเข็นเปลมารับไปที่ห้องรอตรวจ ส่วนแม่บ้านข้าพเจ้าวิ่งเต้นติดต่อเรื่องเอกสารแล้วตามไปยืนเฝ้าข้าพเจ้าแทนเจ้าหน้าที่ คุณหมอเจนจิรา สวัสดิมานนท์ เดินมาตรวจแล้วสั่งเจ้าหน้าที่เข็นเปลส่งข้าพเจ้าเข้าพักห้องพักทันที เช้าวันรุ่งขึ้นคุณหมอเจนจิราเข้ามาตรวจแล้วแจ้งข่าวดีว่าวันพรุ่งนี้จะมีทีมแพทย์ด้านหัวใจนำเครื่องมือผ่าตัดมาจากกรุงเทพฯ เข้าร่วมผ่าตัดจี้หัวให้คนไข้ หมอจัดให้ตาคิวแรกเลย คืนนี้ตั้งแต่สองทุ่มเป็นต้นไปให้ตาอดน้ำอดอาหาร โกนขนบริเวณขาหนีบให้เรียบร้อย ข้าพเจ้ากล่าวขอบคุณคุณหมอด้วยความตื้นตันใจ เวลาประมาณสองทุ่มมีพยาบาลสาวนำครีมอาบน้ำและมีดโกนขนมาให้ ข้าพเจ้าอาบน้ำชำระร่างกายและปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด ใ