วิวาทะหมายถึงการถกเถียงด้วยการยกเหตุผลมาหักล้างกัน ข้าพเจ้านำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าที่ได้ยินได้เห็นได้สัมผัสและมุมมองทั้งสองฝ่ายในสื่อต่าง ๆ มาเขียนหักล้างกัน แล้วนำเสนอเพื่อประเทืองปัญญาของพี่น้องแฟนเว็บที่คลิกเข้ามาเยี่ยมชมเท่านั้น ผิดพลาดขออภัยผิดใจขอโทษครับ
หัวหน้าฝ่ายเสนอ…การปกครองระบอบเผด็จการย่อมดีกว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอนถ้าได้คนดีมีความสามารถสูง มีวิสัยทัศน์กว้างมองไกล ทำงานเป็นเห็นปัญหาแก้ถูกจุดพูดโน้มน้าวเก่งเป็นผู้นำ เพราะจะทำให้บ้านเมืองพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งและยั่งยืน ส่วนการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นจะเป็นแบบว่าเสียงส่วนใหญ่ลากไป ถ้านักการเมืองส่วนใหญ่ที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นคนดีไม่พอ ความสามารถไม่ถึง วิสัยทัศน์บ้าน ๆ พวกเขาก็จะลากเสียงส่วนน้อยที่เป็นคนเก่งดีมีวิสัยทัศน์กว้างมองไกลไปด้วย ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองเสียหายล่มจม ยกตัวอย่างมีโจร 100 คน มีพระ 10 รูปลงมติในหัวข้อว่า ไปปล้นดีกว่า จะยกมือกี่ครั้งหัวข้อที่นำเสนอว่า ไปปล้นดีกว่าก็จะชนะทุกครั้ง พระซึ่งถือได้ว่าเป็นคนดีแต่เป็นเสียงส่วนน้อยก็ต้องไปร่วมปล้นกับโจรซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ด้วยทุกครั้ง
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การปกครองระบอบเผด็จการย่อมดีกว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน
หัวหน้าฝ่ายค้าน…การปกครองระบอบประชาธิปไตยกินได้ พึ่งพาอาศัยได้เหมือนไม้ผลยืนต้น หากประชาชนหมั่นดูแลรักษาป้องกันไม่ยอมให้ใครมาตัดมาโค่น ปล่อยให้เจริญเติบโตถึง 20 -30 ปีขึ้นไปจะเริ่มให้ร่มเงา ให้ความร่มรื่น ให้อากาศบริสุทธิ์สดชื่น และให้ดอกผลกินได้ขายเลี้ยงชีวิตได้ชั่วลูกชั่วหลาน หากตัดโค่นบ่อยไม่ปล่อยให้เจริญเติบโตจะแคระแกร็น ไม่มีร่มเงาให้อาศัย และไม่ผลิดอกออกผลให้เราได้กิน ส่วนการปกครองระบอบเผด็จการนั้นพึ่งพาอาศัยได้เหมือนศาลเจ้า ต้องเซ่นไหว้ด้วยหัวหมู และบนบานให้ช่วยคุ้มครองบอกหวยบอกเบอร์ หากทำไม่ถูกใจท่านจะได้รับโทษทัณฑ์ต่าง ๆ นานา
ระบอบเผด็จการเป็นการปกครองแบบเสียงส่วนน้อยลากไป ถ้าผู้นำว่าอย่างไรเสียงส่วนใหญ่ก็ต้องว่าตาม การปฏิวัติเปลี่ยนระบอบการปกครองแต่ละครั้งในบ้านเมืองของเราเท่าที่ผ่านมา หัวหน้าคณะปฏิวัติรัฐประหารจะดำเนินการกำจัดคณะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยด้วยการไล่ล่านำมาเข้าคุกด้วยข้อหาฉ้อโกงโน่นนี่นั่นนู้น จับได้ไล่ทันตายในคุก ต้องหลบลี้หนีภัยไปอยู่ต่างประเทศ และกำจัดผู้ที่เห็นต่างอย่างโหดเหี้ยม เพราะฆ่าคนไม่มีความผิด เช่นล้อมกราดยิงสังหารหมู่นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยฟ้าสีทองผ่องอำไพ กราดยิงประชาชนที่เดินขบวนต่อต้าน ฆ่าแขวนคอนักศึกษาใต้ต้นมะขามสนามหลวง อุ้มหาย ซ้อมทรมาณจนตาย สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงด้วยการใช้กระสุนจริงจนทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ศาลเผด็จการสั่งจำคุกประชาชนที่เห็นต่างด้วยข้อหาตามแต่จะนึกได้ ฝ่ายตัวเองทำผิดลืมขัง ฝ่ายตรงข้ามทำไม่ถูกใจขังลืม คดีที่ฝ่ายตัวเองทำผิดกลับปล่อยให้หมดอายุความเช่นคดี ปรส.เสียหายถึงแปดแสนล้านบาท กอบโกยโกงกินโดยไม่มีการตรวจสอบ เช่นเรือไม่เหาะ ไม้ชี้ผี อุทยานดอกท้อ โรงพักเสาตอม่อ ประกันราคาข้าว กล้ายาง ถนนปลอดฝุ่น เป็นต้น กระบวนการประชาธิปไตยของเราถูกทำลายลงครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ค้าขายลำบาก คนยากจนมีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น รวยกระจุกอยู่เฉพาะคณะเด็จการ โดยเฉพาะหัวหน้าคณะเผด็จการ ก่อนรัฐประหารจนกรอบ เป็นสิงเหล้าขาวขวดละห้าสิบหกสิบบาท แต่พอรัฐประหารสำเร็จกลายเป็นเสี่ยใหญ่ไร้เทียมทานในทันที ดื่มไวน์ขวดละแสนสองแสน จนกระจายเพราะเงินงบประมาณพัฒนาประเทศถูกสูบไปใช้ส่วนตัวและคณะเกือบหมด ท่านปรมาจารย์สุนทรภู่ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์เขียนเป็นคำกลอนสอนใจไว้อย่างน่าฟังว่า
มีอำนาจวาสนาวาจาสิทธิ์
ทำอะไรก็ไม่ผิดเพราะฤทธิ์ขลัง
ถึงพูดผิดกำหมัดซัดลงปัง
กลายเป็นพูดถูกจังไปทั้งเพ
การปกครองระบอบเผด็จการนั้นใช้หลักกูเป็นใหญ่ ระบบการตรวจสอบจะพิกลพิการและเป็นง่อยไปหมด เพราะเผด็จการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนไปหมดแล้วและใช้อำนาจทั้งสามคือ ออกกฎหมายเอง บริหารเอง และตัดสินคดีเอง ประชาชนจึงไม่มีใครกล้าหือเพราะกลัวติดคุก ถูกซ้อมถูกทรมาณถูกประหารชีวิต ที่ฝ่ายเสนอยกตัวอย่างเรื่องโจร 100 คน กับพระ 10 รูปลงมติในหัวข้อที่นำเสนอว่า ไปปล้นดีกว่านั้น ในทางกลับกันสมมุติว่ามีพระ 100 รูปมีโจร 10 คนลงมติในหัวข้อที่นำเสนอว่า ไปปล้นดีกว่า ขอรับรองว่าจะยกมือกี่ครั้งข้อเสนอว่า ไปปล้นดีกว่า ก็จะชนะทุกครั้ง พระก็ต้องไปร่วมปล้นกับโจรด้วยทุกครั้งเหมือนเดิม เพราะ
การปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นจะออกกฎหมายและใช้กฎหมายอย่างยุติธรรมตามหลักสากล ประชาชนพึ่งพาได้อย่างเสมอหน้าเท่าเทียม ส่วนการปกครองในระบอบเผด็จการจะออกกฎหมายเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างรวดเร็ว ปีเดียวออกกฎหมายถึง 300 กว่าฉบับเพื่อบีบบังคับประชาชนเท่านั้น เช่นออกกฎหมายให้มีผลย้อนหลัง ออกกฎหมายเพื่อแก้แค้น ออกกฎหมายเพื่อใช้บังคับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ออกกฎหมายให้มีบทลงโทษรุนแรงเช่นจำคุก 2,000 ปี ประหารชีวิต 7 ชั่วโคตร นอกจากนั้นยังออกกฎหมายพิสดาร ออกกฎหมายอภินิหาร ออกกฎหมายดึกดำบรรพ์ ออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเองและพวกพ้องว่าทำอะไรก็ไม่ผิดทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นต้น ศาลในระบอบประชาธิปไตยจะตัดสินคดีอย่างเที่ยงตรงและยุติธรรมตามหลักสากล ประชาชนพึ่งพาได้เสมอหน้าเท่าเทียม ส่วนศาลในระบอบเผด็จการมักจะตัดสินคดีเอียงไปเอียงมาตามธงที่ตั้งไว้ เช่น ตัดสินคดีอย่างมวยปล้ำ ตัดสินคดีโดยการตีความตามพจนานุกรม ตัดสินคดีโดยการตีความอย่างอภินิหาร เช่นไม่มีการสืบสวนสอบสวนคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผูกคอตายในคุกที่มีกระดูกซี่โครงหักตับแตก ใส้ทะลัก ถึงญาติพี่น้องจะร้องเรียนหรือฟ้องร้อง ศาลเผด็จการก็ตัดสินว่าผู้ตายผูกคอตายเอง ส่วนศพที่เห็นกระดูกซี่โครงหักและตับแตกนั้นเชื่อได้ว่าผู้ตายดิ้นชนกำแพง และที่เห็นลำไส้ทะลักออกมานั้นเชื่อได้ว่าผู้ตายชักกระตุกแรงมากจนใส้ไหลทะลักออกมาเองเป็นต้น พึ่งพาได้เฉพาะลิ่วล้อบริวารของเผด็จการเท่านั้น
ดังนั้นหัวข้อที่ฝ่ายเสนอยกมาว่า การปกครองระบอบเผด็จการย่อมดีกว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นจึงไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง
ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอ….ที่หัวหน้าฝ่ายค้านกล่าวหาว่า การปกครองในระบอบเผด็จการเป็นการปกครองแบบเสียงส่วนน้อยลากไปนั้นไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง ความจริงก็คือว่าประเทศมีผู้นำที่เข้มแข็ง นำพาประชาชนทั้งประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่งยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนทุกคนในชาติร่วมกันอยู่แล้ว ถึงแม้ไม่มีฝ่ายค้านแต่การตรวจสอบถ่วงดุลย์จากองค์กรอิสระก็ยังมีเหมือนเดิม ทุกองค์กรทำหน้าที่ของตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรม การพัฒนาประเทศจึงเดินหน้าไปได้ด้วยดี หลายประเทศที่เป็นเผด็จการประสบความสำเร็จในการสร้างชาติพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วเช่น ประเทศจีน และเวียตนาม เป็นต้น
ส่วนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้นจะมีปัญหามากยากที่จะแก้ไขเช่น ไม่มีเอกภาพ เจ๊กลากไป ไทยลากมา ผู้นำประเทศไม่เข้มแข็ง ไม่กล้าตัดสินใจ กล้า ๆ กลัว ๆ ทำอะไรจึงติดขัดไปหมด เพราะหลังเลือกตั้งฝ่ายค้านมักจะกลายเป็นฝ่ายแค้น มีพฤติกรรมขี้แพ้ชวนตี ก่อความวุ่นวายในสภา ไร้ระเบียบ ไม่มีวินัย ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องโกหก โชว์หลักฐานเท็จ ชี้หน้าด่าทอฝ่ายรัฐบาล แย่งเก้าอี้ประธานสภา ปาแฟ้มใส่คณะบริหาร กล่าวหารัฐบาลทำความผิดโน้นนี่นั่น โกหกคำโต สร้างวาทกรรม สร้างกระแส ยิงกระสุนสีม่วง ปลุกระดม จ้างมวลชนออกมาเดินขบวนขับไล่รัฐบาล ปิดล้อมรัฐสภา ยึดสนามบินและสถานที่ราชการ เป็นต้น จนทำให้ฝ่ายรัฐบาลและข้าราชการทำงานไม่ได้ การพัฒนาประเทศต้องหยุดชะงักลง ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความลำบากเดือดร้อนโดยทั่วหน้ากัน มีหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยของเราที่เจอปัญหาในลักษณะนี้
ส่วนที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่า การออกกฎหมายของฝ่ายเผด็จการไม่เป็นไปตามหลักสากลนั้น ขอเรียนชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงเช่นเดียวกัน ความจริงก็คือว่าฝ่ายเผด็จการจะออกกฎหมายได้รวดเร็วเหมาะสมและทันต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกได้ดีกว่าฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งทำงานช้างุ่มง่าม กว่าจะผ่านกฎหมายแต่ละฉบับทะเลาะทุ่มเถียงด่าพ่อล่อแม่กันนานนับเดือนนับปี กฎหมายบางฉบับ 4 ปีหมดสมัยยังไม่เสร็จ เปรียบเสมือนเต่าขาหักเป็นโรคลมชัก เดินไปก็ชักมา โอกาสถึงจุดหมายปลายทางลางเลือนริบหรี่ และไม่มีโอกาสได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงเหมือนฝ่ายเผด็จการเป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน
ที่หัวหน้าฝ่ายค้านกล่าวหาว่า ศาลในระบอบเผด็จการมักจะตัดสินคดีเอียงไปเอียงมาตามธงที่ตั้งไว้ เช่น ตัดสินคดีอย่างมวยปล้ำ ตัดสินคดีโดยการตีความตามพจนานุกรม ตัดสินคดีโดยการตีความอย่างอภินิหาร เป็นต้น ประชาชนพึ่งพาได้เฉพาะลิ่วล้อบริวารเผด็จการเท่านั้น ขอเรียนชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง ฝ่ายค้านมะโนกันไปเองทั้งสิ้น ดุลย์พินิจของศาลซื่อสัตย์สุจริตเที่ยงตรงและยุติธรรมเสมอมาและเสมอไปไม่สิ้นสุดไม่ว่าประเทศจะปกครองในระบอบเผด็จการหรือประชาธิปไตย ประชาชนพึ่งพาได้เสมอหน้าเท่าเทียม แต่ก็อาจจะมีผิดพลาดบ้างเพราะผู้พิพากษาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุและไม่มีหูทิพย์ตาทิพย์พอที่จะรู้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยได้ การตัดสินคดีจึงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากยึดตามหลักฐานของโจทก์และจำเลยที่นำมาชั่งน้ำหนักหักล้างกัน ฝ่ายชนะก็ดีใจและยกย่องชมเชยว่าศาลตัดสินถูกต้องยุติธรรม ส่วนฝ่ายแพ้ก็เสียใจและกล่าวหาว่าศาลลำเอียงเป็นธรรมดา ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริงทั้งสิ้น ปรมาจารย์สุนทรภู่กล่าวไว้เป็นคำกลอนสอนใจว่า
โทษคนอื่น มองเห็น เป็นภูเขา
โทษของเรา มองเห็น เท่าเส้นขน
ตดคนอื่น เหม็นเบื่อ เราเหลือทน
ตดของตน ถึงเหม็น ไม่เป็นไร
สรุปว่า การปกครองในระบอบเผด็จการทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งยั่งยืนและมีความสุขได้ดีกว่าและเร็วกว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน
ผู้สนับสนุนฝ่ายค้าน….ที่หัวหน้าฝ่ายค้านอภิปรายนั้นถูกต้องชัดเจนที่สุดแล้ว ขออภิปรายเพิ่มเติมสักเล็กน้อยเพื่อแก้ข้อกล่าวหาของผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอที่อภิปรายว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นไปในลักษณะไม่มีเอกภาพ ตกอยู่ในสภาพเจ๊กลากไป ไทยลากมา ผู้นำประเทศมักจะไม่เข้มแข็งพอ ไม่กล้าตัดสินใจ กล้า ๆ กลัว ๆ ทำอะไรติดขัดไปหมด เพราะหลังเลือกตั้งฝ่ายค้านมักจะกลายเป็นฝ่ายแค้น ก่อความวุ่นวายในสภา จ้างชาวบ้านเดินขบวนขับไล่รัฐบาลจนทำงานไม่ได้ ทำให้การพัฒนาประเทศหยุดชะงัก ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนเป็นต้นนั้น ขอเรียนชี้แจงความจริงเบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องนี้ให้ทราบโดยทั่วกันว่า
การปกครองระบอบประชาธิปไตยในประเทศที่มีการปฏิวัติรัฐประหารบ่อย ๆ นั้น รัฐบาลต้องตกอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญกับดักที่ร่างโดยคณะปฏิวัติรัฐประหาร จะไม่มีอิสระในการบริหารประเทศ ไม่สามารถนำนโยบายของพรรคที่เสนอต่อพี่น้องประชาชนตอนหาเสียงมาปฏิบัติได้ อำนาจในการบริหารประเทศขึ้นอยู่กับองค์กรอิสระที่คณะปฏิวัติรัฐประหารตั้งขึ้นมาเป็นผู้กำหนดและตัดสินชี้ขาดให้การทำงานของรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งเข้ามาผิดหรือถูกก็ได้ รวมทั้งตัดสินให้คณะรัฐมนตรีมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาได้ทุกเรื่องเป็นต้น รัฐบาลจึงมีสภาพเหมือนเต่าขาหักเป็นโรคลมชักเหมือนที่ฝ่ายเสนออภิปราย ก็ใครเล่าที่ทำให้เป็นอย่างนั้น คำตอบคือคณะปฏิวัติรัฐประหารผู้ร่างรัฐธรรมนูญกับดัก กฎหมายลูกหมกเม็ด ศาลเอียง ผู้พิพากษาตั้งธง และองค์กรอิสระสั่งได้นั่นเอง
ถ้าฝ่ายที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลเป็นพวกเดียวกันกับองค์กรอิสระซึ่งจะทำอะไรก็ไม่ผิด ถ้าพวกเขาเป็นคนดีมีความรู้ความสามารถ ไม่โกง ไม่คอรัปชั่น ก็จะบริหารประเทศได้สะดวกแต่จะพัฒนาประเทศอย่างยากลำบากเพราะต่างประเทศทั่วโลกไม่ยอมรับและไม่ยอมค้าขายกับรัฐบาลที่เผด็จการซ่อนอยู่เบื้องหลัง ความหวังจากรัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปที่ทำอะไรก็ไม่ผิดเท่าที่ผ่านมาดูเหมือนจะเลือนลางห่างไกลเหมือนเอาหนังสติ๊กยิงอีแร้งอยู่บนฟ้า ปวงประชาได้รับความลำบากเดือดร้อนโดยทั่วหน้ากันทุกที
แต่ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลที่องค์กรอิสระไม่ปลื้ม รัฐบาลจะไม่กล้าทำอะไรจนกลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เพราะกลัวถูกตีความว่าผิดต้องชดใช้ค่าเสียหายและติดคุก การพัฒนาประเทศจะหยุดชะงัก ประชาชนจะได้รับความลำบากเดือดร้อนเหมือนเดิม
ยิ่งถ้าฝ่ายค้านทำตัวเป็นฝ่ายแค้นร่วมมือกับองค์กรอิสระจะทำให้รัฐบาลเป็นเต่าขาหักเป็นโรคลมชักทันที ประเทศจะกลายเป็นรัฐพันลึก กล่าวคือเป็นรัฐซ้อนรัฐ รัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนจะไม่กล้าทำอะไร เพราะมีรัฐบาลเผด็จการที่ซ่อนอยู่ค้ำคอไว้ ทำได้เพียงเข้าไปนั่งหายใจเล่นในรัฐสภาเพื่อรอการเลือกตั้งสมัยต่อไป ประเทศจะถูกบริหารโดยข้าราชการประจำ ซึ่งจะทำให้การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างเชื่องช้า
การปกครองในระบอบประชาธิปไตยในประทศของเราจะได้ผลประชาชนมั่งคั่งยั่งยืนและเป็นสุขโดยทั่วหน้ากันเหมือนประเทศศิวิไลทั้งหลายก็ต่อเมื่อรัฐธรรมนูญและกฎกติกาของบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยเต็มใบเท่านั้น
สรุป ญัตติที่นำเสนอว่า การปกครองในระบอบเผด็จดีกว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้นไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน
หัวหน้าฝ่ายค้าน(กล่าวสรุป) ไม่มีระบอบการปกครองไหนดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับทุกประเทศในโลก แต่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยเลวน้อยที่สุดกว่าการปกครองระบอบอื่นเท่าที่มนุษย์ชาติคิดได้ในปัจจุบัน เพราะมีการแบ่งอำนาจ 3 ฝ่ายเพื่อคานอำนาจกันเองไว้อย่างชัดเจนกล่าวคือ
1. อำนาจนิติบัญญัติ คืออำนาจในการออกกฎหมาย เป็นอำนาจและหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนทั้งประเทศ
2. อำนาจบริหาร คืออำนาจในการบริหารประเทศ เป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนทั้งประเทศ
3. อำนาจตุลาการ คืออำนาจในการพิจารณาตัดสินคดีความต่าง ๆ เป็นอำนาจและหน้าที่ของศาลสถิตยุติธรรม
การปฏิวัติรัฐประหารนำระบอบเผด็จการมาใช้นั้นสุดแสนจะอันตราย เพราะสถาปนาตัวเองเป็นรัฏฐาธิปัติ ควบคุมและใช้อำนาจอธิปไตยทั้งสามแต่เพียงผู้เดียวกล่าวคือ
ถ้าเลือกระบอบการปกครองของตนเองได้ เชื่อมั่นว่าประชาชนส่วนใหญ่รวมทั้งฝ่ายที่นำเสนอญัตติว่าระบอบเผด็จการดีกว่าระบอบประชาธิปไตยจะต้องเลือกการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยสี่ปีได้ภูมิใจครั้งหนึ่งที่ได้เปลี่ยนประเทศ ได้เลือกรัฐบาลที่จะมาปกครองเราด้วยมือของเราเอง ได้ใช้อำนาจอธิปไตยของเราอย่างเต็มที่ แม้การปกครองระบอบประชาธิปไตยจะมีปัญหามากมายแต่สามารถแก้ไขได้ด้วยกระบวนการของมันเอง กระบวนการประชาธิปไตยทุกอย่างประชาชนเราคิดวิเคราะห์และตัดสินใจเองได้ตั้งนานแล้ว บางคนเป็นถึงครูอาจารย์ของคณะปฏิวัติ เป็นครูอาจารย์สอนประชาธิปไตยในโรงเรียนในหมู่บ้านและชุมชนมาร่วมร้อยรุ่น จึงไม่ต้องมีคนมาคิดและตัดสินใจแทนอีกต่อไป เพราะเท่าที่ผ่านมาพวกเผด็จการมักจะคิดและตัดสินใจไปคนละทางกับความคิดของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าผู้นำกองทัพไม่ปฏิวัติรัฐประหารทำลายกระบวการประชาธิปไตยไล่ล่ารัฐบาลของประชาชนและผู้มีจิตวิญญาณเป็นประชาธิปไตย ปล่อยให้รัฐบาลในระบอบประธิปไตยได้บริหารประเทศไปตามปกติเหมือนประเทศศิวิไลย์อื่น ๆ ป่านนี้บ้านเมืองของเราเจริญรุ่งเรืองศิวิไลย์ และประชาชนมั่งคั่งไปนานแล้ว
แต่ถ้าเลือกระบอบการปกครองของตนเองไม่ได้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม ประชาชนอย่างเราก็อยากจะได้ระบอบเผด็จการที่ผู้นำเป็นคนดีมีน้ำใจ กล้าเสียสละประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ไม่มีอคติเพราะรักโลภโกรธหลง มีความรักความห่วงใยและปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมชาติเสมือนหนึ่งญาติพี่น้องของตนเอง ไม่รังแกนักประชาธิปไตยและไม่ไล่ล่าคนที่เห็นต่าง มีภาวะผู้นำ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถนำพาประเทศไปสู่ความเจริญมั่นคง มั่งคั่งร่ำรวย โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง เหมือนประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของประเทศสาธารณะรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน
การปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น กินได้ พึ่งพาอาศัยได้เหมือนไม้ผลยืนต้น หากประชาชนหมั่นดูแลรักษารดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยและปล่อยให้เจริญเติบโตถึง 20 -30 ปีขึ้นไปจะให้ร่มเงา ให้ความร่มรื่น ให้อากาศบริสุทธิ์สดชื่น และให้ดอกผลกินได้ขายเลี้ยงชีวิตได้ชั่วลูกชั่วหลาน ส่วนการปกครองระบอบเผด็จการนั้นพึ่งพาอาศัยได้เหมือนศาลเจ้า ต้องเซ่นไหว้ด้วยหัวหมู และบนบานให้ช่วยคุ้มครองบอกหวยบอกเบอร์ หากทำไม่ถูกใจท่านจะได้รับโทษทัณฑ์ต่าง ๆ นานา
สรุป การปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นทั่วโลกยอมรับ ซื้อง่ายขายคล่อง รวยกระจายทั้งเบื้องล่างและเบื้องบน ประชาชนมีเสรีภาพ มีความสุขสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงใจ ส่วนการปกครองระบอบเผด็จการในปัจจุบันนั้น ประเทศศิวิไลยทั่วโลกเขาไม่ยอมรับ บอยคอตสินค้า ไม่ยอมติดต่อค้าขายด้วย รวยกระจุกเฉพาะกลุ่มผู้มีอำนาจ จนกระจายไปยังประชาชนทั่วประเทศ บังคับใช้กฎหมายไร้มาตรฐาน ประชาชนเป็นทุกข์เพราะถูกกดขี่ ไร้เสรีภาพในการใช้ชีวิต ถูกปิดกั้นไม่ให้แสดงความคิดเห็น เป็นต้น
ดังนั้น ญัตติที่ฝ่ายเสนอยกมาอภิปรายว่า การปกครองระบอบเผด็จการดีกว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้นจึงไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง
หัวหน้าฝ่ายเสนอ(กล่าวสรุป) ไม่มีระบอบการปกครองไหนดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับทุกประเทศในโลก เพราะบริบทความเหมาะสมและความชอบของประชาชนในแต่ละประเทศแตกต่างกัน บางประเทศประชาชนส่วนใหญ่ชื่นชอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยเพราะมีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคเท่าเทียมกัน 4 ปีได้มีโอกาสเลือกตั้งครั้งหนึ่ง เพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาลที่ไม่มีความสามารถ ขี้โกง ตอแหล ไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ซึ่งมีทั้งประเทศที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวมากพอ ๆ กันในโลกปัจจุบัน แต่บางประเทศประชาชนส่วนใหญ่ชื่นชอบการปกครองแบบเผด็จการ เพราะมีความเชื่อว่าการปกครองในระบอบเผด็จการจะทำให้บ้านเมืองสงบสุข คอรัปชั่นน้อยหรือแทบจะไม่มีการคอรัปชั่นเลย ซึ่งจะทำให้เงินงบประมาณแผ่นดินทั้งหมดนำไปสู่การพัฒนาประเทศได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำให้การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว เช่น ประชาชนในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนชื่นชอบการปกครองในระบอบเผด็จการ เริ่มจากระบอบเผด็จการกษัตริย์มาเป็นระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์ ปัจจุบันประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์ได้นำประเทศจีนไปสู่ความเป็นมหาอำนาจของโลก ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งยั่งยืนทัดเทียมกับประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยเต็มใบอย่างประเทศอังกฤษ อเมริกา เป็นต้น
การปกครองในระบอบประชาธิไตยในประเทศของเรามีอายุถึง 85 ปีแล้ว แต่ประเทศของเรายังย่ำอยู่กับที่ บางครั้งเป็นเผด็จการ บางคราวเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบบ้างเต็มใบบ้าง แทบทุกประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมักจะมีปัญหามากมายคล้ายกัน จนนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารเป็นระบอบเผด็จการเช่น
ที่ยกมาอภิปรายทั้งหมดเป็นปัญหาเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ยังมีปัญหาอีกมากมายในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารนำประเทศกลับไปสู่ระบอบการปกครองแบบเผด็จการที่ดีกว่าเป็นครั้งคราว ซึ่งทำให้ปัญหาของบ้านเมืองได้รับการแก้ไข ดังนั้นญัตติที่นำเสนอว่าการปกครองระบอบเผด็จการดีกว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้นถูกต้องที่สุดแล้ว