ปรับแต่งเขียนใหม่ล่าสุดจำนวน 3 ตัวอย่าง
เกร็ดความรู้สำหรับพิธีกร
1. คำว่าพระคุณเจ้า เป็นคำสรรพนามบุรุษที่ 2 หมายถึงภิกษุที่เคารพนับถือ
2. คำว่า อาราธนา ใช้กับอาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริต เป็นต้น ซึ่งมีคำอาราธนาเป็นภาษาบาลีโดยเฉพาะอยู่แล้ว
3. การให้พระทำนั้นทำนี้ให้ใช้คำว่า นิมนต์ หรือ กราบนิมนต์
4. ไม่ควรใช้คำเฝือ (คำเฝือคือคำที่มีความหมายซ้ำกัน) เพราะทำให้ภาษาที่ใช้รกรุงรังเช่น กราบอาราธนานิมนต์ ใคร่ขอเรียนเชิญ ให้ใช้ว่า กราบนิมนต์ เรียนเชิญ
5. ไม่ควรใช้คำว่าพระเดชพระคุณเจ้า เพราะไม่มีในพจนานุกรม
6. พระเดชพระคุณให้ใช้กับพระราชาคณะชั้นเจ้าคุณขึ้นไปถึงสูงสุด เช่น พระเดชพระคุณ แล้วตามด้วยชื่อสมณศักดิ์ของท่านเช่น พระเดชพระคุณพระศรีสกลกิจ พระเดชพระคุณพระราชกวีวรญาณ พระเดชพระคุณพระธรรมคุณาภรณ์ พระเดชพระคุณพระเทพวิสุทธิเมธี หรือเพิ่มคำว่าท่านเจ้าคุณด้วยก็ได้เช่น พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระศรีสกลกิจ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชกวีวรญาณ เป็นต้น ถ้า เป็นพระราชาคณะชั้นสมเด็จให้ใช้ว่า พระเดชพระคุณท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ แล้วตามด้วยชื่อสมณศํกดิ์ของท่าน เช่น พระเดชพระคุณท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรานุวัตร พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฑฒาจารย์ (ใช้ว่า เจ้าพระคุณ หรือ เจ้าประคุณ ก็ได้) เป็นต้น
7. พระราชาคณะ แปลว่าพระภิกษุที่เป็นคณะของพระราชา หมายถึงพระภิกษุที่ได้รับพระราชทานแต่งตั้งให้มียศและตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือ พระราชาในการปกครองประเทศ พระแต่งตั้งกันเองไม่ได้เพราะพระพุทธเจ้าบัญญัตไว้ว่า คนที่มาบวชเป็นพระต้องสละชนชั้นวรรณะยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งและทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมด เมื่อบวชแล้วให้เคารพกันตามลำดับอาวุโส กล่าวคือผู้บวชทีหลังต้องเคารพผู้บวชก่อน ในครั้งพุทธกาลจึงไม่มีท่านพระครูหรือท่านเจ้าคุณให้ญาติโยมเรียกผิดเรียก ถูกอย่างในเมืองไทยทุกวันนี้
8. ควรใช้คำว่า พระคุณเจ้า กับพระภิกษุที่มีสมณศักดิ์ต่ำกว่าพระราชาคณะ เช่นสามเณร พระภิกษุ พระครู พระครูปลัด พระครูใบฎีกา ฯลฯ
9. คำว่า พระคุณท่าน ไม่มีในพจนานุกรม เคยได้ยินพระใช้เรียกขานกันเองเท่านั้น จึงไม่ควรนำมาใช้กับพระ เพราะดูเป็นการตีตนเสมอพระอะไรประมาณนั้น
10. การใช้คำสรรพนามเรียกชื่อคนอื่นในงานต่าง ๆ ไม่ควรใช้คำว่า นาย หรือนาง แต่ควรใช้คำว่า คุณ………. คุณพ่อ… คุณแม่…คุณตา… คุณยาย….ฯลฯ เพราะสุภาพและเป็นการให้เกียรติเจ้าของชื่อมากกว่า
11. คำว่า ผ้าบังสุกุล เดิมหมายถึงผ้าที่ไม่มีเจ้าของ หรือผ้าที่เจ้าของเขาทิ้งแล้ว ประเทศอินเดียสมัย พุทธกาลผ้าทำจีวรหายากมาก เพราะชาวบ้านต้องทอผ้าใช้เองด้วยความยากลำบากจึงไม่ค่อยมีใครนำผ้ามาถวาย แต่เมื่อมีคนในครอบครัวตายพวกเขาจำต้องหาผ้าขาวผืนใหญ่มาห่อศพแล้วนำไปทิ้ง ที่ป่าช้านอกเมือง หรือนอกหมู่บ้านเพื่อให้เป็นอาหารของสุนัข อีกา อีแร้ง ฯลฯ ศพถูกสัตว์กัดกินหมดแล้วแต่ยังเหลือผ้าผืนเล็กบ้างใหญ่บ้าง(ผืนเล็กน่า จะเป็นผ้าห่อศพเด็กหรือทารก) ผ้าเหล่านี้ไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ และเป็นผ้าที่เจ้าของทิ้งแล้วตามพุทธานุญาต ผู้ประสงค์จะบวชเป็นภิกษุและภิกษุที่จีวรขาดจึงต้องไปแสวงหาผ้าเหล่านี้มา ตัดเย็บต่อกันเป็นผ้าสบง ผ้าอังสะ และผ้าประคตเอวตามรูปแบบที่กำหนดไว้ แล้วย้อมด้วยเปลือกไม้ แก่นไม้ขนุน หรือดินสีเหลืองสำหรับย้อมผ้า สมัยปัจจุบันผ้าบังสุกุลที่เจ้าภาพซื้อหานำมาถวายในงานศพประกอบด้วย ผ้าสบง 1 ผืน ผ้าอังสะ 1 ผืน เทียนและดอกไม้อย่างละคู่ และใบปวารณา 1 แผ่น เจ้าภาพต้องเตรียมผ้าบังสุกุลไว้ถวายพระสงฆ์ทุกรูปที่นิมนต์มาในงาน
12. คำ ว่า ผ้ามหาบังสุกุล มีที่มาเช่นเดียวกับผ้าบังสุกุล แต่เป็นผ้าห่อศพผืนใหญ่(น่าจะเป็นผ้าห่อศพผู้ใหญ่) สามารถนำมาตัดเย็บเป็นจีวรตามรูปแบบที่กำหนดได้ ปัจจุบันหมายถึง ผ้าบังสุกุลชุดใหญ่ ประกอบด้วย ผ้าจีวร 1 ผืน ผ้าสบง 1 ผืน และผ้าอังสะ 1 ผืน และอาจจะเพิ่ม ผ้าสังฆาฏิ 1 ผืน ประคตเอว 1 เส้น ฯลฯ เทียน 1 คู่ ดอกไม้ 1 คู่ และใบปวารณา 1 แผ่น เจ้าภาพอาจมีศรัทธาเตรียมผ้ามหาบังสุกุลถวายในงานศพชุดเดียวหรือหลายชุดก็ ได้
คำ ว่า มหา เป็นภาษาบาลีแปลว่าใหญ่ เช่น ผ้ามหากฐิน แปลว่าผ้ากฐินชุดใหญ่ ผ้ามหาบังสุกุล แปลว่าผ้าบังสุกุลชุดใหญ่ มหาเจดีย์ แปลว่าเจดีย์ใหญ่ มหาเปรียญ แปลว่าปริญญาใหญ่ มหาเศรษฐี แปลว่าเศรษฐีใหญ่ มหาโจร แปลว่าโจรใหญ่ มหาหิงส์ แปลว่าควายใหญ่ มหาสงครามเอเชียบูรพา แปลว่าสงครามเอเชียตะวันออกครั้งใหญ่
13. คำว่า ผ้าไตรบังสุกุล เป็นคำศัพท์ที่ราชบัณฑิตยสถานของไทยบัญญัติขึ้นใช้แทนคำว่า ผ้ามหาบังสุกุล หมาย ถึงผ้านุ่งห่มชุดเดียวมีสามผืน ประกอบด้วย ผ้าจีวร 1 ผืน ผ้าสบง 1 ผืน ผ้าอังสะ 1 ผืน ดอกไม้และเทียนอย่างละคู่ ใบปวารณา 1 แผ่น เจ้าภาพอาจมีศรัทธาเตรียมผ้าไตรบังสุกุลถวายในงานศพชุดเดียวหรือหลายชุดก็ได้
พิธีกร มีคำศัพท์ให้เลือกใช้ในเรื่องนี้ถึง 2 คำ คือคำว่า ผ้ามหาบังสุกุล ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่มีมาแต่ครั้งพุทธกาล กับคำว่า ผ้าไตรบังสุกุล ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่บัญญัติขึ้นมาใหม่ พิธีกรเลือกใช้ตามอัธยาศัยเทอญ
14. คำว่า ผ้าไตรเปิด ผ้าไตรเอก และ ผ้าไตรรอง น่าจะเป็นคำศัพท์ที่พิธีกรบัญญัติขึ้นใช้เอง เพราะไม่มีปรากฏในพระไตรปิฎกหรือพจนานุกรม
15. คำว่า งานประชุมเพลิงสรีระสังขาร เป็นภาษาไทย +ภาษาเขมร +ภาษาบาลี แปลเป็นภาษาไทยว่างานสุมไฟซากศพ เป็นคำใหม่ที่ประดิษฐ์ขึ้นใช้เพื่อให้ใกล้เคียงกับคำว่า งานพระราชทานเพลิงศพ แต่พระที่ถึงแก่มรณภาพไม่ได้รับไฟพระราชทาน จึงประดิษฐ์คำใหม่เป็น งานประชุมเพลิง และเปลี่ยนคำว่า ศพ เป็น สรีระสังขาร เพื่อให้ดูดีมีระดับกว่า ส่วนคำว่า ฌาปนกิจศพ เป็นภาษาบาลี แปลเป็นไทยว่า การเผาศพ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งพระทั้งโยม พิธีกรควรเลือกใช้คำตามความประสงค์จำนงหมายของพระคุณเจ้านั้นเทอญ
16. คำว่า งานพระราชทานเพลิงศพ เป็นงานที่ผู้ตายได้ประกอบคุณงามความดีไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่จนเข้าเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่จะได้รับไฟพระราชทาน และได้ยื่นหนังสือกราบบังคมทูลขอรับไฟพระราชทาน และที่สำคัญต้องได้รับไฟพระราชทานมาจึงจะใช้คำว่างานพระราชทานเพลิงศพได้
………………………………………………………….
ตัวอย่างที่ 1
งานฌาปนกิจศพ คุณแม่มาย ต้นเตย
……………………………………………………..
เมื่อขบวนแห่ศพถึงบริเวณงาน
พิธีกรเลือกอ่านบทกลอนวัดป่ามหาชัยรวบรวมไว้ต่อไปนี้ตามเหมาะสมแก่เวลา….
โคลง…
พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนเสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
……………
ผญา…
อันว่างัวควายช้าง วางขันธ์มรณาต
ยังมีเขางากระดูกเนื้อ เหลือไว้ฝากคน
สกนธ์กายคนนี้ ยามตายสูญเปล่า แท้นา
เหลือแต่ดีชั่วฮ้าย พลอยค้างคน พี่น้องเอย
กลอน….
อันชีวิต คนเรา ก็เท่านี้
จนหรือมี คนเรา ก็เท่านั้น
วาสนา คนเรา ไม่เท่ากัน
อันความตาย เท่านั้น ที่เท่าเทียม
อันชีวิต คนเรา ก็เท่านี้
ตายเป็นผี ต้องลงโลง อย่าสงสัย
ถึงใหญ่โต คับฟ้า สักเพียงใด
ก็ไม่ใหญ่ ไปกว่าโลง เมื่อลงนอน
อันชีวิต..คนเรา..ก็เท่านี้
มีชีวี..แสนสั้นนัก..ยากอยู่ยั้ง
เกิดต้องตาย..สลายไป..ไม่จีรัง
ชีวิตยัง..ควรสร้างเสริม..เติมความดี.
อันคืนวัน พลันดับ ลงลับล่วง
ท่านทั้งปวง อุตส่าห์สร้าง ทางกุศล
แก่ลงแล้ว รำพึง ถึงตัวตน
อายุคน นั้นไม่ยืน ถึงหมื่นปี
ลมหายใจ…เข้าออก…บอกให้รู้
มีเกิดดับ…..สลับอยู่….ดูเปิดเผย
เกิดมาเพื่อ…สิ่งใด……ไม่รู้เลย
ล้วนลงเอย…คืนกลับ…ลับชีวิน
แค่รู้ตัว………ทั่วพร้อม…ย่อมผ่านพ้น
กฏสากล……คือกรรม….ย้ำถวิล
เก่าต้องใช้…ใหม่อย่าสร้าง…ล้างมลทิน
อนิจจัง……..ทั้งสิ้น…….. อนัตตา
หากน้ำตา เป็นน้ำยา ชุบชีวิต
เชิญญาติมิตร ครวญคร่ำ รำพันหา
กี่ศพแล้ว ที่รด หยดน้ำตา
ไม่เห็นฟื้น คืนกายา ดังตั้งใจ
ธรรมดา ของสังขาร คือการดับ
ไม่มีกลับ คืนเป็น เช่นลมหวน
เป็นของจริง จงจำ อย่าคร่ำครวญ
สิ่งที่ควร เร่งทำ คือกรรมดี
เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน
เจ้ามามือเปล่า แล้วเจ้า จะเอาอะไร ?
เจ้าก็ไป มือเปล่า เหมือนเจ้ามา
ออกจากครรภ์ มารดา แก้ผ้าร้อง-
อุแว้ก้อง เผชิญทุกข์ และสุขา
เติบโตขึ้น มุ่งหาเงิน เพลินชีวา
แท้ก็หา “ ทุกข์สารพัด” มารัดตน
เมื่อยังไม่ตาย มุ่งหมาย ว่าของข้า
เพราะตัณหา พาจิต คิดหลงไหล
แม้ตัวเรา เขายังเอา ไปเผาไฟ
มีสิ่งใด เป็นของเรา ก็เปล่าเลย
แรกเกิดมา มีแต่หัว และตัวเปล่า
มิได้เอา เงินทอง คล้องมาด้วย
เมื่อเป็นอยู่ บากบั่น เข้าขั้นรวย
ยามมอดม้วย ก็ทิ้งไว้ ไปแต่มือ.
มีเงินทอง กองล้น พ้นภูผา
จะซื้อเอา ชีวาไว้ ก็ไร้ผล
เมื่อความตาย มีหมายทั่ว ทุกตัวคน
ติดสินบน เท่าไหร่ ชีพไม่คืน
จะหนีอื่น หมื่นแสน ในแดนโลก
พอย้ายโยก หลบลี้ หนีพ้นได้
แต่หนีหนึ่ง ซึ่งมีชื่อ คือหนีตาย
หนีไม่ได้ ใครไม่พ้น สักคนเดียว
อันอัฐิขาวโพลนที่ได้เห็น
เหมือนดั่งเป็นสิ่งเตือนสติได้
ว่าสรรพสิ่งทุกอย่างต้องจากไป
เหมือนกระดูกขาวไซร้ที่ได้มอง
มียศศักดิ์สูงส่งเป็นว่าเล่น
มีหน้าตาเป็นดั่งเช่นนิมิตหมาย
มีเงินทองร่ำรวยทาสมากมาย
มีความ” ตาย” รออยู่สุดปลายทาง
อนิจจัง สังขาร มันไม่เที่ยง
เกิดเท่าไร ตายเกลี้ยง ไม่เหลือหลอ
ถึงแม้ว่า มีเงิน เพลินพนอ
มิอาจต่อ ติดปีก หลีกความตาย
อนิจจา สังขาร ไม่เที่ยงหนอ
มีเกิดก่อ พังยุบ บุบสลาย
มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ครู่ดับไป
การสลาย ดับสังขาร นั้นสุขจริง
…………………………………………………………………..
หลังจากวางหีบศพไว้บนเมรุเรียบร้อยแล้ว
พิธีกร : นมัสการพระคุณเจ้า ที่เคารพอย่างสูง
เรียน คุณนวยนาฏ บ่าวรุมจอง นายกอบต.ดอนผีหลอก และแขกผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
กระผมนายหืดหอบ คอยาดม ตำแหน่งครูโรงเรียนบ้านดอนผีหลอก ได้รับฉันทานุมัติจากเจ้าภาพให้ทำหน้าที่พิธีกรงานฌาปนกิจศพคุณแม่มาย ต้นเตย ก่อนอื่นกระผมขอแจ้งกำหนดงานฌาปนกิจให้ท่านที่เคารพที่กรุณามาเดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ได้รับทราบร่วมกันดังนี้
บัดนี้ ทุกอย่างพร้อมแล้ว ขอเรียนเชิญคุณพ่อจ่อย คอยาดอง มรรคนายกเป็นผู้นำด้านศาสนพิธีต่อไป ขอเรียนเชิญครับ
หลังจากพระสงฆ์สวดมาติกาจบ
พิธีกร : ขอเรียนเชิญญาติพี่น้องนำผ้าบังสุกุลไปทอดถวายแด่พระสงฆ์บนอาสนะ ถวายให้ครบทุกรูปนะครับ (อาจจะระบุชื่อเจ้าภาพให้ไปถวายก็ได้)
หลังจากญาติพี่น้องวางผ้าบังสุกุลต่อหน้าพระสงฆ์เรียบร้อยแล้ว
พิธีกร : ขอเรียนเชิญทุกท่านประนมมือร่วมพิธี และรับพรครับ
หลังจากพระสงฆ์อนุโมทนาหรือให้พรจบแล้ว
พิธีกร…กราบนมัสการพระคุณเจ้า ที่เคารพอย่างสูง เรียน คุณแม่นวยนาฏ บ่าวรุมจอง นายกอบต.และแขกผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
กระผมนายหืดหอบ คอยาดม ครูโรงเรียนบ้านดอนผีหลอก ได้รับฉันทานุมัติจากเจ้าภาพให้เป็นผู้นำเรียนประวัติของคุณแม่มาย ต้นเตย โดยสังเขป เพื่อเป็นเกียรติและเป็นอนุสรณ์แก่คุณแม่มาย ต้นเตย ผู้วายชนม์
ประวัติคุณแม่มาย ต้นเตย โดยสังเขป
ชาติกำเนิด
คุณแม่มาย ต้นเตย นามสกุลเดิม พาละหาด เกิดเมื่อ วันที่ 3 เดือนกันยายน พ.ศ. 2470 ที่บ้านดอนไหผี ตำบลดอนผีหลอก อำเภอผีกองก้น จังหวัดผีกองกอย พ่อชื่อ สาย แม่ชื่อ ทอง พาละหาด มีพี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกัน 5 คน ดังนี้
ประวัติการศึกษา
เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านดอนผีหลอก ตำบลดอนผีหลอก อำเภอผีกองก้น จังหวัดผีกองกอย
ประวัติการครองเรือน
คุณแม่มายได้แต่งงานกับคุณพ่อทอง ต้นเตย หลังแต่งงานแล้วได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านดอนผีหลอก ตำบลดอนผีหลอก อำเภอผีกองก้น จังหวัดผีกองกอยเมื่อปี พ.ศ. 2500 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง ขยันประหยัดซื่อสัตย์อดทน จนสามารถสร้างฐานะครอบครัวให้เป็นปึกแผ่น มั่นคง มีลูกด้วยกัน 3 คน ดังนี้
การเสียสละเพื่อส่วนรวม
เมื่อปีพ.ศ. 2531 ทางราชการได้อนุมัติให้จัดตั้งกิ่งอำเภอผีกองก้นขึ้น คุณแม่มาย ต้นเตย ได้บริจาคที่ดินให้แก่ทางราชการจำนวน 8 ไร่ ดังนี้
อุปนิสัย
คุณแม่มาย ต้นเตย เป็นคนใจดี มีอารมณ์ขัน คุยสนุก เป็นที่เคารพรักนับถือของลูกหลานและญาติพี่น้องทุกคน
วาระสุดท้าย
คุณแม่มาย ต้นเตย มีสุขภาพแข็งแรง ไม่อ้วนไม่ผอม หุ่นนางแบบตลอดกาล ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ เดินหาเก็บของป่ามาขายแทบทุกวัน ไม่มีโรคประจำตัว ไม่เคยเป็นไข้หนักถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อเลยสักครั้ง จะเป็นไข้หวัดบ้างเล็กน้อยในบางครั้งเท่านั้น ไม่เคยเข้าโรงพยาบาล โรคชราอย่างเดียวทำอะไรคุณแม่ไม่ได้ จนกระทั้งเมื่อตอนเช้าวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 โรคชราได้พาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงและสารพัดโรคมาเยี่ยมเยือนถึงที่นอน ทำให้คุณแม่มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย แขนขาอ่อนแรง และไม่สามารถลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเองได้ ลูกหลานไปตามคุณหมอมารักษา ผลัดเปลี่ยนเวรกันมาเฝ้าไข้ และดูแลรับใช้ใกล้ชิด อาการมีแต่ทรุดลงเรื่อย ๆ แต่ตลอดเวลาที่คุณแม่ล้มป่วยท่านยังมีอารมณ์ขัน คุยตลกกับลูกหลานและญาติพี่น้องที่มาเยี่ยมไข้ให้ได้หัวเราะครื้นเครงเสมอ
คุณแม่มาย ต้นเตย ได้จากไปอย่างสงบ เมื่อเวลา 13 นาฬิกา 15 นาที ของวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 สิริอายุได้ 89 ปี ยังความเศร้าโศกเสียใจ ให้เกิดกับลูกหลานและญาติพี่น้องทุกคนเป็นอย่างยิ่ง
อกุศลกรรมใด ที่เป็นกรรมไม่ดี ซึ่งคุณแม่มาย ต้นเตย ได้ล่วงเกินท่านทั้งหลายเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งโดยเจตนาและไม่ได้เจตนา ขอท่านทั้งหลายได้โปรดอโหสิกรรมนั้นแก่คุณแม่มาย ต้นเตย ด้วย เทอญ
กุศลกรรมใดที่เป็นคุณงามความดี ซึ่งคุณแม่มาย ต้นเตย ได้ทำไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ขอได้โปรด มาเป็นพลัง อำนวยผลดลบันดาล ให้ดวงวิญญาณของคุณแม่มาย ต้นเตย ไปสู่สุขคติ ในสัมปรายภพด้วยเทอญ
ขอเรียนเชิญทุกท่านยืนนั่งตามอัธยาศัย ตั้งใจสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณคุณแม่มาย ต้นเตย ไปสู่สุคติในสัมปรายภพเป็นครั้งสุดท้าย ขอกราบเรียนเชิญครับ
ครบ 1 นาที อ่านกลอนต่อไปนี้
แด่คุณแม่………………
ชีวิตแม่ มีแต่ให้ ไม่รู้จบ รักเคารพ ด้วยใจ ไม่หวั่นไหว
กราบวันทา ศพแม่ ด้วยอาลัย น้อมกายใจ สำนึก ระลึกคุณ
แม่เลี้ยงลูก ทุกคน ด้วยความรัก ลูกลำบาก แม่โอบเอื้อ คอยเกื้อหนุน
ลูกคนไหน ขัดสน จนเกื้อกูล ชี้นำหนุน ลูกให้ ไปถูกทาง
ลูกมีภัย แม่ปกป้อง ด้วยชีวิต ลูกทำผิด แม่ช่วย ด้วยความหวัง
คอยประครอง ป้องลูกให้ ไปถูกทาง ส่งลูกถึง ฝั่งฝัน มีบ้านเรือน
พระคุณแม่ ยิ่งใหญ่ ในใจลูก รักพันผูก ได้พึ่งพา หาใดเหมือน
จะจดจำ คำสอนแม่ ไม่แชเชือน จะปลูกเรือน ปลูกรัก เป็นหลักชัย
มาบัดนี้ แม่จาก ลูกไปแล้ว เหมือนดวงแก้ว ส่องทาง สว่างไสว
ลอยละล่อง ส่องฟ้า สู่แดนไกล สุดจะไขว่ คว้าถึง ดึงกลับคืน
ชีวิตต่อ แต่นี้ ไม่มีแม่ เหลือเพียงแต่ ความเหงา เศร้าสุดฝืน
น้ำตาเอ่อ ล้นไหล ในทุกคืน ลืมตาตื่น คราใด หลับไม่ลง
จงไปดี มีสุข เถิดคุณแม่ จงพบแต่ ความสุข ดังประสงค์
เกิดเป็นเทพ บนสวรรค์ มั่นยืนยง ลูกจะส่ง กุศลไป ให้ทุกวัน
หากชาติหน้า เกิดใหม่ ได้พานพบ ขอประสบ พันผูก เป็นลูกหลาน
ได้ตอบแทน พระคุณท่าน ให้แสนนาน เหล่าภัยพาลไม่มาพรากเราจากกัน
ด้วยความรักและอาลัยยิ่ง
จาก…ลูก หลาน และญาติพี่น้องทุกคน
พิธีกร…… ลำดับต่อไปเป็นการทอดผ้าไตรบังสุกุลและผ้ามหาบังสุกุลบนเมรุ งานนี้เจ้าภาพมีศรัทธามากเป็นพิเศษ ได้เตรียมผ้าไตรบังสุกุลจำนวน 2 ชุดและผ้ามหาบังสุกุลจำนวน 1 ชุดไว้สำหรับถวายพระคุณเจ้า เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่คุณแม่มาย ต้นเตย
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณดำดี สาวรุมตอม ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 1 และกราบนิมนต์พระอาจารย์หรูหรา อัณฑะโต เป็นผู้พิจารณาชักผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 1 ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ และเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านหันหน้าไปทางเมรุ ประณมมือร่วมอนุโมทนาบุญอุทิศส่วนกุศลแก่คุณแม่มาย ต้นเตย ด้วยกันครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณ………………………………………………..ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 2 และกราบนิมนต์ท่านพระครูสว่างอารมณ์ดี เป็นผู้พิจารณาชักผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 2 ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณอึกกะทึก มะนาวโห่ ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 3 และกราบนิมนต์พระอาจารย์รื่นรมย์ วิโสธะเย เป็นผู้พิจารณาชักผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 3 ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณนวยนาฏ บ่าวรุมจอง ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้ามหาบังสุกุล และกราบนิมนต์ท่านพระครูพิทักษ์ธรรมวินัย เป็นผู้พิจารณาชักผ้ามหาบังบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ และเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านประณมมือร่วมอนุโมทนาบุญ ตั้งจิตอธิษฐานส่งดวงวิญญาณคุณแม่มาย ต้นเตย ไปสู่สุคติด้วยกันครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร….ลำดับสุดท้ายเป็นการวางดอกไม้จันทน์
ขอกราบนิมนต์พระคุณเจ้าทุกรูปได้โปรดวางดอกไม้จันทน์เพื่อเป็นการโปรดคุณแม่มาย ต้นเตย ไปสู่สุคติด้วยครับ …….-ขอกราบนิมนต์ครับ
และขอเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมวางดอกไม้จันทน์ เพื่อเป็นการไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณคุณแม่มาย ต้นเตย ไปสู่สุคติเป็นครั้งสุดท้ายด้วยครับ ขอเรียนเชิญทุกท่านครับ
พิธีกรกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานขณะวางดอกไม้จันทน์
กราบเรียน ท่านผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
การจัดงานฌาปนกิจศพคุณแม่มาย ต้นเตย สำเร็จลงด้วยความเรียบร้อยด้วยดี เนื่องจากได้รับความความร่วมแรงร่วมใจจากท่านผู้มีเกียรติ ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งบ้านใกล้บ้านไกล ซึ่งต่างเดินทางมาร่วมงานทั้งที่บ้าน และที่วัดแห่งนี้ด้วยความรักและความอาลัย กระผมในนามเจ้าภาพขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงยิ่งไว้ ณ โอกาสนี้ … ขอบพระคุณคุณนวยนาฏ บ่าุมจอง นายกเทศมนตรีตำบลดอนผีหลอก ที่กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานทอดผ้ามหาบังสุกุล ขอบพระคุณสมาชิกสภาเทศบาลตำบลดอนผีหลอก ข้าราชการ ลูกจ้างสำนักงานเทศบาลตำบลดอนผีหลอกทุกท่าน ขอบพระคุณคณะครูอาจารย์โรงเรียนบ้านดอนผีหลอก ขอบคุณคณะแม่บ้านบ้านดอนผีหลอกทุกท่านที่กรุณาช่วยจัดหาพวงหรีด และจัดดอกไม้ประดับตกแต่งหีบศพให้สวยงามรวมทั้งมาร่วมงานในวันนี้ …ขอบพระคุณแม่ครัวทุกท่านที่กรุณาจัดอาหารและเครื่องดื่มบริการแขกผู้มีเกียรติจนเสร็จงาน ขาดตกบกพร่องประการใด ในนามเจ้าภาพขอกราบอภัยเป็นอย่างมากไว้ ณ โอกาสนี้
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมีหลวงพ่อองค์ดำ เป็นต้น ตลอดถึงคุณความดีที่เราทั้งหลายได้มาร่วมกระทำบำเพ็ญในวันนี้ ได้โปรดดลบันดาลให้ทุกท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป เทอญ
สวัสดีครับ
หรือกล่าวขอบคุณเป็นผญาดังนี้…
ขอบพระคุณทุกท่าน ที่มางานเผาแม่ใหญ่
ทั้งบ้านเหนือบ้านใต้ ทั้งไกลใกล้หลั่งมา
สุดสิหาคำเว้า เอามากล่าวได้ทั้งเมิด
ได้แต่เพียงกลั่นกรอง จากใจเอามาเว้า
ขอบพระคุณหมู่เจ้า หลาย ๆ อีกร้อยเทือ
เผาแม่ใหญ่แล้วเมือให่เจ้าได้ สมใจเจ้าคู่สู่อัน
การงานให่ก้าวหน่า การเงินกะให่ค่อง
การทองกะให่ได้ การบ้านให่ม่วนมัน
การอันใด๋กะให่ได้ สมดังมะโนหมาย
สุขสำบายปานพระยา อยู่ดีอย่ามีฮ้อน
นั่งนอนมีแต่โชค โฉลกดีขี่ถืกป่อง
สองโตถืกคู่เรื่อย รางวัลที่หนึ่งนั้นถืกคู่ปี เด้อ พี่น้องเอย
สวัสดีครับ
…………………………………………………………………
ตัวอย่างที่ 2
งานฌาปนกิจศพ คุณแม่สมหมาย เกศเงิน
………………………………………………………………
หลังจากวางหีบศพไว้บนเมรุเรียบร้อยแล้ว
พิธีกร : นมัสการพระคุณเจ้า ที่เคารพอย่างสูง เรียน …………… และแขกผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
กระผมนายทองพันธ์ ศิริหัตถ์ ตำแหน่งครูโรงเรียนอนุบาลเจริญศิลป์ ได้รับฉันทานุมัติจากเจ้าภาพให้ทำหน้าที่พิธีกรงานฌาปนกิจศพคุณแม่สมหมาย เกศเงิน ก่อนอื่นกระผมขอแจ้งกำหนดการงานฌาปนกิจศพให้ท่านที่เคารพที่กรุณามาเดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ได้รับทราบร่วมกันดังนี้
บัดนี้ ทุกอย่างพร้อมแล้ว ขอเรียนเชิญคุณพ่อ…………………………. มรรคนายกเป็นผู้นำด้านศาสนพิธีต่อไป ขอเรียนเชิญครับ
หลังจากพระสงฆ์สวดมาติกาจบ
พิธีกร : ขอเรียนเชิญญาติพี่น้องนำผ้าบังสุกุลไปทอดถวายแด่พระสงฆ์บนอาสนะ ถวายให้ครบทุกรูปนะครับ (อาจจะระบุชื่อเจ้าภาพให้ไปถวายก็ได้)
หลังจากญาติพี่น้องวางผ้าบังสุกุลต่อหน้าพระสงฆ์เรียบร้อยแล้ว
พิธีกร : ขอเรียนเชิญทุกท่านประนมมือร่วมพิธี และรับพรครับ
หลังจากพระสงฆ์อนุโมทนาหรือให้พรจบแล้ว
พิธีกร : ต่อไปเป็นการอ่านประวัติผู้ตาย งานนี้ทางเจ้าภาพได้รับเกียรติจาก………………………………… เป็นผู้นำเรียนประวัติของคุณแม่สมหมาย คุณมี ผู้วายชนม์ ขอเรียนเชิญครับ (ถ้าไม่เชิญคนอื่นอ่านประวัติก็ข้ามตอนนี้ไป)
ผู้อ่านประวัติ ……กราบนมัสการพระคุณเจ้า ที่เคารพอย่างสูงเรียน ………………………………….. และแขกผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
กระผมนายทองพันธ์ ศิริหัตถ์ ครูโรงเรียนอนุบาลเจริญศิลป์ ได้รับฉันทานุมัติจากเจ้าภาพให้เป็นผู้นำเรียนประวัติของคุณแม่สมหมาย เกศเงิน โดยสังเขป เพื่อเป็นเกียรติและเป็นอนุสรณ์แก่คุณแม่สมหมาย เกศเงิน ผู้วายชนม์
ประวัติคุณคุณแม่สมหมาย เกศเงิน โดยสังเขป
ชาติกำเนิด
คุณคุณแม่สมหมาย เกศเงิน นามสกุลเดิม คุณมี เกิดเมื่อวันที่ 9 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2497 ที่บ้านเลขที่ 85 ถนนคุณมี บ้านเจริญศิลป์หมู่ที่ 1 ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อ คุณพ่อสอ คุณมี มารดาชื่อ คุณแม่นัท คุณมี มีพี่น้องร่วมกัน 7 คน ดังนี้
ประวัติการศึกษา
เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนอนุบาลเจริญศิลป์ บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร
ประวัติการทำงานและการครองรักครองเรือน
หลังจากเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้ว ได้เดินทางไปหางานทำที่กรุงเทพฯ ได้งานเป็นลูกจ้างร้านเสริมสวย ต่อมาได้แยกตัวมาเปิดร้านเสริมสวยเล็ก ๆ ที่กรุงเทพฯ ทำได้ 4-5 ปีก็เลิกทำ เมื่อปี พ.ศ. 2524 คุณแม่สมหมายได้พบรักและแต่งงานกับคุณพ่อสมหมาย เกศเงิน (ชื่อสมหมายเหมือนกัน ต่างกันที่นามสกุล) ชาวบ้านแสงไผ่ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี หลังแต่งงานแล้ว คุณแม่สมหมาย เปิดร้านขายอาหารตามสั่ง ส่วนคุณพ่อสมหมายผู้เป็นสามีเปิดโรงกลึงชื่อ ร้านไฉนโชคอัพ ที่กรุงเทพมหานคร รับทำโชคอัพรถบัสและรถใหญ่ กิจการทุกอย่างเจริญก้าวหน้าไปด้วยดี ฐานะครอบครัวเป็นปึกแผ่นมั่นคง มี ธิดาด้วยกัน 3 คน ดังนี้
อุปนิสัย
คุณแม่สมหมาย เกศเงิน เป็นคนอารมณ์ดี มีน้ำใจ ชอบทำบุญให้ทาน รักษาศีล คุยสนุก พูดเพราะ วางตนเหมาะสม ขยัน ประหยัดอดออม โอบอ้อมอารี เป็นที่รักเคารพนับถือของลูกหลานและญาติพี่น้องทุกคน
ความฝัน
คุณแม่สมหมาย เกศเงิน เปิดร้านขายอาหารตามสั่งหารายได้ช่วยครอบครัวอีกทางหนึ่ง คุณแม่สอนลูก ๆ เสมอว่า แม่เรียนมาน้อยจึงต้องทำงานหนัก กว่าจะได้เงินแต่ละบาทต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและแรงกาย แม่จึงอยากให้ลูก ๆ ตั้งใจเรียน …เรียนให้สูงที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อเบิกทางไปทำงานสบายกว่าเงินดีกว่า แม่กับพ่อจะทำงานหาเงินส่งเสียลูก ๆ เอง ในที่สุดความฝันของคุณแม่ก็เป็นจริง ลูกสาวของคุณแม่ทุกคนเรียนจบปริญญา มีงานทำ มีรายได้และสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ลูกทุกคนหวังตั้งใจว่าจะได้ตอบแทนพระคุณของคุณแม่กับคุณพ่อไปนาน ๆ แต่คุณแม่กลับล้มป่วย
วาระสุดท้าย
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559 คุณแม่สมหมาย มีอาการปวดหลัง อย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ สามีกับลูก ๆ จึงพาไปรับการรักษาเพื่อบรรเทาอาการที่ร้านหมอนวดแผนโบราณ แต่อาการเจ็บปวดหนักกว่าเดิม แขนขาก็อ่อนแรง ไม่สามารถเดินได้อีก จากนั้นสามีกับลูก ๆ จึงพาไปรับการตรวจ MRI ที่ศูนย์การแพทย์รัชวิภา คุณหมอแจ้งผลการตรวจว่า คุณแม่เป็นมะเร็งที่ท่อน้ำดีกระจายไปยังสมองและลามมาที่กระดูกสันหลังไปกดทับเส้นประสาท จึงตัดสินใจเข้ารับการรักษาอาการปวดหลังอย่างรุนแรงด้วยการผ่าตัดกระดูกไขสันหลังและใส่ท่อเพื่อระบายน้ำดีที่โรงพยาบาลวชิระ กรุงเทพมหานคร อาการปวดหลังหายทันที จึงพาคุณแม่เดินทางกลับบ้านเจริญศิลป์เพื่อถวายผ้าป่าสามัคคีโต๊ะหมู่บูชาฝังมุก เนื่องในวันคล้ายวันเกิดคุณแม่ ในวันที่ 9 มิถุนายน 2559 ที่วัดศิริราษฎร์วัฒนาบ้านเจริญศิลป์ หลังจากนั้นคุณแม่ป่วยกะทันหัน มีอาการเชื่องซึม เหนื่อยหอบ กลืนอาหารไม่ได้ ลูกหลานจึงนำส่งโรงพยาบาลเจริญศิลป์ ทางโรงพยาบาลศิลป์ส่งตัวไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลสกลนคร พบว่ามีสาเหตุปอดติดเชื่อ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและฉีดยาฆ่าเชื้อเกือบ 2 อาทิตย์ แต่อาการไม่ดีขึ้น คุณหมอแจ้งว่าไม่มีทางรักษาให้หายได้ จึงตัดสินใจพาท่านกลับมาพักที่บ้าน อาการทรุดลงเรื่อย ๆ คุณแม่สมหมาย เกศเงินได้จากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 15 นาฬิกา 45 นาที สิริอายุได้ 61 ปี ยังความเศร้าโศกเสียใจ ให้เกิดกับสามีลูกหลานและญาติพี่น้องทุกคนเป็นอย่างยิ่ง
อกุศลกรรมใด ที่เป็นกรรมไม่ดี ซึ่งคุณแม่สมหมาย เกศเงิน ได้ล่วงเกินท่านทั้งหลายเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งโดยเจตนาและไม่มีเจตนา ขอท่านทั้งหลายได้โปรดอโหสิกรรมนั้นแก่คุณแม่สมหมาย เกศเงิน ด้วย เทอญ
กุศลกรรมใดที่เป็นคุณงามความดี ซึ่งคุณแม่สมหมาย เกศเงินได้ทำไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ขอได้โปรด มาเป็นพลัง อำนวยผลดลบันดาล ส่งดวงวิญญาณคุณแม่สมหมาย เกศเงินไปสู่สุขคติ ในสัมปรายภพด้วยเทอญ
ขอเรียนเชิญทุกท่านยืนนั่งตามอัธยาศัย ตั้งใจสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณคุณแม่สมหมาย เกศเงินไปสู่สุคติในสัมปรายภพเป็นครั้งสุดท้าย ขอกราบเรียนเชิญครับ
ครบ 1 นาที
นางสาวกัญณณัฐ เกศเงิน (ลูกสาว) หรือพิธีกร : อ่านบทกลอนไว้อาลัยต่อไปนี้เบา ๆ เน้นอักขระ จังหวะ วรรคตอนให้ถูกต้อง
เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องเสียง……เปิดเพลงธรณีกรรแสงเบา ๆ
แด่..คุณแม่
แม่รักลูก ลูกก็รู้ อยู่ว่ารัก
แม่ฟูมฟัก กล่อมเลี้ยง เคียงถนอม
เหลือบยุงริ้น มิยอมให้ มาไต่ตอม
ซักผ้าอ้อม กล่อมเห่ ผูกเปลไกว
ลูกหัดเดิน แม่ช่วย ด้วยความรัก
คอยเอ่ยทัก ยิ้มให้ ไม่ห่างหาย
ลูกล้มคว่ำ แม่ช่วยป้อง ประครองกาย
ไม่เหนื่อยหน่าย รักลูก อย่างถูกทาง
ลูกมีภัย แม่ปกป้อง ด้วยชีวิต
ลูกทำผิด แม่ช่วย ด้วยความหวัง
คอยประครอง ป้องลูกให้ ไปถูกทาง
ส่งถึงฝั่ง สุขสมหวัง แม้ห่างไกล
มาบัดนี้ แม่จาก ลูกไปแล้ว
เหมือนดวงแก้ว ส่องทาง สว่างไสว
ลอยละล่อง ส่องฟ้า สู่แดนไกล
สุดจะไขว่ คว้าถึง ดึงแม่คืน
ชีวิตต่อ แต่นี้ ไม่มีแม่
เหลือเพียงแต่ ความเหงา เศร้าสุดฝืน
น้ำตาเอ่อ ล้นไหล ในทุกคืน
ลืมตาตื่น คราใด หลับไม่ลง
จงไปดี มีสุข เถิดคุณแม่
จงพบแต่ ความสุข ดังประสงค์
เกิดเป็นเทพ บนสวรรค์ มั่นยืนยง
ลูกจะส่ง กุศลให้ ไปหนุนนำ
หากชาติหน้า เกิดใหม่ ได้อีกหน
ขอเป็นคน ชูชุบ อุปถัมภ์
เลี้ยงดูแม่ ตอบแทนคุณ อุดหนุนนำ
น้อมรับกรรม เก่าใหม่ ให้แม่เอง
ด้วยความรักและอาลัยยิ่ง
จาก…พ่อสม และลูก ๆ ของแม่ทุกคน
พิธีกร…… ต่อไปเป็นการทอดผ้าไตรบังสุกุลและผ้ามหาบังสุกุลบนเมรุ งานนี้เจ้าภาพมีศรัทธามากเป็นพิเศษ ได้เตรียมผ้าไตรบังสุกุลจำนวน 3 ชุดและผ้ามหาบังสุกุลจำนวน 1 ชุดไว้สำหรับถวายพระคุณเจ้า เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่คุณแม่สมหมาย เกศเงิน
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณ………………………………………………..ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 1 และกราบนิมนต์พระอาจารย์……………….. เป็นผู้พิจารณาชักผ้าไตรบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ และเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านหันหน้าไปทางเมรุ ประณมมือร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณ………………………………………………..ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 2 และกราบนิมนต์พระอาจารย์………………………………… เป็นผู้พิจารณาชักผ้าไตรบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณ………………………………………………..ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 3 และกราบนิมนต์พระอาจารย์………………………………… เป็นผู้พิจารณาชักผ้าไตรบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณ………………………………………………..ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้ามหาบังสุกุล และกราบนิมนต์อาจารย์………………………………… เป็นผู้พิจารณาชักผ้ามหาบังบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ และเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านประณมมือร่วมอนุโมทนาบุญ ตั้งอธิษฐานส่งดวงวิญญาณคุณแม่สมหมาย เกศเงินไปสู่สุคติด้วยกันครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร….ลำดับต่อไปเป็นการวางดอกไม้จันทน์
ขอกราบนิมนต์พระคุณเจ้าทุกรูปได้โปรดวางดอกไม้จันทน์เพื่อเป็นการโปรดคุณโยมสมหมาย เกศเงิน ไปสู่สุคติด้วยครับ …….-ขอกราบนิมนต์ครับ
และขอเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมวางดอกไม้จันทน์ เพื่อเป็นการไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณคุณแม่สมหมาย เกศเงินไปสู่สุคติเป็นครั้งสุดท้ายด้วยครับ ขอเรียนเชิญทุกท่านครับ
(ขณะทุกคนกำลังเข้าแถววางดอกไม้จันทน์)
พิธีกรอ่านกลอนต่อไปนี้
…………………………………..
ยามมาเกิด เราก็มา แต่ตัวเปล่า
ใครบ้างเล่า ใส่เสื้อผ้า มาเกิดบ้าง
เกิดมาแล้ว หาทรัพย์สิน จนวายวาง
ได้มากบ้าง น้อยบ้าง ต่างกันไป
แต่เมื่อตาย วายวาง สังขารแล้ว
คนมีแก้ว แหวนทอง เงินกองใหญ่
กับคนจน ยากไร้ ไม่มีอะไร
ต่างก็ไป ตัวเปล่า เท่าเทียมกัน
เงินเหรียญบาท ที่อมไว้ คราตายนั้น
พวกลูกหลาน ยังเอาคืน เป็นเงินขวัญ
ตายไปแล้ว หมดสิ้น ทุกสิ่งอัน
เหลือผูกพัน เพียงบุญกรรม ที่ทำมา
ว่าจะส่ง วิญญาณเรา ไปไหนบ้าง
ส่งไปเกิด เป็นลิงค่าง อนาถา
ส่งไปเกิด เป็นนาคครุฑ เทวดา
หรือส่งมา เกิดหล่อสวย รวยเงินทอง
หรือส่งไป รับใช้ ในนรก
ถูกสับโขลก ใช้งาน สยดสยอง
ให้ถีบสัตว์ นรกลง กระทะทอง
หรือถูกถอง ถีบลง กระทะเอง
หากกรรมดี เราทำ เอาไว้มาก
ไม่ยุ่งยาก เพราะกรรมดี มีชื่อเสียง
ยมทูต จดไว้ ไม่ลำเอียง
เมื่อเราเพียง ขาดใจ ก็ไปดี
ได้ไปสู่ สรวงสวรรค์ บนชั้นฟ้า
เป็นเทวา เสวยสุข เกษมศรี
เพราะกุศล ผลบุญ คุณความดี
ดลให้มี เป็นได้ ดั่งใจเรา
ถ้าเราทำ กรรมดี ทีละน้อย
ทำบ่อยบ่อย จะสดชื่น ไม่อับเฉา
เพราะผลกรรม นำลิขิต ชีวิตเรา
กรรมคือเงา ติดตามตน จนวันตาย
กรรมจะตาม เราไป ไม่ลดละ
ไม่ว่าจะ ไปแห่งหน ตำบลไหน
จะไปอยู่ อาณาเขต ประเทศใด
กรรมจะไป เกาะประชิด เฝ้าติดตาม
จะกี่ภพ กี่ชาติ กี่ศัตวรรษ
กรรมจะมัด เราไว้ ให้แบกหาม
ถ้ากรรมดี เกาะประชิด เฝ้าติดตาม
จะแห่หาม ส่งเราไป ให้ได้ดี
ถ้ากรรมชั่ว ตามทัน ผูกพันไว้
เรื่องเลวร้าย จะรุมรุก ทุกวิถี
จะยืนเดิน นอนนั่ง ยังราวี
รุมต่อยตี ให้ลำบาก ทุกข์ยากจน
ทำกรรมดี เอาไว้ให้ ตัวเองบ้าง
ด้วยการสร้าง สะสมทุน บุญกุศล
เพราะผลกรรม นำลิขิต ชีวิตคน
ที่หมุนวน เวียนว่าย ตายเกิดตาย
พิธีกร…. ลำดับสุดท้าย เชิญทีมงานเจ้าภาพโปรยทานหว่านของที่ระลึกครับผม โปรยให้ทั่ว หว่านให้ถึงนะครับ พวกเราเก็บเอาไปเป็นเงินขวัญถุงคนละอันสองอัน ใครเก็บได้มากก็แบ่งปันกันนะครับ ใครเก็บไม่ทันเดี๋ยวเพื่อนก็แบ่งให้ ถ้าเพื่อนไม่แบ่งให้เดี๋ยวเพื่อนก็หำโปงครับพี่น้องครับ
…………………………………..
พิธีกรกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานขณะวางดอกไม้จันทน์
กราบเรียน ท่านผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
การจัดงานฌาปนกิจศพคุณแม่สมหมาย เกศเงิน สำเร็จลงด้วยความเรียบร้อยด้วยดี เนื่องจากได้รับความความร่วมแรงร่วมใจจากท่านผู้มีเกียรติ ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งบ้านใกล้บ้านไกล ซึ่งต่างเดินทางมาร่วมงานทั้งที่บ้าน และที่วัดแห่งนี้ด้วยความรักและความอาลัย กระผมในนามเจ้าภาพขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงยิ่งไว้ ณ โอกาสนี้ …ขอบพระคุณคณะแพทย์และพยาบาลทุกท่านทั้งจากโรงพยาบาลเจริญศิลป์ โรงพยาบาลสกลนคร และโรงพยาบาลวชิระกรุงเทพฯ ที่กรุณารักษาพยาบาลคุณแม่สมหมาย เกศเงิน อย่างสุดความสามารถและดีที่สุด ขอบพระคุณ……………………………….ที่กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานทอดผ้ามหาบังสุกุล ขอบพระคุณคณะแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลเจริญศิลป์ทุกท่านที่กรุณามาร่วมไว้อาลัย ขอบพระคุณสมาชิกสภาเทศบาลตำบลเจริญศิลป์ทุกท่าน ข้าราชการ ลูกจ้างสำนักงานเทศบาลตำบลเจริญศิลป์ทุกท่าน ขอบพระคุณคณะครูอาจารย์โรงเรียนอนุบาลเจริญศิลป์และคณะแม่บ้านบ้านเจริญศิลป์ทุกท่านที่กรุณาช่วยจัดหาพวงหรีด และจัดดอกไม้ประดับตกแต่งหีบศพให้สวยงามรวมทั้งมาร่วมงานเผาศพคุณแม่สมหมาย เกศเงิน ในวันนี้ …ขอบพระคุณแม่ครัวทุกท่านที่กรุณาจัดอาหารและเครื่องดื่มบริการแขกผู้มีเกียรติจนเสร็จงาน ขาดตกบกพร่องประการใด ในนามเจ้าภาพขอกราบอภัยเป็นอย่างมากไว้ ณ โอกาสนี้
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมีหลวงพ่อองค์ดำ เป็นต้น ตลอดถึงคุณความดีที่เราทั้งหลายได้มาร่วมกระทำบำเพ็ญในวันนี้ ได้โปรดดลบันดาลให้ทุกท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป เทอญ
สวัสดีครับ
ถ้าแขกมากันมาก เพื่อให้เหมาะสมแก่เวลา พิธีกรอาจจะขอบคุณและอวยพรแขกด้วยกลอนสุภาพส่งท้ายต่อไปนี้อีกครั้งก็ได้
พิธีกร….
ขอขอบคุณ ทุกท่าน ที่เคารพ
มางานศพ เผาแม่ใหญ่ ในวันนี้
ขอขอบคุณ ทุกน้ำ้ใจ ทุกไมตรี
ไม่รู้ที่ หาสิ่งมอบ ตอบแทนคุณ
จึงเรียงร้อย ถ้อยคำ ด้วยสำนึก
น้อมระลึก คุณความดี ที่เกื้อหนุน
กราบวิงวอน คุณพระป้อง ประทานคุณ
เกื้อนำหนุน ให้ทุกท่าน เบิกบานใจ
ให้อยู่ดี มีสุข ไม่ทุกข์ร้อน
นั่งกินนอน สุขสม อารมณ์หมาย
ได้มีเป็น เช่นที่หวัง ทุกอย่างไป
แสนสบาย หล่อสวยใส ดั่งวัยทีน
ให้มีเงิน เต็มห้อง ทองเต็มบ้าน
ทุกคืนวัน หล่อสวย รวยทรัพย์สิน
เกียรติปรากฎ ก้องหล้า คู่ฟ้าดิน
ประสบสิน ภิญโญสุข ทุกท่านเทอญ
สวัสดีครับ
หรือขอบคุณแขกด้วยกลอนอีสานต่อไปนี้…..
ขอบพระคุณทุกท่าน ที่มางานเผาแม่ใหญ่
ทั้งบ้านเหนือบ้านใต้ ทั้งไกลใกล้ที่หลั่งมา
สุดสิหาคำเว้า เอามากล่าวได้ทั้งเมิด
ได้แต่เพียงกลั่นกรอง จากใจเอามาเว้า
ขอบพระคุณหมู่เจ้า หลายหลายอีกร้อยเทือ
เผาแม่ใหญ่แล้วเมือให่เจ้าได้ สมใจเจ้าปรารถนา
การงานให้ก้าวหน่า การเงินกะให่คล่อง
การทองกะให่ได้ การบ้านให่มวนมัน
การอันใด๋กะให่ได้ สมดังมะโนหมาย
สุขสำบายปานพระยา อยู่ดีอย่ามีฮ้อน
ให่ได้พรพระอินทร์เจ้า ร้อยซาวปีบ่เถ่าบ่แก่
ดูแลกันคืออ้ายน้อง ฮักแพงมั่นบ่หน่ายกัน
ให่สุขสันต์ซาบซ่า สารพันมวนซืน
อายุยืนฮอดร้อย ห่าสิบปีถ่วนคู่สู่คน เด้อพี่น้องเอย
จบบริบูรณ์
……………………………………………………………
ตัวอย่างที่ 3
งานฌาปนกิจศพ คุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม
………………………………………………………………
หลังจากวางหีบศพไว้บนเมรุเรียบร้อยแล้ว
พิธีกร : นมัสการพระคุณเจ้า ที่เคารพอย่างสูง
เรียน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. และแขกผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
กระผมนายนายมี ศรีงาม ได้รับฉันทานุมัติจากเจ้าภาพให้ทำหน้าที่พิธีกรงานฌาปนกิจศพคุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม ก่อนอื่นกระผมขอแจ้งกำหนดงานฌาปนกิจให้ท่านที่เคารพที่กรุณามาเดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ได้รับทราบร่วมกันดังนี้
บัดนี้ ทุกอย่างพร้อมแล้ว ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมพิธีไหว้พระสวดมนต์และพระสงฆ์สวดมาติบังสุกุลต่อไป ขอเรียนเชิญทุกท่านครับ
หลังจากพระสงฆ์สวดมาติกาจบ
พิธีกร : ขอเรียนเชิญญาติพี่น้องนำผ้าบังสุกุลไปทอดถวายแด่พระสงฆ์บนอาสนะ ถวายให้ครบทุกรูปนะครับ (อาจจะระบุชื่อเจ้าภาพให้ไปถวายก็ได้)
หลังจากญาติพี่น้องวางผ้าบังสุกุลต่อหน้าพระสงฆ์เรียบร้อยแล้ว
พิธีกร : ขอเรียนเชิญทุกท่านประนมมือร่วมพิธี และรับพรครับ
หลังจากพระสงฆ์อนุโมทนาหรือให้พรจบแล้ว
พิธีกร..ต่อไปเป็นอ่านอ่านประวัติผู้ตาย
ผู้อ่านประวัติ ……กราบนมัสการพระคุณเจ้า ที่เคารพอย่างสูง เรียน …………………………. และแขกผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
กระผมนายมี ศรีงาม ได้รับฉันทานุมัติจากเจ้าภาพให้เป็นผู้นำเรียนประวัติของคุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม โดยสังเขป เพื่อเป็นเกียรติและเป็นอนุสรณ์แก่คุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อมผู้วายชนม์
ประวัติคุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม โดยสังเขป
ชาติกำเนิด
คุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม เกิดเมื่อวันที่ 10 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2490 ที่ บ้านเจริญศิลป์ หมู่ที่ 2 ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อ บง พึ่งพร้อม มารดาชื่อ มุล พึ่งพร้อม
ประวัติการศึกษา
เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนทุ่งมนสมานมิตร บ้านทุ่งมน ตำบลทุ่งแก อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร
ประวัติการครองรักครองเรือน
ได้พบรักและแต่งงานกับคุณแม่บัวพา พึ่งพร้อม หลังแต่งงานแล้วได้ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง จนสามารถสร้างฐานะครอบครัวให้เป็นปึกแผ่น มั่นคง มีบุตร ธิดาด้วยกัน 8 คน ดังนี้
อุปนิสัย
คุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม เป็นคนมีอัธยาดี มีน้ำใจ ชอบทำบุญให้ทาน โอบอ้อมอารี เป็นที่รักเคารพนับถือของลูกหลานและญาติพี่น้องทุกคน
วาระสุดท้าย
คุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม เป็นโรคมะเร็งตับได้เสียชีวิตแล้วอย่างสงบที่โรงพยาบาลเจริญศิลป์เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559 สิริอายุได้ 69 ปี ยังความเศร้าโศกเสียใจ ให้เกิดกับภรรยาลูกหลานและญาติพี่น้องทุกคนเป็นอย่างยิ่ง
อกุศลกรรมใด ที่เป็นกรรมไม่ดี ซึ่งคุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม ได้ล่วงเกินท่านทั้งหลายเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งโดยเจตนาและไม่ได้เจตนา ขอท่านทั้งหลายได้โปรดอโหสิกรรมนั้นแก่คุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม ด้วย เทอญ
กุศลกรรมใดที่เป็นคุณงามความดี ซึ่งคุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม ได้ทำไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ขอได้โปรด มาเป็นพลัง อำนวยผลดลบันดาล ให้ดวงวิญญาณคุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม ไปสู่สุขคติ ในสัมปรายภพด้วยเทอญ
ขอเรียนเชิญทุกท่านยืนนั่งตามอัธยาศัย ตั้งใจสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณคุณพ่ออินทร์ พึ่งพร้อม ไปสู่สุคติในสัมปรายภพเป็นครั้งสุดท้าย ขอกราบเรียนเชิญครับ
ครบ 1 นาที
เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องเสียง……เปิดเพลงธรณีกรรแสงเบา ๆ
พ่อย้ายจาก อุบลมา อยู่ที่นี่ หลายสิบปี ที่ถักทอ ก่อความฝัน
มีเมียสอง ลูกเจ็ด เป็นพยาน ร่วมกันสาน ถักทอ ก่อสร้างตัว
ลูกทุกคน เรียนจบ พบคนรัก ล้วนหนีจาก พ่อแม่ไป ได้เมียผัว
เริ่มชีวิต ก่อร่าง สร้างครอบครัว ตามใจตัว ของลูก ด้วยผูกพัน
พ่อมีแต่ ให้ความรู้ ให้ความรัก อยู่เป็นหลัก ชี้ทาง ร่วมสร้างฝัน
คอยประครอง ปกป้องลูก ด้วยผูกพัน ต่อเติมฝัน ให้เป็นจริง ทุกสิ่งอัน
พระคุณพ่อ ยิ่งใหญ่ กว่าท้องฟ้า มีปัญหา พ่อแก้ให้ ได้ดั่งฝัน
พ่อคือพระ ในใจลูก เมียผูกพัน เป็นมิ่งขวัญ เปี่ยมจิต มิตรไมตรี
มาบัดนี้ พ่อจาก ลูกเมียแล้ว ไร้วี่แวว พ่อไปแคว้น แดนสุขี
เหลือเพียงรอย รักอาลัย มิตรไมตรี รอยความดี ที่พ่อฝาก ก่อนจากไป
จึงกราบก้ม ประณมกร วอนขอโทษ ที่เคยโกรธ เคืองใด ให้สลาย
ให้ความรัก คงมั่น ไม่เสื่อมคลาย ให้ความตาย เป็นเพียงพราก จากกันนาน
ขอคุณพ่อ จงไปดี มีความสุข พ้นจากทุกข์ ทั้งหลาย ได้ดั่งฝัน
อยู่เป็นสุข บนสวรรค์ ชั้นวิมาน ตราบนิรัน ฟ้าสิ้น ดินมลาย
ด้วยความรักและอาลัยยิ่ง
จาก….แม่บง ลูกหลานและญาติพี่น้องทุกคน
พิธีกร…… ต่อไปเป็นการทอดผ้าไตรบังสุกุลและผ้ามหาบังสุกุลบนเมรุ งานนี้เจ้าภาพมีศรัทธามากเป็นพิเศษ ได้เตรียมผ้าไตรบังสุกุลจำนวน ……ชุดและผ้ามหาบังสุกุลจำนวน 1 ชุดไว้สำหรับถวายพระคุณเจ้า เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่คุณพ่อสวง กะนะหาวงศ์
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณ………………………………………………..ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 1 และกราบนิมนต์พระอาจารย์……………….. เป็นผู้พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ และเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านหันหน้าไปทางเมรุ ประณมมือร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณ………………………………………………..ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 2 และกราบนิมนต์พระอาจารย์………………………………… เป็นผู้พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณ………………………………………………..ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 3 และกราบนิมนต์พระอาจารย์………………………………… เป็นผู้พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญคุณ………………………………………………..ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้ามหาบังสุกุล และกราบนิมนต์อาจารย์………………………………… เป็นผู้พิจารณาผ้ามหาบังบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ และเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านประณมมือร่วมอนุโมทนาบุญ ตั้งอธิษฐานส่งดวงวิญญาณคุณพ่อสวง กะนะหาวงศ์ ไปสู่สุคติด้วยกันครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร….ลำดับสุดท้ายเป็นการวางดอกไม้จันทน์
ขอกราบนิมนต์พระคุณเจ้าทุกรูปได้โปรดวางดอกไม้จันทน์เพื่อเป็นการโปรดคุณโยมสวง กะนะหาวงศ์ ไปสู่สุคติด้วยครับ …….-ขอกราบนิมนต์ครับ
และขอเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมวางดอกไม้จันทน์ เพื่อเป็นการไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณคุณพ่อสวง กะนะหาวงศ์ ไปสู่สุคติเป็นครั้งสุดท้ายด้วยครับ ขอเรียนเชิญทุกท่านครับ
(ขณะทุกคนกำลังเข้าแถววางดอกไม้จันทน์)
พิธีกรอ่านกลอนต่อไปนี้
…………………………………..
ยามมาเกิด เราก็มา แต่ตัวเปล่า
ใครบ้างเล่า ใส่เสื้อผ้า มาเกิดบ้าง
เกิดมาแล้ว หาทรัพย์สิน จนวายวาง
ได้มากบ้าง น้อยบ้าง ต่างกันไป
แต่เมื่อตาย วายวาง สังขารแล้ว
คนมีแก้ว แหวนทอง เงินกองใหญ่
กับคนจน ยากไร้ ไม่มีอะไร
ต่างก็ไป ตัวเปล่า เท่าเทียมกัน
เงินเหรียญบาท ที่อมไว้ คราตายนั้น
พวกลูกหลาน ยังเอาคืน เป็นเงินขวัญ
ตายไปแล้ว หมดสิ้น ทุกสิ่งอัน
เหลือผูกพัน เพียงบุญกรรม ที่ทำมา
ว่าจะส่ง วิญญาณเรา ไปไหนบ้าง
ส่งไปเกิด เป็นลิงค่าง อนาถา
ส่งไปเกิด เป็นนาคครุฑ เทวดา
หรือส่งมา เกิดหล่อสวย รวยเงินทอง
หรือส่งไป รับใช้ ในนรก
ถูกสับโขลก ใช้งาน สยดสยอง
ให้ถีบสัตว์ นรกลง กระทะทอง
หรือถูกถอง ถีบลง กระทะเอง
หากกรรมดี เราทำ เอาไว้มาก
ไม่ยุ่งยาก เพราะกรรมดี มีชื่อเสียง
ยมทูต จดไว้ ไม่ลำเอียง
เมื่อเราเพียง ขาดใจ ก็ไปดี
ได้ไปสู่ สรวงสวรรค์ บนชั้นฟ้า
เป็นเทวา เสวยสุข เกษมศรี
เพราะกุศล ผลบุญ คุณความดี
ดลให้มี เป็นได้ ดั่งใจเรา
ถ้าเราทำ กรรมดี ทีละน้อย
ทำบ่อยบ่อย จะสดชื่น ไม่อับเฉา
เพราะผลกรรม นำลิขิต ชีวิตเรา
กรรมคือเงา ติดตามตน จนวันตาย
กรรมจะตาม เราไป ไม่ลดละ
ไม่ว่าจะ ไปแห่งหน ตำบลไหน
จะไปอยู่ อาณาเขต ประเทศใด
กรรมจะไป เกาะประชิด เฝ้าติดตาม
จะกี่ภพ กี่ชาติ กี่ศัตวรรษ
กรรมจะมัด เราไว้ ให้แบกหาม
ถ้ากรรมดี เกาะประชิด เฝ้าติดตาม
จะแห่หาม ส่งเราไป ให้ได้ดี
ถ้ากรรมชั่ว ตามทัน ผูกพันไว้
เรื่องเลวร้าย จะรุมรุก ทุกวิถี
จะยืนเดิน นอนนั่ง ยังราวี
รุมต่อยตี ให้ลำบาก ทุกข์ยากจน
ทำกรรมดี เอาไว้ให้ ตัวเองบ้าง
ด้วยการสร้าง สะสมทุน บุญกุศล
เพราะผลกรรม นำลิขิต ชีวิตคน
ที่หมุนวน เวียนว่าย ตายเกิดตาย
…………………………………..
พิธีกรกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานขณะวางดอกไม้จันทน์
กราบเรียน ท่านผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
การจัดงานฌาปนกิจศพคุณพ่อสวง กะนะหาวงศ์ สำเร็จลงด้วยความเรียบร้อยด้วยดี เนื่องจากได้รับความความร่วมแรงร่วมใจจากท่านผู้มีเกียรติ ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งบ้านใกล้บ้านไกล ซึ่งต่างเดินทางมาร่วมงานทั้งที่บ้าน และที่วัดแห่งนี้ด้วยความรักและความอาลัย กระผมในนามเจ้าภาพขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงยิ่งไว้ ณ โอกาสนี้ …ขอบพระคุณคณะแพทย์และพยาบาลทุกท่านทั้งจากโรงพยาบาลเจริญศิลป์ โรงพยาบาลสกลนคร และโรงพยาบาลศรีนัครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ที่กรุณารักษาพยาบาลคุณพ่อสวง กะนะหาวงศ์ อย่างสุดความสามารถและดีที่สุด ขอบพระคุณ……………………………….ที่กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานทอดผ้ามหาบังสุกุล ขอบพระคุณคณะแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลเจริญศิลป์ทุกท่านที่กรุณามาร่วมไว้อาลัย ขอบพระคุณสมาชิกสภาเทศบาลตำบลเจริญศิลป์ทุกท่าน ข้าราชการ ลูกจ้างสำนักงานเทศบาลตำบลเจริญศิลป์ทุกท่าน ขอบพระคุณคณะครูอาจารย์โรงเรียนอนุบาลเจริญศิลป์และคณะแม่บ้านบ้านเจริญศิลป์ทุกท่านที่กรุณาช่วยจัดหาพวงหรีด และจัดดอกไม้ประดับตกแต่งหีบศพให้สวยงามรวมทั้งมาร่วมงานในวันนี้ …ขอบพระคุณแม่ครัวทุกท่านที่กรุณาจัดอาหารและเครื่องดื่มบริการแขกผู้มีเกียรติจนเสร็จงาน ขาดตกบกพร่องประการใด ในนามเจ้าภาพขอกราบอภัยเป็นอย่างมากไว้ ณ โอกาสนี้
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมีหลวงพ่อองค์ดำ เป็นต้น ตลอดถึงคุณความดีที่เราทั้งหลายได้มาร่วมกระทำบำเพ็ญในวันนี้ ได้โปรดดลบันดาลให้ทุกท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป เทอญ
สวัสดีครับ
พิธีกร(คอยดูเวลาที่เหมาะสมก่อนจะใช้ข้อความนี้)…เจ้าภาพโปรยทานหว่านของที่ระลึกได้เลยครับ
ถ้าแขกมากันมาก เพื่อให้เหมาะสมแก่เวลา พิธีกรอาจจะขอบคุณและอวยพรแขกด้วยกลอนสุภาพส่งท้ายต่อไปนี้อีกครั้งก็ได้
พิธีกร….
ขอขอบคุณ ทุกท่าน ที่เคารพ
มางานศพ เผาพ่อใหญ่ ในวันนี้
ขอขอบคุณ ทุกน้ำ้ใจ ทุกไมตรี
ไม่รู้ที่ หาสิ่งมอบ ตอบแทนคุณ
จึงเรียงร้อย ถ้อยคำ ด้วยสำนึก
น้อมระลึก คุณความดี ที่เกื้อหนุน
กราบวิงวอน คุณพระป้อง ประทานคุณ
โปรดอวยหนุน ให้ทุกท่าน เบิกบานใจ
ให้อยู่ดี มีสุข ไม่ทุกข์ร้อน
นั่งกินนอน สุขสม อารมณ์หมาย
ได้มีเป็น เช่นที่หวัง ทุกอย่างไป
แสนสบาย หล่อสวยใส ดั่งวัยทีน
ให้มีเงิน เต็มห้อง ทองเต็มบ้าน
ทุกคืนวัน หล่อสวย รวยทรัพย์สิน
เกียรติปรากฎ ก้องหล้า คู่ฟ้าดิน
ประสบสิน ภิญโญสุข ทุกท่านเทอญ
สวัสดีครับ
หรือขอบคุณแขกด้วยกลอนอีสานต่อไปนี้…..
ขอบพระคุณทุกท่าน ที่มางานเผาพ่อใหญ่
ทั้งบ้านเหนือบ้านใต้ ทั้งไกลใกล้ที่หลั่งมา
สุดสิหาคำเว้า เอามากล่าวได้ทั้งเมิด
ได้แต่เพียงกลั่นกรอง จากใจเอามาเว้า
ขอบพระคุณหมู่เจ้า หลายหลายอีกล้านเทือ
เผาพ่อใหญ่แล้วเมือให่เจ้าได้ สมใจเจ้าปรารถนา
การงานให้ก้าวหน่า การเงินกะให่คล่อง
การทองกะให่ได้ การบ้านให่มวนมัน
การอันใด๋กะให่ได้ สมดังมะโนหมาย
สุขสำบายปานพระยา อยู่ดีอย่ามีฮ้อน
ให่ได้พรพระอินทร์เจ้า ร้อยซาวปีบ่เถ่าบ่แก่
ดูแลกันคืออ้ายน้อง ฮักแพงมั่นบ่หน่ายกัน
ให่สุขสันต์ซาบซ่า สารพันมวนซืน
อายุยืนฮอดร้อย ห่าสิบปีถ่วนคู่สู่คน เด้อ พี่น้องเอย
……………………………………………………………………………………………
ตัวอย่างที่ 4
สคริปต์พิธีกรงานฌาปนกิจศพ หลวงตาหนูสิน ฉันทะสีโล
………………………………………………………………………………
เกริ่นนำก่อนเริ่มพิธี
พิธีกรเลือกอ่านบทกลอนต่อไปนี้ตามเหมาะสมแก่เวลา….
โคลง…
พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนเสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
……………
ผญา…
อันว่างัวควายช้าง วางขันธ์มรณาต
ยังมีเขางากระดูกเนื้อ เหลือไว้ฝากคน
สกนธ์กายคนนี้ ยามตายสูญเปล่า แท้นา
เหลือแต่ดีชั่วฮ้าย เอาไว้ฝากคน พี่น้องเอย
กลอน….
อันคำสั่ง มัจจุราช เด็ดขาดแท้ ไม่อาจแก้ เปลี่ยนแปร ไปทางไหน
ถึงเวลา มารับ ก็ต้องไป จะเป็นใคร ใหญ่แค่ไหน ไม่สำคัญ
ถึงร้องไห้ วิงวอน ออดอ้อนขอ ไม่รีรอ ถึงวอนขอ ก็ไม่ให้
ขอสั่งเสีย ญาติพี่น้อง ก่อนจากไป ให้ไม่ได้ จะเป็นใคร ต้องทำตาม
สิ่งที่ทำ ลงไป นั้นได้แน่ ดีหรือแย่ มันเที่ยงแท้ ไม่ต้องถาม
จะติดตาม ตัวไป ในทุกยาม อีกกี่ปี ก็ตาม หมั่นทำดี
กลอน…….
เจ้าเกิดมา มีอะไร มากับเจ้า ไยมัวเมา โลภลาภ ทำบาปใหญ่
เมื่อเจ้าตาย เจ้าไม่ได้ อะไรไป เจ้าก็ไป ตัวเปล่า เหมือนเจ้ามา
กลอน…….
ยามมาเกิด เราก็มา แต่ตัวเปล่า ใครบ้างเล่า ใส่เสื้อผ้า มาเกิดบ้าง
เกิดมาแล้ว หาทรัพย์สิน จนวายวาง ได้มากบ้าง น้อยบ้าง ต่างกันไป
แต่เมื่อตาย วายวาง สังขารแล้ว คนมีแก้ว แหวนทอง เงินกองใหญ่
กับคนจน ยากไร้ ไม่มีอะไร ต่างก็ไป ตัวเปล่า เท่าเทียมกัน
เงินเหรียญบาท ที่อมไว้ คราตายนั้น พวกลูกหลาน ยังเอาคืน เป็นเงินขวัญ
ตายไปแล้ว หมดสิ้น ทุกสิ่งอัน เหลือผูกพัน เพียงบุญกรรม ที่ทำมา
ว่าจะส่ง วิญญาณเรา ไปไหนบ้าง ส่งไปเกิด เป็นลิงค่าง อนาถา
ส่งไปเกิด เป็นนาคครุฑ เทวดา หรือส่งมา เกิดหล่อสวย รวยเงินทอง
หรือส่งไป รับใช้ ในนรก ถูกสับโขลก ใช้งาน สยดสยอง
ให้ถีบสัตว์ นรกลง กระทะทอง หรือถูกถอง ถีบลง กระทะเอง
หากกรรมดี เราทำ เอาไว้มาก ไม่ยุ่งยาก เพราะกรรมดี มีชื่อเสียง
ยมทูต จดไว้ ไม่ลำเอียง เมื่อเราเพียง ขาดใจ ก็ไปดี
ได้ไปสู่ สรวงสวรรค์ บนชั้นฟ้า เป็นเทวา เสวยสุข เกษมศรี
เพราะกุศล ผลบุญ คุณความดี ดลให้มี เป็นได้ ดั่งใจเรา
ถ้าเราทำ กรรมดี ทีละน้อย ทำบ่อยบ่อย จะสดชื่น ไม่อับเฉา
เพราะผลกรรม นำลิขิต ชีวิตเรา กรรมคือเงา ติดตามตน จนวันตาย
กรรมจะตาม เราไป ไม่ลดละ ไม่ว่าจะ ไปแห่งหน ตำบลไหน
จะไปอยู่ อาณาเขต ประเทศใด กรรมจะไป เกาะประชิด เฝ้าติดตาม
จะกี่ภพ กี่ชาติ กี่ศัตวรรษ กรรมจะมัด เราไว้ ให้แบกหาม
ถ้ากรรมดี เกาะประชิด เฝ้าติดตาม จะแห่หาม ส่งเราไป ให้ได้ดี
ถ้ากรรมชั่ว ตามทัน ผูกพันไว้ เรื่องเลวร้าย จะรุมรุก ทุกวิถี
จะยืนเดิน นอนนั่ง ยังราวี รุมต่อยตี ให้ลำบาก ทุกข์ยากจน
ทำกรรมดี เอาไว้ให้ ตัวเองบ้าง ด้วยการสร้าง สะสมทุน บุญกุศล
เพราะผลกรรม นำลิขิต ชีวิตคน ที่หมุนวน เวียนว่าย ตายเกิดตาย
…………………………
เข้าสู่พิธีการ
พิธีกร : นมัสการ………………………… ประธานฝ่ายสงฆ์ และพระคุณเจ้าที่เคารพอย่างสูง
เรียน ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร นายอำเภอวานรนิวาส ประธานฝ่ายฆราวาสและแขกผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
กระผม…………………………………..ตำแหน่ง………………… ได้รับฉันทานุมัติจากเจ้าภาพให้ทำหน้าที่พิธีกรงานฌาปนกิจศพหลวงตาหนูสิน หรือ พระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโล (ศรีมงคล)ก่อนอื่นกระผมขอแจ้งกำหนดงานฌาปนกิจศพให้ท่านที่เคารพได้รับทราบร่วมกันดังนี้
บัดนี้ ทุกอย่างพร้อมแล้ว ขอเรียนเชิญคุณพ่อ…………………………. มรรคนายกเป็นผู้นำด้านศาสนพิธีต่อไป ขอเรียนเชิญครับ
หลังจากพระสงฆ์สวดมาติกาจบ
พิธีกร : ขอเรียนเชิญญาติพี่น้องนำผ้าบังสุกุลไปทอดถวายแด่พระสงฆ์ในพิธี ถวายให้ครบทุกรูปนะครับ (อาจจะระบุชื่อให้ไปถวายก็ได้แล้วแต่เจ้าภาพจะเห็นสมควร)
หลังจากญาติพี่น้องวางผ้าบังสุกุลต่อหน้าพระสงฆ์เรียบร้อยแล้ว พระสงฆ์พิจารณาชักผ้าบังสุกุล ….อนิจจา วะตะ สังขารา ฯลฯ จบแล้ว
พิธีกร : ขอเรียนเชิญทุกท่านประนมมือร่วมพิธี กรวดน้ำรับพรครับ
….(จบแล้ว)
พิธีกร…ลำดับต่อไปเป็นการนำเรียนประวัติพระอาจารย์ผู้ถึงแก่มรณภาพ งานนี้เจ้าภาพได้รับเกียรติจาก……………………………………….เป็นผู้อ่านประวัติและ…………….เป็นผู้อ่านบทกลอนไว้อาลัยอาลัย ….ขอเรียนเชิญครับ
ผู้อ่านประวัติ…..นมัสการพระคุณเจ้า ที่เคารพอย่างสูง เรียน……………………………….. และแขกผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
กระผม…………………………………………….. ได้รับฉันทานุมัติจากเจ้าภาพให้เป็นผู้นำเรียนประวัติของพระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโล(ศรีมงคล) โดยสังเขป เพื่อเป็นเกียรติและเป็นอนุสรณ์แก่พระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโล (ศรีมงคล)ผู้ถึงแก่มรณภาพ
ประวัติโดยสังเขป
ชาติกำเนิด
ชื่อ หนูสิน นามสกุล ศรีมงคล เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2490 ตรงกับวันอังคาร แรม 10 ค่ำเดือน 5 ปีกุน บิดาชื่อ เปรี่ยม ศรีมงคล มารดาชื่อ ปุ่น ศรีมงคล(สกุลเดิม คุณมี) มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 12 คนดังนี้
10.นายประเทศ ศรีมงคล เกษียณอายุราชการแล้ว ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัวที่กรุงเทพมหานคร
11.นายอำนวย ศรีมงคล ประกอบอาชีพนักการภารโรงที่โรงเรียนวัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร
ประวัติการศึกษา
พ.ศ. 2503 เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 ที่โรงเรียนทุ่งมนสมานมิตร บ้านทุ่งมน ตำบลทุ่งแก อำเภอสว่างแดนดิน(ปัจจุบันเป็นอำเภอเจริญศิลป์) จังหวัดสกลนคร
16 เมษายน พ.ศ. 2512 อายุครบ 22 ปี ได้เข้าบรรพชาและอุปสมบทที่วัดศรีสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ได้รับฉายาว่า ฉันทะสีโล แปลว่าผู้มีความพอใจในศีล
พ.ศ. 2512 และ พ.ศ. 2513 สอบได้นักธรรมชั้นตรี และนักธรรมชั้นโท ตามลำดับที่สำนักเรียนวัดทุ่งสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
พ.ศ. 2514 สอบได้นักธรรมชั้นเอกที่สำนักเรียนวัดคามวาสี บ้านหนองดินดำ ตำบลตาลโกน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
พ.ศ. 2515 – 2519 จำพรรษาที่วัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร เพื่อศึกษาและปฏิบัติกรรมฐานจากหลวงพ่อวิริยังค์เป็นเวลานานถึง 14 ปี หลังออกพรรษาทุกปีได้กราบลาหลวงพ่อวิริยังค์กลับบ้านที่สกลนครเพื่อสนทนาธรรม และขอคำชี้แนะข้อวัตรปฏิบัติจากหลวงปู่ตามวัดต่าง ๆ เช่น หลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี วัดหินหมากเป้ง หลวงปู่เหรียญ หลวงปู่พา วัดป่าพระสถิต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย เป็นต้น
พ.ศ. 2516 สอบได้มัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่วิทยาลัยสงฆ์กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2518 ได้ช่วยงานหลวงพ่อวิริยังค์ สร้างมหาเจดีย์ที่วัดธรรมมงคลจนสำเร็จ
พ.ศ. 2521 -2526 ได้รับแต่งตั้งเป็นครูสอนปริยัติธรรมที่วัดธรรมมงคล ทำให้ได้สอนได้ถ่ายทอดวิชาความรู้เรื่องธรรมและวินัยแก่พระเณร ขณะเดียวกันก็ได้ทบทวนทำความเข้าใจหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างจริงจัง ปีนี้สอบเทียบวิชาชุดครู พ.ก.ศ. ได้ 4 ชุด
พ.ศ. 2527 จำพรรษาที่สำนักสงฆ์ภูก้อน ได้ชักชวนชาวบ้านบุกเบิกป่าสัมปทานป่าสงวนแห่งชาติ ปส. 20 เพื่อสร้างวัดโดยมีคุณนายปิยะวรรณ วรวรรณ เป็นเจ้าภาพใหญ่ สร้างเสร็จแล้วได้ทำเรื่องขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมาเป็นวัดที่สมบูรณ์ ชื่อวัดป่าภูก้อน คณะสงฆ์ได้แต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าภูก้อน และเป็นเจ้าคณะตำบลนายูง – น้ำโสม
พ.ศ. 2536 เข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลังทับเส้นประสาททำให้สุขภาพไม่ดี จึงได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบล ธุดงค์ไปจำพรรษาที่วัดป่าภูเพาะ บ้านโพนแพง ตำบลกกปลาซิว อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร
พ.ศ. 2537 -2562 อยู่จำพรรษาปฏิบัติกรรมฐานที่วัดป่าวังน้ำเย็น บ้านวังน้ำเย็น ตำบลธาตุ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร สั่งสอนอบรมญาติโยมให้เข้าวัดฝึกสมาธิ ปฏิบัติกรรมฐานตามแนวทางของหลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล และร่วมมือกับผู้นำชุมชนและชาวบ้านวังน้ำเย็นก่อสร้างกุฏิ โรงฉัน ศาลาการเปรียญ และจัดหาให้มีไฟฟ้า น้ำประปา ปรับภูมิทัศน์ให้สะอาด สงบ ร่มรื่น สวยงาม เป็นระเบียบ เหมาะแก่การพักอาศัยเพื่อปฏิบัติธรรม
วาระสุดท้าย
พระอาจารย์หนูสินป่วยด้วยโรคสี่สหายคือ ความดัน หัวใจ ต่อมลูกหมากโต และโรคมะเร็ง ญาติโยมพาไปเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลแทบทุกแห่งที่ได้ข่าวว่ามีหมอดีหมอเก่ง อาการมีแต่ทรงกับทรุด แต่พระอาจารย์เป็นคนเข้มแข็ง ไม่เคยปริปากบ่นให้ใครฟัง ยังคงปฏิบัติศาสนกิจออกเดินบิณฑบาตทุกเช้า แม้จะมีญาติโยมปวารณาว่า ท่านไม่ต้องไปบิณฑบาตก็ได้ โยมจะนำจังหันมาถวายท่านเอง ท่านตอบขอบใจ และว่าการออกเดินบิณฑบาตเป็นกิจของสงฆ์ ถ้าไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่ติดภารกิจนิมนต์ ไม่เกิดน้ำท่วมหรือพายุลมแรง ท่านต้องไปบิณฑบาตทุกเช้า ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ท่านเริ่มอาพาธหนักขึ้น ญาติพี่น้องลูกหลานบ้านเจริญศิลป์ต้องผลัดเปลี่ยนเวรกันไปนอนเฝ้าไข้ที่วัดทุกคืน คุณหมอที่ตรวจร่างกายท่านแจ้งว่า ขณะนี้เชื้อมะเร็งได้กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว ท่านคิดว่าคงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน จึงรีบดำเนินการใน 3 เรื่องคือ
1.ให้นำเงินของวัดทุกบัญชีมาใช้จ่ายในการก่อสร้างศาลาการเปรียญ และฝากศาลาการเปรียญที่กำลังก่อสร้างให้ญาติโยมช่วยกันสร้างต่อไปให้เสร็จ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของภิกษุสามเณรและอุบาสกอุสิกา
อาทิตย์สุดท้ายก่อนมรณภาพ ท่านมีร่างกายซูบผอม อ่อนเพลีย ไม่สามารถเดินไกลได้ จึงต้องพักอยู่ที่กุฏิโดยมีญาติพี่น้องลูกหลานผลัดเปลี่ยนกันไปกางเต้นนอนเฝ้าไข้ที่ลานวัดทุกคืน ต่อมาวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ท่านอาพาธหนักมาก ญาติโยมที่เฝ้าไข้จึงพาส่งโรงพยาบาลเจริญศิลป์ แพทย์และพยาบาลได้ช่วยกันรักษาอย่างเต็มที่ แต่อาการไม่ดีขึ้น และก่อนที่ท่านจะถึงแก่มรณภาพได้ฝากขอบใจครอบครัวคุณโยมวิเชียร –อารีรัตน์ คำภูแสน ซึ่งอุปัฏฐากส่งจังหันทุกเช้า ดูแลความเป็นอยู่ทุกอย่าง ขับรถพาท่านไปส่งโรงพยาบาลตลอดมา และนอนเฝ้าไข้ทุกคืน
พระอาจารย์หนูสินได้ถึงแก่มรณภาพอย่างสงบเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 1 นาฬิกา 1 นาที สิริอายุได้ 72 ปี ยังความเศร้าโศกเสียใจ ให้เกิดแก่พระสงฆ์สามเณรทุกรูปและญาติโยมทุกคนเป็นอย่างยิ่ง
อกุศลกรรมใด ที่เป็นกรรมไม่ดี ซึ่งพระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโล(ศรีมงคล) ได้ล่วงเกินท่านทั้งหลายเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งโดยเจตนาและไม่ได้เจตนา ขอท่านทั้งหลายได้โปรดอโหสิกรรมนั้นแก่พระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโล(ศรีมงคล) ด้วย เทอญ
กุศลกรรมใดที่เป็นคุณงามความดีที่พระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโลได้ทำไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ขอได้โปรดดลบันดาล ให้ดวงวิญญาณของพระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโลไปสู่สุคติ ในสัมปรายภพด้วยเทอญ
ขอเรียนเชิญทุกท่านยืนนั่งตามอัธยาศัย ตั้งใจสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณพระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโล ไปสู่สุคติในสัมปรายภพเป็นครั้งสุดท้าย ขอกราบเรียนเชิญครับ
(ครบ 1 นาที อ่านบทกลอนไว้อาลัยหลวงตา)
อาลัยหลวงตา
เจ็ดสิบสอง ปีที่ พระรูปหนึ่ง เกิดซาบซึ้ง ในหลักธรรม คำสั่งสอน
บวชเป็นสงฆ์ ทรงศีล จากถิ่นจร สู่กรุงเทพ มหานคร กระฉ่อนงาม
มุ่งเป็นศิษย์ หลวงพ่อ ผู้ก่อเกิด วิชาเลิศ พลังจิต แห่งสยาม
หลวงพ่อชื่อ วิริยังค์ ผู้ลือนาม ทุกเขตคาม นับถือ ระบือไกล
หลวงตาเรียน จบแล้ว กลับคืนวัด ฝึกปฏิบัติ อบรม บ่มนิสัย
มุ่งเผยแผ่ หลักธรรม อันอำไพ ให้ญาติโยม ทั้งหลาย ได้รู้กัน
หลายสิบปี ที่วิเวก อยู่วัดป่า นามวัดว่า วังน้ำเย็น เห็นในฝัน
สมาธิ ฝึกจิต พิชิตมาร เห็นนิพพาน อยู่ใกล้ แค่ปลายมือ
มาบัดนี้ หลวงตา มรณะแล้ว เหมือนดวงแก้ว ส่องใจ ให้ยึดถือ
ลอยละล่อง ส่องฟ้า หลุดจากมือ ไม่อาจยื้อ ยุดไว้ ดั่งใจเรา
เหลือเพียงหยด น้ำตา อาลัยรัก เอ่อล้นจาก ดวงใจ อาลัยเหงา
จากวันนี้ ไม่มีท่าน อยู่กับเรา ทุกคนเศร้า สุดฝืน กลืนน้ำตา
จึงกราบก้ม ประณมกร วิงวอนฟ้า เทพเทวา บนสวรรค์ แดนหรรษา
ทราบข่าวแล้ว โปรดมารับ เอาหลวงตา พาสู่ชั้น วิมานฟ้า พระนิพพาน
ญาติโยมอยู่ ข้างหลัง ขอตั้งจิต น้อมอุทิศ กุศลไป ให้ไพศาล
ถึงหลวงตา ผู้พลัดพราก จากเมื่อวาน ให้พบพาน แต่ความสุข ทุกคืนวัน
ถ้าตกทุกข์ ขอให้พ้น จากความทุกข์ ได้ถึงสุข ปรีดิ์เปรม เกษมสันต์
มีสุขแล้ว สุขยิ่งขึ้น ทุกคืนวัน ถึงนิพพาน บรมสุข หมดทุกข์เทอญ
ด้วยความเคารพรักและอาลัยยิ่ง
จากพระสงฆ์สามเณร ญาติโยม ลูกหลาน และญาติพี่น้องทุกคน
พิธีกร…… ลำดับต่อไปเป็นการทอดผ้าไตรบังสุกุลบนเมรุ (อ่านว่า..เมน)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญ…………………… ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 1 และกราบนิมนต์…………………………………… เป็นผู้พิจารณาชักผ้าไตรบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ ครับ และเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านหันหน้าไปทางเมรุ ประณมมือร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันนะครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญ…………………………….. ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 2 และกราบนิมนต์…………………………… เป็นผู้พิจารณาชักผ้าไตรบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญ…………………………….. ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดที่ 3 และกราบนิมนต์…………………………… เป็นผู้พิจารณาชักผ้าไตรบังสุกุล ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร……ขอเรียนเชิญว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร นายอำเภอวานรนิวาส ประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส ให้เกียรติเป็นผู้ทอดผ้าไตรบังสุกุลชุดใหญ่เป็นชุดสุดท้าย และกราบนิมนต์………………………………………………….ประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ เป็นผู้พิจารณา ขอเรียนเชิญ และขอกราบนิมนต์ครับ และเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านประนมมือร่วมอนุโมทนาบุญ ตั้งจิตอธิษฐานส่งดวงวิญญาณพระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโล ไปสู่สุคติด้วยกันครับ
(เสร็จแล้ว)
พิธีกร….ลำดับสุดท้ายเป็นการวางดอกไม้จันทน์
ขอนิมนต์พระคุณเจ้าทุกรูปได้โปรดขึ้นวางดอกไม้จันทน์เพื่อเป็นการโปรดพระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโลไปสู่สุคติด้วยครับ …….-ขอกราบนิมนต์ครับและขอเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมวางดอกไม้จันทน์ เพื่อเป็นการไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณพระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโล ไปสู่สคติเป็นครั้งสุดท้ายครับ
พิธีกร…. ลำดับสุดท้าย เชิญทีมงานเจ้าภาพโปรยทานหว่านของที่ระลึกครับผม โปรยให้ทั่ว หว่านให้ถึงนะครับ พวกเราเก็บเอาไปเป็นเงินขวัญถุงคนละอันสองอัน ใครเก็บได้มากก็แบ่งปันกันนะครับ ใครเก็บไม่ทันเดี๋ยวเพื่อนก็แบ่งให้ ถ้าเพื่อนไม่แบ่งให้เดี๋ยวเพื่อนก็หำโปงครับพี่น้องครับ
(ขณะกำลังหว่านโปรยทาน)
พิธีกรหรือ ผู้ใหญ่บุญช่วย ศรีมงคล (น้องชาย) กล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานขณะวางดอกไม้จันทน์ (ปรับใช้ตามเหมาะสม)
นมัสการ พระคุณเจ้า ที่เคารพอย่างสูง เรียน แขกผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน
การจัดงานฌาปนกิจศพพระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโล สำเร็จลงด้วยความเรียบร้อยด้วยดี เนื่องจากได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากพระคุณเจ้า ท่านผู้มีเกียรติ ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย ทั้งบ้านใกล้บ้านไกล ซึ่งต่างเดินทางมาร่วมงานที่วัดแห่งนี้ด้วยความรักและศรัทธาอาลัย กระผม นายบุญช่วย ศรีมงคล ผู้ใหญ่บ้านบ้านเจริญศิลป์ หมู่ที่ 12 ซึ่งเป็นน้องชายพระอาจารย์หนูสิน ในนามเจ้าภาพรู้สึกดีใจและปลื้มใจมากที่สุด ที่ได้เห็นท่านทั้งหลายมาร่วมไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณพระอาจารย์หนูสินไปสู่สุคติอย่างอบอุ่น ไม่มีอะไรจะมอบให้ท่านเป็นการตอบแทนนอกจากคำขอบคุณ
ขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระ………………………..เจ้าคณะ………………………………ที่กรุณามาเป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ในงานฌาปนกิจศพพระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโล ครั้งนี้เป็นอย่างสูงยิ่ง
ขอบพระคุณ ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร นายอำเภอวานรนิวาส ประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส ที่กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานทอดไตรบังสุกุล
ขอบพระคุณคณะแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลเจริญศิลป์ โรงพยาบาลสกลนครและสถานพยาบาลทุกแห่ง ที่กรุณาดูแลรักษาพระอาจารย์หนูสิน ฉันทะสีโล จนสุดความสามารถ แม้สุดท้ายไม่อาจยื้อชีวิตพระอาจารย์หนูสิน เอาไว้ได้ แต่เป็นความประทับใจที่ชาวบ้านญาติโยมลูกหลานของพระอาจารย์หนูสิน จะจดจำไม่มีวันลืม
ขอกราบขอบพระคุณพระคุณเจ้าทุกรูป และผู้มีส่วนร่วมในการสร้างเมรุชั่วคราวทุกท่าน ที่ช่วยกันก่อสร้างเมรุชั่วคาวเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดงานครั้งนี้จนเสร็จเรียบร้อย
กราบขอบพระคุณพระคุณเจ้า แม่ชีทุกท่าน และชาวบ้านทุกคนที่กรุณาสละเวลามาช่วยงาน ประดับตกแต่งเมรุชั่วคราวให้เป็นระเบียบ สวยงาม ร่วมทำบุญและอยู่ร่วมงานฌาปนกิจศพหลวงตาหนูสินในครั้งนี้
ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาสมัคร หน่วยกู้ชีพกู้ภัยที่ช่วยกันดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดงาน
ขอบคุณแม่ครัวทุกท่านที่กรุณาจัดอาหารถวายพระคุณเจ้า จัดบริการอาหารและเครื่องดื่มบริการแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมทำบุญครั้งนี้จนเสร็จงาน
ขาดตกบกพร่องประการใด ต้องขอกราบอภัยเป็นอย่างมากไว้ ณ โอกาสนี้
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ตลอดถึงคุณความดีที่เราทั้งหลายได้มาร่วมคิดร่วมทำในครั้งนี้ ได้โปรดดลบันดาลให้ทุกท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป เทอญ
สวัสดีครับ
6 Comments
เป็นพิธีกรงานศพด้วยความจำเป็นครับ เพราะพิธีกรตัวจริงเขาติดงานใหญ่ หรือญาติๆกันเองไหว้วานให้ช่วย ตอนนี้ก็ผ่านมาประมาณ 30 กว่างานแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าตนเองยังไม่มั่นใจ ไม่แม่น ขออนุญาตนำสคริปต์ และบทกลอนไปปรับใช้นะครับ
ขอให้ได้อานิสงส์ร่วมกันครับ
ครูแอ้ด คุรุชน ครับ
พ่อครูรู้สึกชื่นชมและอนุโมทนาบุญทุกครั้งที่เห็นพิธีกรรุ่นใหม่จับไมด์ทำหน้าที่เพื่อสาธารณะด้วยความมุ่งมั่น อันเป็นการสร้างสมบารมีของตนเองเพื่อชาตินี้และชาติหน้า ที่ขอพ่อครูอนุญาตด้วยความยินดียิ่งครับ ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จดั่งที่ตั้งใจนะครับ ขอบคุณที่ให้พ่อครูมีส่วนได้บุญด้วยกันนะครับ
สวัสดีครับ
ผมอยากได้กลอนที่ขึ้นต้นว่า
โอ๋ร่มโพธิ์ ใบหนา มาทิ้งต้น ใบร่วงหล่น ลงพื้น สอื้นให้
ผมจำได้แค่นี้ครับ ขอความเมตตาจากพ่อครูดอทคอม ครับ
ส่งมายังอีเมล์นี้ก็ได้ครับ
คุณพินิจ พินิจบรรจง ครับ
พ่อครูไม่ค่อยได้อ่านกลอนที่คนอื่นเขียนมากนัก และที่สำคัญคือไม่เคยเห็นกลอนบทนี้มาก่อนเลยในชีวิต บทกลอนขึ้นต้นได้ดีมากพ่อครูก็อยากได้อ่านจนจบเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าจะหาอ่านได้ที่ไหน จึงต้องขออภัยที่ไม่สามารถส่งบทกลอนที่เหลือให้คุณได้ครับ สวัสดีครับ
ຂ້ານອ້ຍເຄີຍເປັນມັຄຄະທາຍົກໃນບຸນມຸງຄຸນແລະອະມຸງຄຸນ . ຂໍອະນຸຍາດນຳໃຊ້ສຄຣິປພິທີກອນຊາປະນະ
ກິຈສົພຂອງພໍ່ຄຣູໄປຝຶກຮຽນ ຫລືເປັນແບບຢ່າງ ເພາະອາດຈະໄດ້ໃຊ້ໃຫ້ປໂຍດໃນພາຍຄັ້ງໜ້າ.
ຂໍໃຫ້ພໍ່ຄຣູຈົ່ງອະນຸໂມທນາສາທຸນຳຜູ້ຂ້າໃນມື້ນີ້ວັນນີ້ ແລະໃນອະນາຄົຕຕລອດກາລເທີ້ນ.
คุณอาวทิดไชย ครับ
พ่อครูฮู้สึกตื่นเต้นดีใจหลายที่อาวทิดไชยอ้ายน้องฝั่งลาว เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซด์พ่อครูดอทคอม และประสงค์สิเอาสคริปต์พิธีกรงานฌาปนกิจศพปรับแต่งใหม่ล่าสุดไปเป็นแนวทางในการฝึกฝนและใช้ประโยชน์ในภายภาคหน้า พ่อครูอนุญาตด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง อนุโมทนา เอาใจช่วยและอวยพรให้อาวทิดไซยประสบความสำเร็จในการเป็นพิธีกรตลอดกาลเด้อ
…………………..สำบายดี
…………………..พ่อครู