เขียนจากประสบการณ์และความเชื่อส่วนบุคคลครับพี่น้องครับ
ปกติข้าพเจ้าไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนแทบทุกคืน แต่มีบางช่วงบางตอนของชีวิตที่ข้าพเจ้าเกิดความสงสัยว่าไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนได้ประโยชน์อะไร ทำไมเราไม่นอนเลย ทำไมเราต้องเสียเวลานั่งกราบนั่งไหว้พระสวดมนต์แผ่เมตตาทุกคืนให้เหนื่อยแรง พระพุทธเจ้าก็ตายไปสองพันกว่าปีแล้วและอยู่ไกลถึงประเทศอินเดียซึ่งเราไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักท่านเป็นการส่วนตัว เคยเห็นแต่พระพุทธรูป ภาพและประวัติของท่านในหนังสือเท่านั้น ที่สำคัญท่านไม่ใช่ญาติพี่น้องของเรา พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็อยู่ในหนังสือกองอยู่ในตู้วัด ใจความในพระธรรมก็มีแต่สอนให้ปล่อยวาง ไม่หิ้วไม่หาบไม่หาม พระสงฆ์ก็อยู่ในกุฏิ อยู่ในวัด ตอนเช้าจึงจะเห็นท่านเดินเป็นแถวออกมารับอาหารบิณฑบาตรจากชาวบ้าน ส่วนสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ ซึ่งถ้ามีก็คงไม่รู้จักเรา เราเองก็ไม่รู้จักสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และท่านคงไม่มายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเราอย่างแน่นอน จึงทดลองเลิกไหว้พระสวดมนต์และแผ่เมตตาก่อนนอน แรก ๆ รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจเหมือนปล่อยวางสิ่งของหนัก ๆ ออกจากตัว ถึงเวลานอนก็เอนตัวลงบนที่นอนพอหัวถึงหมอนไม่นานก็หลับไปโดยไม่รู้สึกตัว ข้าพเจ้าทดลองเลิกไหว้พระสวดมนต์และแผ่เมตตาเป็นเวลาหลายปีด้วยความเข้าใจว่า การไปนิพพานนั้นจะต้องละทิ้งและปล่อยวางภาระ ธุระทั้งหมด ทำใจให้ว่างอย่างเดียว ไม่ยึดติด ไม่แบก ไม่หิ้ว ไม่หาบ ไม่หามสิ่งใดทั้งสิ้น การกราบไหว้ท่องบ่นสาธยายบทสวดมนต์และแผ่เมตตาเป็นภาระอย่างหนึ่ง จึงควรเลิกโดยเด็ดขาด ในระหว่างนั้นได้เกิดเหตุการณ์เขย่าขวัญสั่นประสาทแทบทุกคืนที่หลับฝันดังต่อไปนี้
แต่ละคืนที่หลับฝันข้าพเจ้าจะฝันวนเวียนอยู่อย่างนี้จนรู้สึกเป็นกังวลว่าอาจทำให้หัวใจวายตายก่อนวัยอันควร จึงกลับมาเริ่มต้นไหว้พระสวดมนต์และแผ่เมตตาก่อนนอนทุกคืนเหมือนเดิม ความฝันของข้าพเจ้าได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งแล้ว กล่าวคือบางคืนฝันบางคืนก็ไม่ฝัน แต่เป็นความฝันที่เกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์เท่านั้น ไม่เคยฝันเห็นผีหรือไปเที่ยวในหมู่บ้านผีอีกเลย
ข้าพเจ้าทำบุญให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยหวังว่าจะได้ฝันไปท่องเที่ยวเมืองนรกและเมืองสวรรค์บ้าง จุดประสงค์คืออยากขอเป็นเพื่อนกับยมบาลล่วงหน้า จะได้เจรจาขอลดหย่อนผ่อนโทษจากตกนรกเป็นตัดสินปล่อยให้ขึ้นสวรรค์ไปก่อน โทษตกนรกให้รอลงอาญา 1,000 ล้านปี ขณะเดียวกันก็อยากเป็นเพื่อนกับเทวดาและนางฟ้า เพื่อขอร้องให้พวกเขามารับตัวไปขึ้นสวรรค์ก่อนที่ยมบาลจะมาเอาตัวไปสอบสวนในเมืองนรก แต่ไม่เคยฝันเห็นยมบาลหรือเทวดานางฟ้าเลย คงเห็นแต่นางเมียที่นอนกรนเบา ๆ อยู่ข้าง ๆ โดยที่ไม่ต้องฝัน
มหาหิงส์ นารีสนั่น กล่าวว่า…จะขอเป็นเพื่อนกับยมบาลไม่มีทางทำได้เพราะยมบาลเป็นเทพเจ้าตงฉิน มีหน้าที่จับกุมวิญญานของคนทำความชั่วทุกคนไปลงนรก ถึงแม้ศาลของยมบาลจะเป็นศาลเตี้ยเพราะจับกุมเอง สอบสวนเองและตัดสินเอง แต่แกตัดสินอย่างถูกต้องและยุติธรรมมาหลายล้านปีแล้ว ทั้งนี้เพราะแกไม่รับสินบน ไม่มีอคติ ไม่ลำเอียง ไม่ตั้งธง และไม่สองมาตรฐานเหมือนศาลเตี้ยของพวกโจรกระจอกที่เข้าปล้นบ้าน พอได้ทรัพย์แล้วยังเปิดศาลเตี้ยตัดสินประหารชีวิตเจ้าของบ้านอีก ข้อหาจนเกินเหตุ เพราะทั้งบ้านมีเงินรวมกันไม่ถึงร้อยบาท แต่เสือกคุยโม้ว่าตัวเองเป็นเสี่ย ทำให้พวกโจรกระจอกเข้าใจผิด ซึ่งความจริงมันเป็นความผิดของพวกโจรกระจอกที่ไม่สืบดูให้รู้แน่ชัดก่อนเสี่ยงตายเข้าปล้น
ผีกองก้นกล่าวว่า…หยุดความคิดที่จะได้เป็นเพื่อนกับเทวดาได้เลย เพราะเทวดาแต่ละตนมีงานมาก ยกตัวอย่างเทพสุริยันต์มีหน้าที่ลากดวงอาทิตย์ตั้งแต่เช้ายันค่ำ พอค่ำลงก็แบกตะกร้าดาวเหาะขึ้นไปห้อยดาวบนท้องฟ้าจนถึงเที่ยงคืน หลังเที่ยงคืนก็ต้องเก็บดาวใส่ตระกร้าถึงเช้า พอเช้าขึ้นมาก็ต้องลากดวงอาทิตย์ทั้งวันยันค่ำ ชีวิตของเทพสุริยันต์วนเวียนอยู่อย่างนี้ จึงไม่มีเวลามาคุยมาเล่นหัวหรือมาเป็นเพื่อนกับเรา ส่วนเทพธิดาหรือนางฟ้าจะไม่กล้าลงมายังโลกมนุษย์เพราะเหม็นกลิ่นกายของพวกมนุษย์ที่เหม็นมากและเหม็นไกลถึงร้อยโยชน์ ส่วนเทวดาชั้นจาตุมตีกลองถองเหล้าที่อยู่ปะปนกับพวกมนุษย์เช่น ยักษ์ นาค ครุฑ เจ้าที่ ผีปู่ตา ผีกระหัง นางไม้ นางตานี ผีกระสือ ผีกองกอย ผีอีสิ่นเหี่ยน (ผีสาวนุ่งสั้นหรือผีโคโยตี้) เป็นต้นล้วนแต่อยากเป็นเพื่อนกับมนุษย์เพราะจะได้กินเครื่องเซ่นไหว้และได้ชมของแปลกที่พวกมนุษย์สรรหามาแก้บน
1 Comment
เสียเวลา…ตามสบายครับ…แต่คุณอย่าบอกใครว่าคุณนับถือพุทธศาสนา