หลายปีแล้วที่ข้าพเจ้าไม่ได้เข้าวัดเพราะนั่งพับเพียบกับพื้นไม่ไหวเนื่องจากปวดเข่าจึงต้องนอนสมาธิทุกคืน ยังดีที่มีแม่บ้านเป็นตัวแทนไปทำบุญที่วัดแทบทุกวัน ห่างวัดบ้างตอนโควิดระบาดเพราะคุณเธอไปรับเชื้อโควิดจากเพื่อนที่ไปทำบุญด้วยกัน คุณหมอตรวจอาการแล้วแจ้งว่าโควิดลงปอดบ้างเล็กน้อยต้องกักตัวกักบริเวณกินยาเป็นเวลาสิบวัน ถ้าอาการดีขึ้นแล้วก็ยังต้องเฝ้าระวังดูอาการต่อไปเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุดเพราะอาจจะเป็นลองโควิดคือโควิดยาว เป็น ๆ หาย ๆ จนปอดถูกทำลายหมด ส่วนข้าพเจ้ากักตัวในบ้านหลังเดียวกันกับแม่บ้าน แต่รอดตัวเพราะโควิดมองไม่เห็นเนื่องจากข้าพเจ้าทายาวิควาโปรับที่ลูกกระเดือกและปลายจมูกทันทีที่มีอาการไอหรือเจ็บคอ ด้วยวิธีนี้บวกกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีทำให้ข้าพเจ้าไม่เป็นไข้ต่อเนื่องมาหลายสิบปีแล้ว
พอศีรษะถึงหมอนทุกครั้งข้าพเจ้ามักจะนึกถึงปฏิปทาการพ้นทุกข์ของเจ้าชายสิทธัตถะว่าพระองค์ทำอย่างไรในเวลาเพียงคืนเดียวก็พ้นทุกข์ถึงนิพพานตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โดยจินตนาการตามเรื่องราวในหนังสือพุทธประวัติและหนังสือหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่บันทึกไว้ว่าตอนเย็นพระองค์อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ผืนใหม่ที่รับถวายจากนางสุชาดาเมื่อตอนเช้า เอาหญ้าคาหนึ่งกำมือที่รับถวายจากโสตถิยะพราหมณ์เมื่อตอนบ่ายมาปูนั่งใต้ต้นโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราแล้วเสด็จขึ้นประทับนั่งตั้งอธิษฐานว่าจะไม่ลุกไปไหนจนกว่าจะค้นพบทางพ้นทุกข์ พระองค์ประทับนั่งตั้งสติคิดหาเหตุผลต้นตอความทุกข์ของมนุษย์และวิธีดับทุกข์จนถึงเวลาฟ้าสางของคืนนั้นเจ้าชายสิทธัตถะก็ค้นพบความจริงเรื่องทุกข์ สาเหตุแห่งทุกข์ การดับทุกข์และทางดับทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง เราเรียกการค้นพบนี้ว่าการตรัสรู้(รู้ด้วยพระองค์เอง)และเรียกผู้ค้นพบทางพ้นทุกข์คนแรกว่าพระพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าแปลว่าผู้ตื่นแล้วผู้เบิกบานแล้ว ผู้หลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้สิ้นเชิงแล้ว) สิทธัตถะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าด้วยอาการ 12 ประการคือ
10.รู้แจ้งว่ามรรคมีองค์แปดเป็นทางไปสู่การดับทุกข์จริง
11.รู้แจ้งว่ามรรคมีองค์แปดเป็นทางที่ควรเจริญ(ทำให้มีในตนเสมอ)
12.รู้แจ้งว่ามรรคมีองค์แปดนั้นเราเจริญแล้ว
ทุกข์คืออะไร ?
ทุกข์คือความไม่สบายกายความไม่สบายใจ ซึมเศร้าเสียใจ ผิดหวัง คับแค้นใจเป็นต้น โดยสรุปทุกข์มี 2 ประการคือ
เมื่อทุกข์ใจดับไปแล้วใจของเราก็จะผ่องใสและเป็นสุขอย่างยิ่งซึ่งส่งผลให้กายของเราผ่องใสและเป็นสุขอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน พระพุทธเจ้าตรัสอธิบายว่า มะโนปุพพัง คะมาธัมมา มะโนเสฏฐา มะโนมะยา แปลว่าธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ สำเร็จได้ด้วยใจ… ปะภัสสะระมิทัง ภิกขะเว จิตตัง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติของจิตนี้ผ่องใส อุปปะกิเลเสหิ อุปปะกิลิฏฐัง จิตนี้เศร้าหมองเพราะกิเลสที่จรเข้ามา… นิพพานัง ปะระมัง สุญญัง นิพพานว่างอย่างยิ่ง ..คือว่างจากกิเลสเครื่องทำให้ใจเศร้าหมอง …..นิพพานัง ปะระมัง สุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง …เป็นสุขเพราะไม่มีกิเลสเครื่องทำให้ใจเศร้าหมองมาครอบงำ
ข้าพเจ้าได้พยายามปฏิบัติตามปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้าที่ตรัสแก่พระอานนท์ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานว่า ดูกรอานนท์ ตราบใดที่ยังมีผู้เจริญมรรคมีองค์แปดประการโลกนี้จักไม่ว่างอรหันต์( อรหันต์ แปลว่าผู้ห่างไกลจากกิเลส ) ด้วยการเจริญมรรคมีองค์แปดข้อ 1 – 6 เพื่อบรรเทาทุกข์กาย และนอนเจริญสัมมาสติและสัมมาสมาธิซึ่งเป็นมรรคข้อ 7 และมรรคข้อ 8 ทุกคืนเพื่อดับทุกข์ทางใจด้วยการกำหนดรู้ทุกข์ กำหนดละตัณหา และทำการดับทุกข์ให้แจ้งก่อนหลับไปอย่างมีความสุขทุกคืนด้วยประการฉะนี้
มหาหิงส์ นารีสนั่น ให้ทัศนะว่า….ผู้ที่เจริญมรรคมีองค์แปดประการทั้งกายวาจาใจเสมอตลอดเวลาเช่นพระอรหันต์ ทั้งหลาย ความทุกข์ก็จะดับไปโดยสิ้นเชิง ส่วนผู้ที่เจริญมรรคมีองค์แปดประการเป็นครั้งคราวตัณหาและกิเลสก็จะเกิดดับเป็นครั้งคราวเช่นเดียวกัน เพราะตัณหาเกิดจากการปรุงแต่งของจิต ส่วนกิเลสน้อยใหญ่ทั้งหลายเช่น ความโลภ ความโกรธและความหลงเป็นต้นที่นอนเนื่องในสันดานจะคอยผุดขึ้นมาผสมโรงกับตัณหาที่จิตปรุงแต่งไว้แล้ว ทั้งสองอย่างจะครอบงำใจเราตอนเผลอและดับไปตอนเราเจริญสัมมาสติและสัมมาสมาธิ ดังนี้แล