Screen Shot 2562-01-22 at 22.19.16Screen Shot 2562-01-22 at 22.19.16Screen Shot 2562-01-22 at 22.19.16Screen Shot 2562-01-22 at 22.19.16
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับพ่อครู 1
    • เกี่ยวกับพ่อครู 2
    • เกี่ยวกับพ่อครู 3
    • เกี่ยวกับพ่อครู 4
    • เกี่ยวกับพ่อครู 5
    • เกี่ยวกับพ่อครู 6
  • หมวดหมู่
    • กลอน กลอนลำ
    • บทพิธีกร พิธีการ คำกล่าว
    • ผญา บทสู่ขวัญ
    • บทความ ทรรศนะ
  • ฝากข้อความ

นอนสมาธิ

  • Home
  • Uncategorized
  • นอนสมาธิ
เมื่อพ่อกับแม่ทะเลาะกันลูกควรทำอย่างไร
พฤษภาคม 30, 2022
กลอนไว้อาลัยคุณย่า
มกราคม 23, 2023

หลายปีแล้วที่ข้าพเจ้าไม่ได้เข้าวัดเพราะนั่งพับเพียบกับพื้นไม่ไหวเนื่องจากปวดเข่าจึงต้องนอนสมาธิทุกคืน ยังดีที่มีแม่บ้านเป็นตัวแทนไปทำบุญที่วัดแทบทุกวัน ห่างวัดบ้างตอนโควิดระบาดเพราะคุณเธอไปรับเชื้อโควิดจากเพื่อนที่ไปทำบุญด้วยกัน คุณหมอตรวจอาการแล้วแจ้งว่าโควิดลงปอดบ้างเล็กน้อยต้องกักตัวกักบริเวณกินยาเป็นเวลาสิบวัน  ถ้าอาการดีขึ้นแล้วก็ยังต้องเฝ้าระวังดูอาการต่อไปเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุดเพราะอาจจะเป็นลองโควิดคือโควิดยาว  เป็น ๆ หาย ๆ จนปอดถูกทำลายหมด ส่วนข้าพเจ้ากักตัวในบ้านหลังเดียวกันกับแม่บ้าน แต่รอดตัวเพราะโควิดมองไม่เห็นเนื่องจากข้าพเจ้าทายาวิควาโปรับที่ลูกกระเดือกและปลายจมูกทันทีที่มีอาการไอหรือเจ็บคอ ด้วยวิธีนี้บวกกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีทำให้ข้าพเจ้าไม่เป็นไข้ต่อเนื่องมาหลายสิบปีแล้ว

พอศีรษะถึงหมอนทุกครั้งข้าพเจ้ามักจะนึกถึงปฏิปทาการพ้นทุกข์ของเจ้าชายสิทธัตถะว่าพระองค์ทำอย่างไรในเวลาเพียงคืนเดียวก็พ้นทุกข์ถึงนิพพานตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โดยจินตนาการตามเรื่องราวในหนังสือพุทธประวัติและหนังสือหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่บันทึกไว้ว่าตอนเย็นพระองค์อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ผืนใหม่ที่รับถวายจากนางสุชาดาเมื่อตอนเช้า เอาหญ้าคาหนึ่งกำมือที่รับถวายจากโสตถิยะพราหมณ์เมื่อตอนบ่ายมาปูนั่งใต้ต้นโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราแล้วเสด็จขึ้นประทับนั่งตั้งอธิษฐานว่าจะไม่ลุกไปไหนจนกว่าจะค้นพบทางพ้นทุกข์ พระองค์ประทับนั่งตั้งสติคิดหาเหตุผลต้นตอความทุกข์ของมนุษย์และวิธีดับทุกข์จนถึงเวลาฟ้าสางของคืนนั้นเจ้าชายสิทธัตถะก็ค้นพบความจริงเรื่องทุกข์ สาเหตุแห่งทุกข์  การดับทุกข์และทางดับทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง เราเรียกการค้นพบนี้ว่าการตรัสรู้(รู้ด้วยพระองค์เอง)และเรียกผู้ค้นพบทางพ้นทุกข์คนแรกว่าพระพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าแปลว่าผู้ตื่นแล้วผู้เบิกบานแล้ว ผู้หลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้สิ้นเชิงแล้ว) สิทธัตถะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าด้วยอาการ  12  ประการคือ

  1. รู้แจ้งว่าความทุกข์มีจริง
  2. รู้แจ้งว่าความทุกข์เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้
  3. รู้แจ้งว่าความทุกข์นั้นเรากำหนดรู้แล้ว
  4. รู้แจ้งว่าตัณหาเป็นสาเหตุแห่งทุกข์จริง
  5. รู้แจ้งว่าตัณหาเป็นสิ่งที่ควรกำหนดละ
  6. รู้แจ้งว่าตัณหานั้นเรากำหนดละได้แล้ว
  7. รู้แจ้งว่าการดับทุกข์นั้นดับได้จริง
  8. รู้แจ้งว่าการดับทุกข์นั้นควรทำให้แจ้ง
  9.  รู้แจ้งว่าการดับทุกข์นั้นเราทำให้แจ้งแล้ว

10.รู้แจ้งว่ามรรคมีองค์แปดเป็นทางไปสู่การดับทุกข์จริง

11.รู้แจ้งว่ามรรคมีองค์แปดเป็นทางที่ควรเจริญ(ทำให้มีในตนเสมอ)

12.รู้แจ้งว่ามรรคมีองค์แปดนั้นเราเจริญแล้ว

ทุกข์คืออะไร ?

ทุกข์คือความไม่สบายกายความไม่สบายใจ ซึมเศร้าเสียใจ ผิดหวัง คับแค้นใจเป็นต้น  โดยสรุปทุกข์มี  2  ประการคือ 

  1. ทุกข์กาย คือกายที่เป็นทุกข์ เช่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหนื่อย หิว กระหายเป็นต้น ไม่มีใครหนีพ้นจากทุกข์กายได้ตราบเท่าที่ยังมีกาย  แต่ทุกข์กายเราสามารถบรรเทาได้ด้วยปัจจัยสี่คืออาหาร  เครื่องนุ่งห่ม  ที่อยู่อาศัย  และยารักษาโรค
  2. ทุกข์ใจ คือใจที่เป็นทุกข์เพราะตัณหาคือความทะยานอยากครอบงำ  ตัณหามี  3  คือ กามตัณหา(ความอยากมี)  ภวตัณหา(ความอยากเป็น)  และวิภวตัณหา(ความอยากไม่มี ความอยากไม่เป็น)…..เราสามารถบรรเทาทุกข์กายและดับทุกข์ใจได้สิ้นเชิงด้วยการเจริญมรรคมีองค์แปดประการ(ทางสายกลาง)เพื่อดับตัณหาซึ่งเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงดังนี้ 1.  สัมมาทิฏฐิ  เห็นชอบ  2.  สัมมาสังกัปปะ  ดำริชอบ  3.  สัมมาวาจา  พูดชอบ  4. สัมมากัมมันตะ  การงานชอบ 5.  สัมมาอาชีวะ  เลี้ยงชีวิตชอบ/อาชีพชอบ)  6.  สัมมาวายามะ  พยายามชอบ  7.  สัมมาสติ  ระลึกชอบ  8.  สัมมาสมาธิ  ตั้งใจชอบ  ….คำว่าชอบในความหมายนี้หมายถึง  ชอบในการกำหนดรู้ทุกข์  ชอบในการกำหนดละตัณหา  ชอบในการดับทุกข์ให้แจ้ง  และชอบในการเจริญมรรคมีองค์แปดประการ(การเจริญมรรคมีองค์แปดประการคือการทำให้มรรคมีองค์แปดประการมีในตนอย่างเต็มเปี่ยมทั้งความคิด คำพูด และการกระทำ)เพื่อดับตัณหาซึ่งเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง ด้วยการทำใจไม่ปรุงแต่งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมณ์ ที่จรมากระทบกับตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ว่าดีว่าร้าย  หยุดความคิดไว้ที่การรับรู้เพียงอย่างเดียว กล่าวคือเห็นก็สักแต่ว่าเห็น   ได้ลิ้มรสก็สักแต่ว่าว่าได้ลิ้มรส  ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน  ได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น กายสัมผัสก็สักแต่ว่ากายสัมผัส  ธัมมารมณ์ที่มากระทบกับใจก็สักแต่ว่าเป็นธัมมารมณ์มากระทบกับใจ  ไม่ปรุงแต่งสิ่งที่จรมากระทบเหล่านั้นว่าดีว่าร้าย  ตัณหาคือความทยานอยากก็จะสงบระงับไปเองโดยอัตโนมัติ  กิเลสทั้งหลายเช่นความโลภ ความโกรธ ความหลงเป็นต้นที่นอนเนื่องอยู่ในสันดานก็จะนอนเนื่องในสันดานต่อไป ไม่ผุดขึ้นมาครอบงำใจให้ขุ่นมัวและเป็นทุกข์ในการแสวงหาเพื่อให้ได้ มี เป็น  และไม่ได้ ไม่มี ไม่เป็นดังที่ตัณหาและกิเลสบงการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะทำให้ทุกข์กายบรรเทาและทุกข์ใจดับไปโดยสิ้นเชิง

เมื่อทุกข์ใจดับไปแล้วใจของเราก็จะผ่องใสและเป็นสุขอย่างยิ่งซึ่งส่งผลให้กายของเราผ่องใสและเป็นสุขอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน  พระพุทธเจ้าตรัสอธิบายว่า  มะโนปุพพัง คะมาธัมมา มะโนเสฏฐา มะโนมะยา แปลว่าธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ สำเร็จได้ด้วยใจ… ปะภัสสะระมิทัง  ภิกขะเว  จิตตัง  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติของจิตนี้ผ่องใส  อุปปะกิเลเสหิ  อุปปะกิลิฏฐัง  จิตนี้เศร้าหมองเพราะกิเลสที่จรเข้ามา… นิพพานัง  ปะระมัง  สุญญัง  นิพพานว่างอย่างยิ่ง ..คือว่างจากกิเลสเครื่องทำให้ใจเศร้าหมอง  …..นิพพานัง  ปะระมัง  สุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง …เป็นสุขเพราะไม่มีกิเลสเครื่องทำให้ใจเศร้าหมองมาครอบงำ

ข้าพเจ้าได้พยายามปฏิบัติตามปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้าที่ตรัสแก่พระอานนท์ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานว่า  ดูกรอานนท์ ตราบใดที่ยังมีผู้เจริญมรรคมีองค์แปดประการโลกนี้จักไม่ว่างอรหันต์( อรหันต์ แปลว่าผู้ห่างไกลจากกิเลส )  ด้วยการเจริญมรรคมีองค์แปดข้อ 1 – 6 เพื่อบรรเทาทุกข์กาย และนอนเจริญสัมมาสติและสัมมาสมาธิซึ่งเป็นมรรคข้อ  7  และมรรคข้อ  8  ทุกคืนเพื่อดับทุกข์ทางใจด้วยการกำหนดรู้ทุกข์ กำหนดละตัณหา และทำการดับทุกข์ให้แจ้งก่อนหลับไปอย่างมีความสุขทุกคืนด้วยประการฉะนี้

มหาหิงส์  นารีสนั่น ให้ทัศนะว่า….ผู้ที่เจริญมรรคมีองค์แปดประการทั้งกายวาจาใจเสมอตลอดเวลาเช่นพระอรหันต์ ทั้งหลาย ความทุกข์ก็จะดับไปโดยสิ้นเชิง  ส่วนผู้ที่เจริญมรรคมีองค์แปดประการเป็นครั้งคราวตัณหาและกิเลสก็จะเกิดดับเป็นครั้งคราวเช่นเดียวกัน  เพราะตัณหาเกิดจากการปรุงแต่งของจิต ส่วนกิเลสน้อยใหญ่ทั้งหลายเช่น ความโลภ ความโกรธและความหลงเป็นต้นที่นอนเนื่องในสันดานจะคอยผุดขึ้นมาผสมโรงกับตัณหาที่จิตปรุงแต่งไว้แล้ว ทั้งสองอย่างจะครอบงำใจเราตอนเผลอและดับไปตอนเราเจริญสัมมาสติและสัมมาสมาธิ  ดังนี้แล 

Share
2
admin

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ป้ายกำกับ

งานขึ้นบ้านใหม่ งานขึ้นปีใหม่ งานฌาปนกิจศพ งานบวช งานบุญกฐิน งานบุญข้าวจี่ งานบุญบั้งไฟ งานบุญประทายข้าวเปลือก งานบุญผ้าป่า งานบุญพระเวสสันดร งานบุญมหาชาติ งานบุญอุทิศส่วนกุศล งานบุญแจกข้าว งานประเพณีตักบาตรเทโว งานประเพณีลอยกระทง งานประเพณีแข่งเรือยาว งานประเมินโรงเรียน งานปัจฉิมนิเทศ งานมงคลสมรส งานมอบประกาศนียบัตร งานรับขวัญ งานวันครู งานวันสงกรานต์ งานวันสหกรณ์แห่งชาติ งานวันเกิด งานวันเฉลิมพระชนมพรรษา งานวันเด็กแห่งชาติ งานวันแม่ งานวันแม่แห่งชาติ งานศพ งานอุปสมบท งานเกษียณอายุราชการ งานเข้าค่ายลูกเสือ งานเปิดร้านใหม่ งานเลี้ยงรับส่ง งานแต่งงาน
Live visitors
410
101
Visitors Today
4344723
Total
Visitors
© 2023 พ่อครูดอทคอม | porkru.com. All Rights Reserved. Muffin group