……………………………………………………………….
ข้าพเจ้าเข้าท่องเว็บไซด์วันละไม่น้อยกว่าหกชั่วโมง ทำให้ได้เรียนรู้จากผู้สันทัดกรณีย์แต่ละด้านมากมายทั่วโลก และหนึ่งในนั้นคือความรู้ในการรักษาต่อมลูกหมากโตให้หายขาดได้ภายในเวลาเพียงสิบห้าถึงยี่สิบนาทีโดยคณะนายแพทย์ของโรงพยาบาลเวชธานี โทร.ปรึกษา 02 – 734 – 0000 โดยมีคำอธิบายวิธีการรักษาว่า แพทย์จะสอดใส่เครื่องมือแพทย์เข้าไปทางท่อปัสสาวะ เพื่อส่องกล้องและฉีดไอน้ำร้อน 103 องศาจี้ต่อมลูกหมากโตประมาณ 4 – 6 ครั้ง ๆ ละ 9 วินาทีไอน้ำร้อนจะทำให้เซลล์ที่อุดตันท่อทางเดินปัสสาวะตายไป ต่อมลูกหมากจะหดตัวและมีขนาดเล็กลงทำให้คนไข้สามารถปัสสาวะได้เป็นปกติ วิธีนี้คนไข้ไม่ต้องวางยาสลบ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ไม่เกินสิบห้านาทีคนไข้สามารถกลับไปนอนพักฟื้นที่บ้านได้เลย อาการต่อมลูกหมากโตจะหายขาดภายใน 4 – 6 สัปดาห์ ค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 179,000 บาท (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นเก้าพันบาทถ้วน ) ข้าพเจ้านั่งคิดนอนตรองอยู่หลายวันเพราะอยากหายแต่เสียดายเงิน และเพราะกลัวโดนหลอกโดนต้มเหมือนยาโทเมซิ่งพลัสที่โฆษณาว่าสามารถรักษาโรคต่อมลูกหมากโตได้อย่างเด็ดขาด ข้าพเจ้าซื้อมาสามกล่องราคากล่องละ 1,000 บาท หนึ่งกล่องมี 30 แคปซูล กินวันละ 1 แคปซูล กินหมดไปสองกล่องจึงรู้ว่าโดนต้มจนเปื่อย เพราะอาการไม่ดีขึ้นเลยสักนิด ครูทีมลูกชายคนโตพูดให้กำลังใจว่า ไม่เป็นไรหรอกพ่อ แต่อย่าซื้อมากินอีกนะเพราะข้างในแคบซูลไม่รู้เขาใส่อะไรไว้ อาจจะใส่ฝุ่นชอล์ก หรือแป้งมันก็ได้ โชคดีแล้วที่พ่อไม่เป็นอะไร ข้าพเจ้าวางกล่องยาที่เหลือไว้บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ตรงจุดที่มองเห็นเด่นชัดที่สุดเพื่อเตือนสติตัวเองก่อนเชื่อคำโฆษณาใด ๆ ทุกวันนี้ยาโทเมซิ่งพลัสก็ยังโฆษณาขายอยู่ ตัวใครตัวมันเด้อพี่น้อง ข้าพเจ้าคิดตรึกตรองอยู่นานก็ปลงได้ว่าอันตัวเรานี้ก็มีอายุมากแล้ว กินยาหมอรอความตายอย่างนี้แหละดีแล้ว รออีกไม่นานคุณหมอต้องปรุงยาวิเศษชนิดกินปุ๊บต่อมลูกหมากโตหายวับมาขายอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจเก็บเงินส่วนนี้ไว้รอซื้อยาวิเศษของคุณหมอโรงพยาบาลรัฐในอนาคต
ในขณะเดียวกันก็เกิดแสงสว่างแวบขึ้นที่ปลายอุโมงว่า ผู้หญิงหลังคลอดลูกหรืออายุมากขึ้นส่วนมากจะมีปัญหาเรื่องมดลูกหย่อน ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยวิธีอยู่ไฟหรือประคบร้อน ส่วนผู้ชายอายุมากขึ้นจะมีปัญหาเรื่องต่อมลูกหมากโตต้องรักษาด้วยการกินยา ข้าพเจ้ารักษาต่อมลูกหมากโตด้วยการกินยาหมอมานานเกือบ 20 ปีโดยคุณหมอหำจ่ายยาให้ทางไปรษณีย์ทุกเดือน 2 ขนานได้แก่ 1. ยาด๊อกซ่าโซซิน 4 มิลลิกรรม อ่านในฉลากระบุว่าเป็นยาลดความดันโลหิตสูง รับประทานวันละ 1 เม็ดก่อนนอน ซึ่งทำให้ความดันโลหิตของข้าพเจ้าต่ำลงเล็กน้อย 2. ยาฟิราย 4 มิลลิกรรม อ่านในฉลากระบุว่าเป็นยาปลูกผมและลดขนาดต่อมลูกหมากโต รับประทานวันละ 1 เม็ด ก่อนนอน คนที่แพ้ยาฟิรายจะมีอาการดังต่อไปนี้ 1. มีผดผื่นคันขึ้นตามลำตัว 2. นมโต บางรายมีน้ำนมไหลออกมาด้วย ข้าพเจ้าเกิดอาการแพ้ยานี้อย่างเต็มที่คือ 1. มีผื่นคันขึ้นที่ต้นแขน กลางหลังและลำตัว คันมาก ๆ ๆ ๆ จนต้องให้แม่บ้านช่วยเกาช่วยทายาแก้คันให้ 2. นมสองข้างโตตั้งเหมือนนมผู้หญิง คันนมมาก ๆ และมีน้ำนมไหลออกมาอีกด้วย ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจเลิกรับประทานยาฟิรายทันทีโดยไม่บอกคุณหมอที่ทำการรักษา เลือกรับประทานเฉพาะยาดร๊อกซ่าโซซิน ซึ่งเป็นยาลดความดันโลหิตเท่านั้น เพราะถึงแม้ความดันจะลดต่ำลงบ้างแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ข้าพเจ้าจินตนาการว่าการรักษาต่อมลูกหมากโตในผู้ชายน่าจะเทียบเคียงได้กับการรักษามดลูกหย่อนในผู้หญิงและเทียบเคียงได้กับวิธีการรักษาต่อมลูกหมากโตของคณะแพทย์โรงพยาบาลเวชธานี (หมอเถื่อนในโรงพยาบาลทิพย์หรือเปล่าก็ไม่รู้) จึงตัดสินใจโดยยึดหลักประหยัดและประโยชน์สูงสุดของตัวเองเป็นที่ตั้ง ด้วยการไปซื้อกระเป๋าน้ำร้อนขนาดเล็ก 2 ใบ ราคา 200 บาท และกระเป๋าน้ำร้อนขนาดใหญ่อีก 2 ใบ ราคา 260 บาทจากร้านขายยาใกล้บ้าน ก่อนนอนต้มน้ำร้อนเทใส่กระเป๋าทั้งสี่ใบแล้วปิดฝาให้แน่น ใช้ผ้าขาวม้าพับให้พอดีแล้วห่อเพื่อให้ร้อนน้อยลงแค่อุ่นและเก็บความร้อนได้ตลอดคืน ข้าพเจ้าใช้กระเป๋าใบเล็กประคบที่หน้าอกด้านซ้าย – ขวา- หน้าท้อง นับที่ละห้าสิบจากนั้นจึงงัดหำและลูกพี่หำขึ้นมาวางกระเป๋าน้ำร้อนทับไว้ทั้งคืน ส่วนกระเป๋าใบใหญ่รองไว้ใต้ก้นประมาณหนึ่งส่วนสี่ของกระเป๋าทุกคืน แบ่งกระเป๋าที่เหลือให้แม่บ้านไปประคบร้อนเพื่อสุขภาพ
หนึ่งเดือนผ่านไปเส้นเลือดขอดเท่านิ้วก้อยความยาวประมาณหนึ่งนิ้วที่หลบอยู่ใต้ผิงหนังข้างไข่หำด้านซ้ายเริ่มอ่อนตัวและสลายไป ส่วนลูกพี่หำก็เริ่มขยับตัวชูคอชูหัวขึ้นมองดูโลกได้บ้างแล้ว หลังจากนอนสลบไสลมานาน อาการคันง่ามคันหำหายเป็นปลิดทิ้ง ร่างกายเริ่มฟิตแอนด์เฟริมขึ้นมาอีกครั้งซึ่่งอาจเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถกลับคืนสู่วัยหนุ่มได้อีกครั้งนอกจากแนวทางที่คุณหมอด๊อกเต้อร์อภิวัฒน์ มุทิรางกูล แห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ซึ่งได้แถลงข่าวการค้นพบยามณีแดงว่าสามารถกระชากวัยได้ถึงสี่สิบห้าปี จึงพยายามประคับประครองชีวิตตัวเองให้ยืนยาวด้วยการกินปลาเป็นหลักกินผักเป็นยากินกล้วยน้ำว้าบ้าง เดินทางวันละร้อยก้าว(เดินมากเหนื่อย) คึกคักเหมือนหนุมสาวทุกวัน กินยาตามหมอสั่ง และใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบง่ามและหำในเวลานอนทุกครั้งเพื่อรักษาชีวิตให้ยืนยาวจนถึงวันได้รับยามณีมณีแดงของคุณหมออภิวัฒน์ มุทิรางกูร ซึ่งคาดว่าจะได้ใช้ปลายปี 2566 อย่างช้าเป็นต้นปี 2567 คนแก่ในประเทศของเราและทั่วโลกที่เข้าถึงยานี้จะได้กลับคืนสู่สภาพความเป็นหนุ่มเป็นสาวครั้งแล้วครั้งเล่าจนมีอายุยืนยาวถึงสองพันปีชีวีสุขสันต์กันทุกคนอย่างแน่นอน
มหาหิงส์ นารีสนั่น ผู้สันทัดกรณีย์เรื่องหำและลูกพี่หำให้ทัศนะว่า คนหำขาดเรียกว่าขันที คนที่ลูกพี่หำขาดเรียกว่าคนหมดอาลัยตายอยาก