…………………………………………..
ก. สภาพการณ์ก่อนตั้งวิหารหลักเมือง
สมัยก่อนบริเวณหนองทุ่งมนและวัดป่าดอนธาตุวิไลยริมหนองทุ่งมนมีเรื่องหลอนที่เล่าขานกันมากมาย เชื่อกันว่าน่าจะเป็นที่อยู่ของดวงวิญญาณ สัมภเวสี และภูติผีปิศาจทั้งหลาย ดังเรื่องเล่าต่อไปนี้
-ผอ.สุพิทย์ จุลราช เล่าว่าเมื่อเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2515 เพิ่งเป็นครูบรรจุใหม่เพื่อนครูชวนไปดูแสงประหลาดโตขนาดกำปั้นที่ลอยขึ้นลงในบริเวณก่อไผ่วัดป่าดอนธาตุวิลัยริมหนองทุ่งมน บ้านทุ่งมน พอตกดึกจะลอยขึ้นสูงข้ามหนองทุ่งมนแล้วหายลับไปทางขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก และจะกลับมาอีกครั้งก่อนฟ้าสาง ซึ่งมีให้เห็นทุกคืนวันพระใหญ่
-ผอ.เข็มเพชร กองแก้ว เล่าว่าเมื่อประมาณปีพ.ศ. 2520 ขณะกำลังนั่งล้อมวงสังสรรค์กับเพื่อนครูบรรจุใหม่ด้วยกัน พอเมาได้ที่ก็ร้องเพลงตีเกราะเคาะถังกะละมังปีบกับเพื่อนครูอย่างสนุกสนานที่บริเวณข้างบ้านพักครูโรงเรียนเจริญศิลป์ศึกษา’โพธิ์คำอนุสรณ์’ ตั้งแต่หัวค่ำจนดึกดื่นเที่ยงคืน รู้สึกสะดุ้งเมื่อมีหญิงสาวผมยาวสลวย หน้าตาดี หุ่นฉอเลาะมาสะกิดสีข้างเบา ๆขอร้องให้พาเธอไปส่งบ้าน จึงรีบลุกขึ้นละจากวงสังสรรค์เดินตามเธอไปทันที เพื่อนร่วมวงสังสรรเข้าใจว่าท่านจะไปปลดทุกข์ ท่านเดินตามหญิงสาวคนนั้นไปตามคันคูหนองทุ่งมนประมาณสามกิโลเมตรจึงถึงหน้าบ้านของเธอซึ่งมองเห็นแสงไฟวับ ๆ แวม ๆ ลอดออกมาจากภายในตัวบ้านจึงชวนกันนั่งลงที่คันคูหนองคุยกันต่อ จนกระทั้งได้ยินเสียงไก่ขันบอกเวลาฟ้าสางจากหมู่บ้านทุ่งมน เธอจึงบอกลาเข้าบ้าน ท่านผอ.ตื่นจากภวังค์ พบว่าตัวเองนั่งอยู่คนเดียว บ้านและหญิงสาวหายวับไปกับความมืดสลัวหน้าวัดป่าดอนธาตุวิลัย รู้สึกตกใจและกลัวมากรีบลุกขึ้นเดินกึ่งวิ่งเข้าไปปลุกพี่ครูที่รู้จักคุ้นเคยหน้าโรงเรียนในหมู่บ้านทุ่งมนเพื่อขออาศัยนอนชั่วคราว ท่านเก็บเรื่องนี้เป็นความลับและไม่กล้าย้อนกลับไปร่วมวงสังสรรค์ที่นั้นอีกเลย
-หลวงปู่กาเล่าว่า ตนเองเคยบวชเรียนเพียรธรรมมากว่าสิบปีก่อนสึกมามีครอบครัว พอลูกโตมีครอบครัวหมดแล้ว ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากก็เสียชีวิตไป จึงตัดสินใจบวชอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2521 ขณะจำพรรษาที่วัดป่าดอนธาตุวิลัย ถูกผีอีสิ้นเหี้ยนบุกขึ้นไปหลอกหลอนบนกุฏิตอนดึกทุกคืนวันพระ จนอยู่ไม่ได้ ต้องกราบลาท่านเจ้าอาวาสหนีไปอยู่วัดอื่นในกลางพรรษา
-ท่านอาจารย์วิเชียร พระราช อดีตผู้ช่วย ผอ.โรงเรียนบ้านทุ่งมนธาตุวิทยา เล่าว่าเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2535 หลังขุดลอกหนองทุ่งมนตามโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวรัชกาลที่ 9 เสร็จใหม่ พอถึงฤดูฝนน้ำเต็มหนองทุ่งมนเนื้อที่ 1,2000 ไร่ ความลึกประมาณ 2.5 เมตร ประมงจังหวัดสกลนครได้นำกุ้งปลาตัวเล็กตัวใหญ่มาปล่อยจำนวนมาก คืนหนึ่งหัวหน้าผีได้มาเข้าฝันขอผูกเสี่ยวด้วย หัวหน้าผีเล่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่าน้ำท่วมบ้านเรือนหมดแล้ว พวกเราคงต้องทยอยอพยพไปอยู่ที่คำชะโนดจนหมดในไม่ช้า คงเหลือแต่ผู้ที่อยู่ริมหนองและบนเกาะ ตอนนี้เรายังอยู่เฝ้าหนอง เพื่อนลงหาปลาในหนองได้เลยเราจะช่วย ท่านเล่าต่อไปว่า จากคืนนั้นเป็นต้นมาปลาติดมอง(ข่ายดักปลา)จำนวนมากเหลือกินจนได้ขายทุกวัน สามปีต่อมาหัวหน้าผีตนเดิมได้มาเข้าฝันอีกครั้งเพื่อบอกลาไปอยู่คำชะโนด จังหวัดอุดรธานี นับจากวันนั้นมาปลาติดมองน้อยแทบไม่พอกิน
-อาจารย์วิสิทธิ์ พิมพิศาล ครูโรงเรียนบ้านทุ่งมนธาตุวิทยาเล่าว่า งานลอยกระทงแข่งเรือที่หนองทุ่งมนเมื่อปี พ.ศ. 2538 ขณะชาวบ้านกำลังกำลังแข่งเรือพายอย่างสนุกสนาน ท่านได้ร่วมวงก๊งสุราริมหนองทุ่งมนกับเพื่อน ๆเพื่อชมการแข่งขันเรือพาย มีหญิงสาวสวยอวบอั๋นใส่สิ้นสั้นนางหนึ่งมาดึงแขนให้ลุกขึ้นชักชวนลงเล่นน้ำ ท่านรีบตามเธอไปทันที ขณะที่กำลังจะจมน้ำตายเพราะน้ำลึกเท้าหยั่งไม่ถึงพื้น และตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น เพื่อน ๆ ในวงเหล้ากระโดดลงไปช่วยขึ้นมาได้รอดตายอย่างหวุดหวิด
ข.การตั้งวิหารหลักเมืองเจริญศิลป์
อำเภออื่นจังหวัดอื่นในประเทศไทยล้วนมีเสาหลักเมืองหรือศาลหลักเมืองทั้งสิ้น แต่อำเภอเจริญศิลป์ไม่ใช่ ดังเรื่องเล่าต่อไปนี้
หลังจากทางราชการมีคำสั่งตั้งอำเภอเจริญศิลป์ใหม่ ๆ นายกำธร ตุ้งสวัสดิ์ นายอำเภอเจริญศิลป์ในขณะนั้นได้เรียกประชุมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อพิจารณาตั้งศาลหลักเมือง ข้าพเจ้าได้เสนอในที่ประชุมว่า การตั้งศาลหลักเมืองเพื่อเชิญดวงวิญญาณบรรพบุรุษและภูติผีบริวารมาปกป้องคุ้มครองก็เป็นเรื่องที่ดี แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราตั้งวิหารหลักเมืองเพื่ออัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและปกป้องคุ้มครองชาวเมืองเจริญศิลป์ เพราะ ผู้คนในเขตเทศบาลตำบลเจริญศิลป์มากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นชาวพุทธ และแม้แต่ดวงวิญญาณ ผีบรรพบุรุษและผีอื่น ๆ ที่เราจะเชิญมาสิงสถิตที่ศาลหลักเมืองก็น่าจะเป็นดวงวิญญาณและภูติผีที่เป็นชาวพุทธเช่นเดียวกัน ท่านยังไม่สิ้นกิเลส ยังมีรักโลภโกรธหลงอยู่เช่นเดียวกันกับพวกเรา ซึ่งภายภาคหน้าถ้าลูกหลานของเราทำอะไรให้ไม่ถูกใจอาจถูกทำร้ายได้ ส่วนพระพุทธรูปไม่ใช่ผี ไม่มีชีวิตและไม่มีวิญญาณ เป็นเพียงรูปเคารพหรือสัญลักษณ์หรือตัวแทนของพระพุทธเจ้า ที่เต็มเปี่ยมด้วยพุทธคุณคือ ความบริสุทธิ์ ความมีปัญญา และความมีเมตตา เชื่อกันว่ามีอิทธิปาฏิหารย์มากมายที่ซ่อนอยู่ในองค์พระพุทธรูปนั้น สามารถเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธและผู้ที่เชื่อถือศรัทธาให้ตั้งมั่นอยู่ในคุณความดีและมีความสุขความเจริญได้ไม่จำกัด และที่สำคัญคือไม่ทำร้ายใคร
เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมประชุมบางท่านไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นวิหารจึงตั้งข้อสงสัยว่า วิหารคืออะไร ข้าพเจ้าจึงต้องอธิบายให้สิ้นกระบวนความว่า กุฏิเป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ เว็จกุฎีเป็นที่ถ่ายอุจจาระของพระเณร ภาษาชาวบ้านเรียกว่าสุขาหรือส้วม โบสถ์หรืออุโบสถตั้งอยู่ในวัดทั่วไปแต่ถ้าตั้งอยู่ในวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคาสีมาหรือวัดหลวงเรียกว่าพระอุโบสถ เป็นที่ทำสังฆกรรมของพระสงฆ์เช่นไหว้พระสวดมนต์ สวดปาฏิโมกข์ บรรพชาบวชเป็นเณร อุปสมบทบวชเป็นพระ ศาลาการเปรียญเป็นที่จัดกิจกรรมทำบุญของชาวบ้าน ส่วนวิหารเป็นที่ประดิษฐานหรือที่ตั้งหรือที่เก็บรวมพระพุทธรูป
-ที่ประชุมได้อภิปรายเรื่องนี้ไปในทางส่งเสริมสอดคล้องกันเช่น
-เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ดวงวิญญาณที่เราเชิญมานั้นเป็นดวงวิญญานของบรรพบุรุษของเราจริง อาจเป็นอสุรกาย ผีปอบ ผีกระสือ ผีกระหังหรือผีกองก้นกองกอยก็ได้เพราะไม่มีใครมองเห็น เชิญสุ่มสี่สุ่มห้าได้ผีกองกอยมาขโมยกินตับลูกหลานจะทำอย่างไร
-ท่านจะอยู่เฝ้าศาลหลักเมืองนานแค่ไหน จะไม่ไปเกิดเลยหรืออย่างไร ?
-บางท่านอภิปรายด้วยความเป็นห่วงว่าถ้าเป็นดวงวิญญาณของบรรพบุรุษเราจริงยิ่งน่ากังวลเพราะท่านคงอยากไปเกิดใหม่ เป็นเทวดาหรือนางฟ้าบนสวรรค์มากกว่าเสียเวลามาเป็นผีอดอยากนั่งเฝ้าศาลหลักเมือง อาหารก็ไม่มีจะกิน หิวก็หิว ร้อนก็ร้อน แอร์ก็ไม่ติดตั้งให้ พัดลมก็ไม่มี
-ถ้าดวงวิญญาณของบรรพบุรุษเราไปเกิดหมดแล้วศาลที่เราสร้างไว้คงเป็นศาลร้าง กลายเป็นที่อยู่ของสัมภเวสีผีเร่ร่อนหรือไม่ ?
-สุดท้ายได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าให้ตั้งวิหารหลักเมืองแทน เสาหลักเมืองหรือศาลหลักเมืองซึ่งไม่เหมือนเมืองอื่นใดในโลก
-นายกำธร ตุ้งสวัสดิ์ นายอำเภอเจริญศิลป์ในขณะนั้นรับอาสาดำเนินการจัดหางบประมาณและดำเนินการก่อสร้างวิหารหลักเมืองรวมทั้งไปจัดหาพระพุทธรูปที่เหมาะสมมาประดิษฐานไว้
เมื่อสร้างฐานของวิหารหลักเมืองเสร็จแล้ว นายอำเภอได้ไปติดต่อขอรับหลวงพ่อองค์ดำ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยหรือปางชนะมาร พุทธลักษณะนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลาหรือตัก พระหัตถ์ขวาวางคว่ำบนพระชานุหรือเข่า ปลายพระหัตถ์ชี้ลงพื้น สีดำทั้งองค์และแท่น โดยจำลองมาจากหลวงพ่อองค์ดำแห่งมหาวิยาลัยนาลันทาประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเพียงหนึ่งเดียวที่รอดพ้นจากการบุกเผา ทุบทำลายของนักรบมุสลิมในศาสนาอิสลามจากเจ้าคณะอำเภอบ้านผือฝ่ายธรรมยุติ จังหวัดอุดรธานี โดยคุณสมจิต ใจหาญ และผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคสร้างไว้หลายองค์ เพื่อมอบให้แก่วัดและสถานที่ราชการ ที่แจ้งความจำนงขอไป
ค. อภินิหารหลวงพ่อองค์ดำ
-ตอนบ่ายของวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2538 ข้าพเจ้ากับ ผอ.สุพิทย์ จุลราช และคณะได้รับมอบหมายให้แต่งพราหมณ์ไปทำพิธีตั้งวิหารหลักเมืองเจริญศิลป์ในสถานที่ก่อสร้างวิหารหลักเมืองริมหนองทุ่งมนด้านทิศตะวันตก ขณะรอคณะนายอำเภอที่ไปอัญเชิญหลวงพ่อองค์ดำจากอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ในตอนบ่ายวันนั้นท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆ ไร้ลม อากาศร้อนมากและร้อนแล้งอย่างนี้มานานร่วมสามเดือนแล้ว แต่พอขบวนอัญเชิญหลวงพ่อองค์ดำเข้าเขตอำเภอเจริญศิลป์ ได้เกิดลมพายุพัดพาความเย็นและเมฆฝนบนท้องฟ้ามาปกคลุมเหนือบริเวณพิธี เมื่อขบวนอัญเชิญหลวงพ่อองค์ดำมาถึงบริเวณงาน ผู้ร่วมพิธีต่างไชโยโห่ร้องด้วยความยินดีปรีดาและได้อัญเชิญหลวงพ่อองค์ดำขึ้นประดิษฐานไว้บนแท่นที่ก่อสร้างวิหารหลักเมืองเจริญศิลป์เมื่อเวลาประมาณ 17 . 00 น.ของวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2538 ขณะที่อัญเชิญหลวงพ่อองค์ดำขึ้นประดิษฐานไว้บนแท่นวิหารหลักเมืองเจริญศิลป์นั้น ฝนได้โปรยปรายลงมาห่าใหญ่แต่ไม่นานนักก็แปรเปลี่ยนเป็นละอองฝน ทันใดนั้นได้เกิดปรากฏการณ์วงกลมรุ้งเจ็ดสีขนาดใหญ่ที่กลุ่มเมฆฝนบนท้องฟ้าแล้วแปรเปลี่ยนเป็นรุ้งกินน้ำเหนือบริเวณพิธีอย่างน่าอัศจรรย์ ผู้คนต่างตกตลึงและโห่ร้องด้วยความยินดีปรีดาอีกครั้ง ปรากฏการณ์ละอองฝน วงกลมรุ้งเจ็ดสีขนาดใหญ่ และรุ้งกินน้ำที่ก้อนเมฆบนท้องฟ้ากินเวลานานประมาณ 30 นาทีก็เลือนลางและจางหายไปพร้อมกับแสงแห่งตะวัน มันเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ที่ติดตาตรึงใจของชาวเมืองเจริญศิลป์ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ผู้ร่วมพิธีต่างเข้าไปก้มกราบหลวงพ่อองค์ดำที่ประทับนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนแท่นไม่มีหลังคาก่อนทยอยเดินทางกลับบ้าน แม้พื้นดินบริเวณพิธีจะเเปียกฝนและชุ่มน้ำแต่ใจที่เต็มเปี่ยมด้วยปิติและศรัทธานำพาให้ข้าพเจ้าเข้าไปนั่งคุกเข่าก้มกราบหลวงพ่อองค์ดำก่อนกลับบ้านด้วยความเบิกบานใจเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ เมื่อสร้างวิหารหลักเมืองเจริญศิลป์เสร็จสมบูรณ์แล้ว หน่วยงานรัฐทั้งอำเภอและเทศบาลรวมทั้งชาวเมืองเจริญศิลป์ได้ร่วมกันจัดงานสมโภชน์วิหารหลักเมืองเจริญศิลป์และหลวงพ่อองค์ดำอย่างยิ่งใหญ่ ต่อมาได้กำหนดให้วันที่ 9 เมษายนของทุกปีเป็นวันสมโภชน์วิหารหลักเมืองเจริญศิลป์และหลวงพ่อองค์ดำ และกำหนดให้เป็นวันผู้สูงอายุของชาวเมืองเจริญศิลป์ในวันเดียวกัน
-ชาวพุทธที่เลื่อมใสศรัทธาหลั่งไหลไปกราบไหว้บูชา บนบานขอให้ท่านช่วยดลบันดาลให้ได้ มี เป็นโน่นนี่นั่นและบางคนก็กลับมาแก้บนด้วยวิธีตามความเชื่อของตนเมื่อประสบความสำเร็จได้ มี เป็นดังที่บนบานไว้
-วิหารหลักเมืองเจริญศิลป์และหลวงพ่อองค์ดำเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวเมืองเจริญศิลป์ให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม ละเว้นความชั่ว ทำแต่ความดีและทำใจให้ผ่องใสตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้ชีวิตตนเอง ครอบครัว ประสบแต่ความสุขความเจริญและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตราบเท่าทุกวันนี้